While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ศาสนา .. เรื่องละเอียดอ่อนนะ ..


ห้ามมาดักตีหน้าโรงงาน ผมมีปืนนะโว๊ย ...

เรื่องของศาสนา รู้สึกกันไหมว่า มันมีพิธีกรรมที่วุ่นวายเกินไป จนไปบดบังวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในคำสอนของศาสดา เช่น ประเด็นหลักของศาสนาพุทธบอกว่าสุดท้ายให้ปล่อยหมด ก็ไม่เห็นจะปล่อยอะไรกันสักเท่าไหร่ คนที่ปล่อยได้จริงๆ มีไม่มาก ที่มีมากคือยึดเอาแต่เปลือก ไม่เอาแก่น เปลือกมันคือกุศโลบายน่ะ เอาไว้ให้ลอกออก หาแก่นให้พบ หรือที่บอกว่าให้เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง ไอ้ประโยคนี้เล่นเอาผมงมอยู่หลายเดือน กว่าจะเข้าใจ ให้ตายสิ ขนาดเล่นสายพระป่าที่ว่ามันตรงสุดแล้วนะ พยายามดูใบไม้แค่หยิบมือ มันก็ยังยากชะมัด

คือ ไม่ได้เคยคิดที่จะเปลี่ยนศาสนา ไม่เคยคิดจะไปปฎิบัติธรรมอะไรด้วย มันเป็นเรื่องยึดติดเกินไป ว่าจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ถูกมั๊ย ผมเชื่อในศาสนาที่ผมนับถือมั่นคงอยู่ ไม่ใช่ความยึดติด แต่มันเป็นการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก กับเรื่องที่ได้รับการพิสูจน์แล้วเกี่ยวกับความเชื่อ เอ..มันต่างกันมั๊ยเนี่ย ผมก็แค่ศึกษาไปเรื่อย หาแนวคิดใหม่ๆ มาบำบัดความอยากรู้ อยากคิดของตัวเอง ก็คุณอาบอกว่าศึกษาได้ ไม่ผิด เราก็ลองเอามาใช้ดู ทดลองดู

ศาสนาคริสต์ก็ใช่ว่าจะไม่เสื่อม ทุกวันนี้ไม่ว่าจะศาสนาไหนๆ มันก็มีแต่เรื่องของผลประโยชน์กันทั้งนั้น ถ้านึกไม่ออก ลองนึกถึงค่าเทอมของโรงเรียนคริสต์สิ แล้วยังไง เซนต์คาเบรียลก็ยังเป็นตัวเลือกแรกสำหรับคนที่มีเงินจ่าย ถึงแม้ค่าเทอมมันจะ หลายหมื่น .. ผมเคยทำเวบไซต์ของวัดเซนต์ร็อค ทำ research, design ทำไทย ทำอังกฤษ โดยไม่มีค่าตอบแทน (คำเตือนจากประสบการณ์..อย่าพยายามทำอะไรให้เป็นไทยก่อนแล้วค่อยแปลเป็นอังกฤษ มันจะโคตรยาก ต้องเล่นของน่ะถึงจะสำร็จ .. ไปที่หลุมศพพ่ออางค์ ท่านเป็นบาทหลวงที่เห็นพ่อผมเหมือนลูกหลาน.. บอกท่านว่าช่วยให้ผมไปรอดด้วยนะ .. เอ่อ .. ยอมรับก็ได้ ว่าโง่ภาษาอังกฤษ) พอเราว่าพ่อว่างานวัดทำไปไม่ได้อะไร คุณอาก็ย้อนมาว่าแล้วเราทำ ได้อะไร อืม..ตอบไม่ได้เลยแฮะ มันอาจจะซ่อนอยู่ในยีนส์ ก๋งผมเคยลากปืนลูกซองไปนอนเฝ้าวัดในช่วงที่มีการเบียดเบียนศาสนา พ่อผมเป็นประธานสภาวัด อะไรพรรค์นี้ .. มันก็เลยเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ผมอยากจะให้มันมีข้อมูล ประวัติ ความเป็นมา ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเท่าที่จะหาได้จากเอกสารอ้างอิง ทุกอย่างเท่าที่พ่อผมจะจำได้ ให้มัน online อยู่ ใครสนใจก็เปิดดูได้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้ผมเห็นชัดกว่าคนอื่น ถึงการปฎิบัติที่แตกต่างระหว่างศาสนากับประชาชน ในช่วง 100 ปี

มันก็เลยทำให้ผมคิดว่า เราคงไม่ต้องไปยึดติดกับอะไร อย่างไดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ปรัชญา ศาสนา ลัทธิ หรือแม้แต่จิตวิทยา ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตามเวลา เราไม่ใช่นักบวช ที่จะต้องพลีตนเพื่อศาสนา เราไม่ใช่ผู้นำลัทธิ ที่จะต้องแผ่ขยายอิทธิพลทางความคิดออกไป เราไม่ใช่นักจิตวิทยาที่จะต้องพิสูจน์ทฤษฏีของตัวเอง มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา เราแค่ต้องเลือกๆ เอา ปรัชญากับจิตวิทยาจะเอามาใช้ได้ก็ต้องปรับเอา ถ้ายกมาทั้งดุ้นคงลำบาก ลัทธิยิ่งไม่ยั่งยืน ศาสนามันน่ากลัวก็ตรงตัวแทนของศาสนานั่นหล่ะ เดี๋ยวนี้ที่ดีๆ มันมีน้อย สงครามครูเสดที่ยาวนานถึง 400 ปี ไม่ใช่สงครามเพื่อศาสนานะ แต่มันเป็นสงครามเพื่อผลประโยชน์ของผู้นำทางศาสนาต่างหาก และมันก็กลายเป็นความสูญเสียที่ประมาณไม่ได้ สงครามทางศาสนาที่ยังมีอยู่ทุกวันนี้ มันก็แบบเดียวกัน ถ้าทำได้ อ่านพระใตรปิฏกหรือคัมภีร์ไบเบิลด้วยตัวเองจะแจ่มมาก แต่มันก็เป็นเรื่องยากและน่าเบื่อ ปัญหาอีกอย่าง เราจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงความคิดของคนที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 2000 กว่าปีก่อนได้ยังไง ทั้งรูปแบบวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ชีวิตความเป็นอยู่ ต่างกันตั้ง 2000 ปี แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

ของทุกอย่างมันมีทั้งข้อดี ข้อด้อย ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ ต่อให้เป็นทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปก็เถอะ E=MC2 พัฒนาโลกให้มันเป็นโลกาภิวัฒน์ได้ แต่มันก็สร้างระเบิดนิวเคลียร์เพื่อการทำลายล้างได้ด้วย ไอน์สไตน์ถึงกับซึมไปเลย ถ้าเราเปิดใจให้กว้างพอ ศึกษาทุกอย่างให้ลึกพอที่จะเข้าให้ถึงแก่น เราก็สามารถเลือกเอาเฉพาะสิ่งที่เหมาะกับเรามาใช้ได้ คนเรามีความต้องการไม่เท่ากัน ก็อย่าเผลอไปคิดว่าสิ่งที่เหมาะกับเรา จะเหมาะกับคนอื่นด้วย ของแบบนี้ยัดเยียดให้กันไม่ได้ มันต้องอยาก.. ด้วยตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น: