While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ultrasound สุนัขดุ / Sat. 11 Oct., 2014



นาฬิกาดังอยู่นาน จนแม่เดินมาเรียก ตี 4 จะครึ่งอยู่แล้ว ผมโดดลงมาจากเตียงยัดถ่านอัดเม็ด เอาน้ำมากรอกด้วย (ใช้ไซริ้งค์น่ะครับ) ได้ไม่เยอะก็ทำท่าสำลัก มารยาเปล่าวะเนี่ย กลับขึ้นไปนอนต่อ .. 6 โมง ให้น้ำเกลือ ผ่านไป 10 นาที นึกได้ลืม ulsanic หันไปหยิบมายัดเข้าไป เหลืออีก 20 นาทีก่อน cavumox ผมก็ปีนขึ้นเตียง ขออีก 15 นาทีน่า ลุกมายัดยา แล้วไปกินข้าวเช้าก่อน จะพาบ๊าคไปอึก่อนกิน ฝนก็ตก ดีที่หยุดใน 5-6 นาที อีก 5 นาทีจะได้เวลากิน ไปอึก่อนดีกว่า กินแล้วไปเดิน เดี๋ยวได้อ้วกออกมาหมด
เขาเห็นอากาศไม่ดี ก็หันมาดูท่าทีผม พอบอกว่า ไปหลังบ้านกันดีกว่า บ๊าคก็เดินนำลิ่วๆ จนต้องบอก ช้าๆ เดี๋ยวลื่น พาวนไม่นานในการอึรอบแรก ที่มีไม่มากและยังเหลว แต่ก็เดินไปทั่ว กว่าจะอึรอบ 2 แถมมีหมาบ้านอื่นมาที่ถนน เขาก็ยืนจ้อง พอผมไล่ ไอ้นั่นวิ่งหนี หมาพ่อกวด บ๊าคก็จะไปเอากับเขาด้วย กระชาก ขู่ ขนตั้งชัน ยังไหวนี่หว่า .. อึรอบ 2 ปริมาณค่อนข้างมาก ยังเหลวเหมือนเดิม มันจะกลับมาแข็งอีกไหมเนี่ย แต่ไม่พุ่งเป็นน้ำก็ยังดี เมื่อคืนไม่มีอึไหลเองอีก บ๊าคนอนอยู่ข้างหัวเตียงจนเช้า
ผมชวนเข้าบ้าน พอมาถึงหน้าบ้าน ทำท่าจะไปต่ออีกนะ ผมดูนาฬิกา เดินกันมาตั้ง 20 นาทีแล้ว ผมก็ว่าเข้าบ้านเถอะ เขายังวิ่งไปดูปลาอีกหน่อย เข้าไปนอนหอบแฮ่ก ผมตามเข้าไปเช็ดก้น เช็ดเท้าให้แห้ง ให้พักสัก 5-10 นาที แล้วค่อยไปเอาอาหารมา มื้อนี้เพิ่มปริมาณขึ้นอีก ดูซิว่ากินได้มากขึ้นหรือยัง ผมเดินมา เขาก็ชันศอกด้วยความสนใจ พอวางให้ ก็ดมๆ เลียๆ แต่ไม่กิน ไม่กินเองแน่นะ โอเค งั้นป๊าป้อน ก็เหมือนเมื่อคืน จับยัดปากไปทีละก้อน ทีละก้อน จนหมด แล้วเช็ดหน้าเช็ดตา เช็ดขา ให้สะอาด ที่พื้นเอาน้ำผสมน้ำส้มสายชูเช็ดด้วย เดี๋ยวมันหอมๆ มดมา แล้วจับแก้มเขาเขย่าๆ เก่งมากลูก เก่งมาก จูบจมูกไปที แล้วไปอาบน้ำ
เข้าครัว ผมก็เดินบ่นๆ ไป ยัดไป มันก็กลืนนิ่หว่า ทำไมไม่กินเองวะ แม่เขาก็ว่า มันคิดว่ามันต้องกินอย่างนั้นรึเปล่า ผมก็ว่า ไม่น่านะ ก็วางแล้วบอกให้กินเองแล้ว รึมันชอบให้ยัดคอ ก็ไม่น่าชอบ กินเองน่าจะสบายกว่า ..
ผมอาบน้ำไม่ถึง 10 นาที(นี่ขี้ด้วยนะ) ค่อยกลับมาป้อนยาหลังอาหาร แล้วถึงนึกได้ จากความรู้สึกมึนๆ ว่ายังไม่ได้กินยาของตัวเองนิ่หว่า กินก่อนแล้วกัน
เที่ยงกลับไป บ๊าคกำลังงุ๊งงิ๊งๆ บ้านอาเขามากัน เจ้านี่ได้ยินเสียงพวกเขา ก็พยายามไปแอบดูตรงประตู ผมเปลี่ยนชุดก่อน เปิดไฟลุ้นว่ามีอึให้เช็ดไหม ไม่มี ดีใจจัง จับยัด ulsanic ไปก่อน เย็นนี้ต้องไปหาหมอกินอะไรไม่ได้ แล้วผมก็ไปกินข้าว ค่อยมาพาไปฉี่ แค่เขาได้ยินเสียงผมเดินมาหน้าบ้าน ก็ลุกมารอหน้าประตูแล้วครับ ออกไปก็ฉี่ 5-6 ที่ เดินอยู่พักใหญ่ จนต้องถาม อยากขี้มั๊ยเนี่ย ถ้าไม่ขี้เข้าบ้านกันนะ ไป เข้าบ้านดีกว่า เขาก็พาเดินไปข้างบ่ออีก เข้าไปก็ไปทำท่าตื่นเต้น ชะโงกดูตรงที่กั้น น้องเขามายืนคุยกับพ่อแม่ผมตรงครัวบ้านเขาโน่น
ผมว่าท่านี้กำลังเหมาะ หันไปหยิบยาหยอดตา เขาหันมามอง พอเอาฝาออก เขารีบวิ่งหนีไปนอนเอาหัวมุดอยู่ปลายเตียง ต้องลากกันออกมา เก็บขวดยาแล้วก็กลับมาเช็ดฉี่ มีฉี่ไหล เลยบอก เอ้า ฉี่ไหลแทนเหรอ ป๊าเลือกได้ไม๊ ฉี่เล่นง่ายกว่า .. เช็ดเสร็จ ก็เตรียมยาหยอดตาอีกอย่าง กับ vetmedin มาไว้ข้างๆ .. ตั้งโทรศัพท์ปลุก แล้วนั่งพิงผนังหลับตาสักหน่อย มือซ้ายแตะไว้ที่ขาบ๊าค .. เขาระวังตัวอยู่ตลอด รู้น่ะว่า ต้องโดนหยอดตากับยัดยาอีก ทำท่าเหมือนหลับ แต่ถ้าผมขยับ รีบลืมตามอง จัดการเรียบร้อย ก็กลับไปทำงานบ่าย
เย็น ผมขออนุญาติคุณยามให้ไอ้ตั๊กตอกบัตรให้ เขาก็พยักหน้า ผมเอาบัตรยัดใส่มือ มันทำงง บอกจะรีบไป ต้องไปเอาไส้กรอกให้ไอ้ดำด้วย .. มันมารออยู่แล้ว ผมวางให้แล้วรีบบึ่งกลับบ้าน ทางบ้านผม ฝนเป็นละอองเล็กน้อย
บ๊าคเห็นผมกลับมา ก็ทำท่าดีใจ ผมเปลี่ยนกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อกล้ามตัวเดียว ยื่นเข็มขัดให้เขาสวมหัวเข้ามา พอพ้นปากประตู เขาทำท่าลังเล ว่าจะไปด้านไหนดี ผมบอก หลังบ้านแล้วกัน .. ถึงเขาจะเดินวนไปทั่ว แต่มันง่ายกว่า มีที่เดินเยอะ มีหญ้ารองเท้า เดินมากๆ ยังไงก็อึแน่ๆ ที่น้อยๆ หน้าบ้าน บางทีก็ทำให้เขาอึไม่ออก
บ๊าควนฉี่ได้สักชาติ ฝนก็เริ่มลงเม็ด ผมก็เริ่มเร่ง ขี้ดิ เอาตรงไหนดี ฝนเริ่มตกแล้วนะ เดี๋ยวเปียก .. เขามาได้ที่เหมาะข้างต้นสะเดา อึเสร็จ ผมก็ชวนเข้าบ้านเลย แล้วไปเตรียมรถ ของที่ต้องใช้ใส่ถุงพลาสติกไว้แล้ว ผ้าขนหนูผืนใหญ่ปูเบาะหลัง เอาผ้าปูที่นอนปูทับอีกทีถึงพนักพิง ใช้ผ้าขนหนูผืนกลางอีกผืน พาดไว้กับพนักพิงเบาะหน้าซ้ายด้านหลัง บ๊าคโวยตั้งแต่ผมกด unlock ประตูรถแล้ว หูดีชิบหาย รู้ได้ไงวะ(รถผมมันไม่มีเสียงนะ) เขาเดินวนด้วยความตื่นเต้น จนผมเข้าห้องมาอีกที บอกเขาว่า ปิดประตูก่อนนะ ไปเที่ยวไกล
ออกจากบ้านราว 6.45 pm เขาจะโผล่มาข้างๆ เป็นระยะๆ ผมต้องคอยรั้ง belt ไปข้างๆ กลัวรถเบรค เขาคะมำมา belt ตึง หน้าตาแหก พร้อมๆ กับเอาหัวตัวเองไปชนหัวเขาด้วย เล่นกับเขาน่ะครับ เผื่อเขาจะคลายความตื่นเต้นลงหน่อย .. รถติดมหาศาล เราถึงโรงพยาบาลเอาตอน 7.45 pm ผมสวดสายประคำไปได้ 2 สายอะ
พอจอดรถดี ผมก็ลงมาใส่ตะกร้อ เชือกดันขาดอีก อะไรมันจะห่วยขนาดนั้น ผมเลยเข้าไปซื้อที่ใส่ปากจากร้านในโรงพยาบาล เอามาลอง 2 ไซส์ พร้อมยื่นบัตรนัดไว้ก่อน เบอร์ 5 ใส่ได้กำลังดี ไม่คับ เขาน่าจะหายใจสะดวกกว่า ผมเข้ามาก่อน พ่อตามมาทีหลังพร้อมร่ม บ๊าคจำไม่ได้ คงเห็นท่าทางรุ่มร่ามเดินเข้าหา พวกก็เห่าใส่ พ่อเลยไปนั่งห่างๆ หน่อย คนมารอหมอไม่มากแล้ว ส่วนใหญ่คงเป็นนัดคลีนิคพิเศษ
ขณะที่รอเรียกตรวจ เจออานาเข้ามาทักพ่อ น่างงมากๆ ที่มาเจอกันที่นี่ หมาเขาแก่มากแล้วก็เริ่มแย่ พามาหาหมอเหมือนกัน เจ้าหน้าที่เขามาเรียกไปโกนขน แล้วเขาก็ตกลงกันว่า ให้หมอดูก่อนดีกว่า ว่าจำเป็นต้องโกนไหม เราเลยนั่งรอกันอยู่ในห้องข้างซ้ายของห้อง ultrasound คือห้องที่คุณหมอธนิกาใช้ ตอนเรามาพบน่ะแหละครับ คุณหมอชาลินีอยู่ห้องข้างๆ ก็โผล่มาคุยด้วยนิดหน่อย ถามอาการอะไรพรรค์นั้น นั่งรอคุณหมอเรียกตรวจกันอยู่นานมาก ผมอาจรู้สึกไปเองก็ได้ว่ามันนาน
พอได้ตรวจ ผมกับคุณผู้ช่วยก็ช่วยกันยกบ๊าคขึ้นเตียงรูปตัว V คุณหมอตัดสินใจให้โกนขน เขาก็ใช้แบตเตอเรียนไฟฟ้าแบบชาร์ตได้ เสียงเงียบมาก แต่บ๊าคก็ยังดิ้นๆๆๆ ต้องใช้ผู้ช่วยอีกคนจับขาหลังไว้ คล้ายๆ ขึงพืดหงายท้องอย่างนั้นน่ะครับ ทั้งๆ ที่ก่อนโกน คุณผู้ช่วยเขาเอาผ้าขนหนูมาให้อีกผืน ให้คลุมหัวไว้เหลือแต่จมูก เขาว่าจะช่วยลดความตื่นเต้นได้มากกว่า
คุณหมอก็เคลื่อนไอ้หัวตรวจไปทั่วๆ พลางดูมอนิเตอร์ไปด้วย ผมก็ดูตามทั้งๆ ที่ดูไม่รู้เรื่อง พักใหญ่มากๆ ท่านก็ mark จุดวัดระยะของอวัยวะภายใน แล้วค่อยสรุปให้ผมฟังว่า
เชลล์มะเร็งมันกระจายมาที่ต่อมน้ำเหลืองหลัก แล้วกระจายต่อไปตามต่อมน้ำเหลืองที่มีอยู่ทั่วร่างกาย ตอนนี้ กระจายไปในช่องท้องแล้ว ต่อมน้ำเหลืองหลักปกติใหญ่ประมาณ 1 เซนต์ ของบ๊าค 3.3x3.5 เซนต์ .. progress ของโรคประมาณ 1 เดือน  ทีนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันจะไปโผล่ที่ไหน ก็จะไปสร้างปัญหาให้อวัยวะส่วนนั้นๆ กับอวัยวะใกล้เคียง ตอนนี้ยังไม่กระจายไปที่ตับกับม้าม ร่องรอยจากการ x-ray ที่ปอดก็ใช่
ท่านบอกชื่อชนิดของมะเร็ง แต่ผมจำไม่ได้ เป็นชนิดที่แพร่กระจายได้เร็ว และไม่ค่อยตอบสนองต่อคีโม แต่ถ้าจะลองก็ได้ ลองคุยกับคุณหมอทางด้านมะเร็งดู ผมถามตรง ผมจะทำอะไรได้บ้าง คุณหมอก็ตอบตรง ทำใจ .. ผมกับผู้ช่วยทั้ง 2 หัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน แต่ผมขำได้แป๊ปเดียวแหละ คุณหมอก็พูดต่อว่า สภาพร่างกายของบ๊าค หมอคิดว่าคีโมจะทำให้แย่มากๆ ผมถาม และไม่ได้หาย แต่ยืดเวลาทรมานออกไป ท่านยิ้มอย่างเห็นใจ และดูสบายใจขึ้น ที่ผมเข้าใจ ไม่ดึงดันให้หมาตัวน้อยๆ ต้องลำบากมากไปกว่านี้
ผมก็ว่า ผมอ่านๆ มา 2-3 วันในเนท เรื่องผลของคีโม ถ้าเป็นตัว lymphoma ผมคงตัดสินใจยาก คุณหมอก็ว่า ถ้าให้คีโมต้อง 3 อาทิตย์ครั้ง ดูการตอบสนอง ที่มีผลแน่ๆ คือ อาเจียน ท้องเสีย กดภูมิ ผมก็บอกท่านได้เลย งั้นผมไม่เอา ให้อยู่ไปสบายๆ ได้แค่ไหนก็แค่นั้นดีกว่า ซึ่งท่านเห็นด้วยอย่างแรง
คือท่านพูดตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นภาพในมอนิเตอร์แล้วว่า ทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมก็ใจเสียไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ผมเป็นพ่อเขา ต้องคิด ต้องตัดสินใจ ยังไงก็ต้องคิด ว่าจะเอายังไงต่อไป ไอ้ก้อนที่ขาหนีบก็เป็นก้อนมะเร็ง มันขรุขระ ท่านก็เอาเมาส์วนๆ ให้ผมดู ว่าถ้าไม่ใช่มะเร็งจะเป็นยังไง ถ้าเป็นมะเร็งเป็นยังไง
อีกครั้งที่ผมต้องถามคำถาม ผมมีเวลาอีกเท่าไหร่ ท่านว่า มากสุด 6 เดือน ท่านมีวิธีพูดให้เจ้าของหมารู้สึกแย่น้อยลงนะ แต่ผมรับได้กับความจริง เพราะคิดมาเยอะมากๆ แล้ว มันต้องดีกว่า การไม่รู้ความจริง อย่างแน่นอน ผมถามท่านอีกครั้ง น้อยที่สุดล่ะ ท่านว่า 3 เดือน .. แต่ผมกลัวว่า มันจะน้อยกว่านั้น ผมอยู่กับเขา ผมรู้ดีว่าร่างกายเขา อ่อนแอกว่าที่เห็น
ผมเล่าคร่าวๆ ว่าผมต้องเข้าโรงพยาบาล ก่อนเข้ายังไม่เจออะไรเลย นอนโรงพยาบาลอยู่ 2 อาทิตย์ กลับมาเจอเรื่องตา อีกอาทิตย์เจอก้อน ผมมั่นใจ เพราะผมดูแลเขาเองทั้งหมด อาบน้ำฟอกแชมพู มันต้องเจอสิ คุณหมอเขาว่า ตัวนี้มันเร็วมากๆ .. สรุปคือ รักษาตามอาการ คลีนิคใกล้บ้านจะดีกว่า หมาไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางไกลๆ
ค่าเลือด ให้น้ำเกลือแล้วคุมค่าไตได้ ก็ให้ต่อไป ต่อมน้ำเหลืองหลักนี่ มันจะโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วไปกดท่อไต ท่อปัสสาวะ ลำไส้ ทำให้ถ่ายลำบาก แล้วจะไม่กิน ผมเลยถามถึงอาการช่วงท้าย จะเป็นยังไง อาเจียน ท้องเสีย ? ท่านก็ว่า ประมาณนั้น อาจมีปวดร่วมด้วย .. เรื่องยา กินไปตามเดิม cavumox กินได้ยาว ไม่มีผลข้างเคียงอื่น แค่ฆ่าเชื้อ จะช่วยได้ ท่านจะสั่งยาเพิ่มให้ คุยจนพอใจ ผมก็ขอบคุณแล้วลาออกมา
บ๊าคฉี่แม่งหน้าห้องตรวจเลย ดีที่ฉี่ไปด้านรั้วที่กั้นไว้สำหรับหมา admit ใช้ขับถ่าย ผมชวนเขาออกมา พ่อนั่งอยู่ทางที่จะออกประตู ผมก็บอกพ่อ พาบ๊าคไปฉี่ก่อน ปกติเขาจะทนได้นานกว่านี้ แต่หัว ultrasound ไปกดคลึงไปคลึงมาบนท้องเขานานๆ คงทนไม่ไหว ผมก็วิ่งตามเขาออกมาหน้าโรงพยาบาล โชคดีที่ฝนหยุดตกแล้ว เลยปล่อยให้ฉี่ได้นานหน่อย
เข้ามารอรับยา คนเหลือน้อยมากแล้ว เกือบ 3 ทุ่มแล้วนี่ คิดว่าคงไม่ต้องรอนาน ไปนั่งที่เดิมด้านใน หน้าห้องผู้ป่วยใน ดูเหมือนบ๊าคก็คิดว่าต้องนั่งตรงนี้ เดินตามมาง่ายๆ แล้วหมอบอยู่(มันเป็นจุดที่ค่อนข้างวุ่นวายน้อยที่สุดในบริเวณที่นั่งรอแล้วล่ะ) พักนึง คุณหมอธนิกาเดินมาจากเคาน์เตอร์ ยิ้มมาแต่ไกลบอกว่า ทราบเรื่องแล้ว เสียใจด้วย แล้วมานั่งด้านหลังคุยกับผม บ๊าคจะได้ไม่สนใจท่าน ผมซึ้งใจจริงๆ ที่ท่านกรุณาใส่ใจ ยอมเสียเวลามาคุยด้วย เพื่อปลอบใจเจ้าของหมาคนหนึ่ง
ท่านว่า ไม่เจอกันนาน ไปถามแล้วว่าเป็นอะไร ก็ไม่ค่อยดีนะ ผมก็ถาม คุณหมอคิดยังไงกับเรื่องคีโม ท่านว่า อายุเยอะแล้ว มีทั้งหัวใจทั้งไต หมอว่าเขารับไม่ไหว ให้เขาอยู่สบายๆ ดีกว่า สภาพมันจะแย่มากๆ ผมก็ว่า ผมคิดมา 2 คืนแล้วว่า ถ้ามันไม่หายจะกลายเป็นยืดเวลาทรมานออกไปอีกรึเปล่า ท่านก็ว่า ใช่ โชคไม่ดี มะเร็งตัวนี้กระจายตัวเร็วมาก และไม่ตอบสนองต่อคีโมเท่าไหร่
ผมก็เล่าว่า เมื่อเดือนก่อนผมเข้าโรงพยาบาล 2 อาทิตย์ เขาไม่ได้กินยาเลย ท่านก็ว่า อ้าวเป็นอะไร ผมก็บอก เส้นเลือดหัวใจ ทำ balloon ล้มไปเฉยๆ ท่านทำท่าตกใจ คล้ายว่า รอดมาได้ยังไง ผมเลยบอก แถวนั้นคลีนิคเยอะ หมอๆ เขาช่วยกัน
ผมถามต่อว่า เป็นไปได้ไหมที่ขาดยา ท่านว่าไม่หรอก พวกนี้ส่วนใหญ่มีอยู่ในกรรมพันธุ์ ผมว่า ก็น่าจะนะ แม่เขาเป็นมะเร็งตับ พ่อเขาเป็นมะเร็งโพรงจมูก หรือช่วงที่ขาดยาร่างกายอ่อนแอ มันเลยโผล่ออกมา ท่านว่าก็เป็นไปได้ .. ช่างเหมาะเจาะเสียจริงเว๊ย นึกๆ ดูแล้ว ถ้าผมตายวันนั้น บ๊าคคงตายวันที่ผมตายครบ 30 วันพอดี .. ถ้าไม่มีใครช่วย ใครล่ะจะป้อนยา ทิ่มเข็มให้น้ำเกลือ เอาอาหารยัดปากให้บ๊าค ไม่ต้องสงสัยเลย
ผมถามเรื่องอาหารชีวจิตที่อ่านๆ มา ผัก ปลา ท่านว่า คนกับหมาต้องการคาร์โบไฮเดรต แต่มันจะกลายเป็นน้ำตาลไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ให้เลี่ยงไปใช้พลังงานจากไขมันแทน โดยเพิ่มน้ำมัน ผมก็ถามน้ำมันอะไร ท่านว่า อาจเป็นซุบไก่ต้มก็ได้ ควรไขมันสูง โปรตีนน้อย อาหารสำเร็จรูปจะมีก็ n/d ผมก็ถาม อาหารมะเร็งใช่ไหมครับ ท่านว่าใช่ ผมว่าที่นี่มีไหม ท่านว่ามีนะ แล้วเดินไปดู ผมฝากบ๊าคไว้กับพ่อแล้วตามไป กระป๋องละ 120 ผมว่าแพงนะ คนดูแลสต๊อกเขาก็ว่าไม่มีแบบเม็ดด้วย คุณหมอท่านอธิบายว่า ไขมันเยอะเลยทำเป็นเม็ดไม่ได้ อ้อ งั้นผมเอา 10 กระป๋องก่อนแล้วกัน ท่านยังหันไปถามคนดูแลสต๊อกว่า มีแบบซื้อ 5 แถม 1 ไหม เขาก็หัวเราะว่า ไม่มีครับ
คุณหมอท่านว่า อย่าเครียดมากนะจะกระทบกับหัวใจ หมอก็เจอแล้วเนี่ย ผมลืมตัวยื่นมือไปเกือบแตะหัวไหล่ท่าน ดีที่หยุดได้ทัน ไม่งั้นคงเป็นการเสียมารยาทมาก คือเราคุยกันเหมือนเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ผมบอกท่านว่า เป็นหมอโรคหัวใจปล่อยให้เป็นโรคหัวใจได้ยังไง ท่านว่าเจอแล้วเนี่ย ยังงงอยู่เลย แล้วบอกชื่อที่ผมไม่เคยได้ยินหรืออ่านเจอมาก่อน ท่านถามว่า ของผมคอเลสเกาะเหรอ ผมว่า ใช่ครับ เป็น 2 เส้น 90% ทำแล้ว 50% ยังไม่ได้ทำ ผมสูบบุหรี่ด้วยไงและไม่ระวังเรื่องอาหาร ท่านถามว่า colonary รึเปล่า คุ้นๆ นะ แต่จำไม่ได้ เลยบอกไม่แน่ใจ ท่านว่าเส้นหลักหรือเส้นย่อย ผมก็บอกเส้นหลักครับ เห็นเขาว่ามี 4 เส้นน่ะ
จะลากันแล้วท่านก็ว่า โชคดีนะคะ ผมบอกว่า ผมก็คงไม่มาแล้ว ท่านหัวเราะแล้วว่า ว่างๆ มาเที่ยวก็ได้ ผมก็บอกท่านว่า ขอบคุณมากครับ คุณหมอช่วยมา 2 ตัวแล้ว ท่านก็ว่า ยินดีค่ะ .. คือคุยกันตอนแรกๆ แล้วว่า พาเขามาก็หอบตลอดทางทุกที ท่านว่า รักษาคลีนิคใกล้ๆ บ้าน เขาจะได้ไม่เหนื่อย
มาจ่ายค่ายา ค่าของ เขาเรียกตั้งแต่ตอนที่นั่งคุยกับคุณหมอธนิกาแรกๆ โน่น ท่านก็สละเวลานั่งคุยกับผมนานมาก ผมโชคดีนะ ที่เจอแต่คุณหมอที่ใส่ใจความคิด ความรู้สึก ของทั้งคนทั้งหมา ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอวรรณพงศ์ คุณหมอธนิกา คุณหมอพรพรรณ คุณหมอชาลินี
คุณหมอธนิกาพูดมาประโยคหนึ่ง ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ท่านเป็นคนคิดลึกซึ้งและมองจากมุมสูง ท่านว่า หมาโชคดีกว่าคนนะ เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร .. นั่นสิ จากนั้นก็อยู่ที่เรา ผมต้องพยายามทำความเข้าใจบ๊าคให้มากขึ้น ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เมื่อกี้ท่านก็ว่า ลองดูอาหารปรุงเองก็ได้ หาสูตรตามเนท เผื่อจะกิน .. ก็นะ ปัญหาคือ บ๊าคจะกินรึเปล่า จะทำยังไงให้กิน
ขากลับ รถว่างๆ มัน 3 ทุ่มแล้วนี่ แล้วเป็นขาออก ก็มากันเรื่อยๆ ไม่เร่งร้อน ขึ้นรถเรียบร้อย ผมให้บ๊าคกินน้ำก่อน แล้วยัดถ่านอัดเม็ดตาม อันนี้คุณหมอธนิกาท่านก็ว่าดี ไม่งั้นมันจะออกไปเลย ถ่านจะช่วยจับแบคทีเรียออกไปด้วย แปลว่ามาถูกทาง เมื่อเย็นอึเริ่มดีขึ้น ไม่เหลวเหมือนเมื่อเช้า ยังไม่แข็งเป็นก้อน แต่ก็ดูดีขึ้นนะ ผมถามพ่อเรื่องแปะตำปึง ท่านว่าเคยได้ยินแต่ไม่รู้จัก หญ้าปักกิ่งเคยเจอ ผมซื้อมายังอยู่เลย ให้ coffee ลองดู แล้วก็เห็นตายนี่หว่า ..
บ๊าคนั่งคลอเคลียมาตลอดทาง คือยื่นหัวมาข้างๆ น่ะครับ ผมก็เอาหัวถูๆ ไปบ้าง ยกมือซ้ายไปลูบๆ จมูกบ้าง พอลูบเขาก็ถอยกลับไป ผมก็ว่า เออดูซะ ไม่มาอีกแล้วนะ พูดแล้วก็สะท้อนใจ .. ผมคุยกับเขาไปเรื่อย เห็นอะไรมั่ง ชอบมั๊ย เคยมาแต่กลางวัน กลางคืนเห็นปะ หมาตาดีกว่าคนใช่มะ แล้วเอื้อมมือเหมือนตอนจับต้นคอตัวเอง ไปลูบๆ หัวเขา ดูเขา ok นะ บางทีก็โผล่มาตรงกลาง พอถาม ยืนอยู่รึเปล่า เดี๋ยวหัวทิ่มนะ นั่งลงเหอะ เขาก็นั่งอย่างว่าง่าย ตอนแวะเติมน้ำมัน พวกก็เห่าเด็กปั๊มดังลั่น พ่อเขาว่า ยังเก่งนี่
ถึงบ้านสักที เขาจำทางได้นะ ว่าเนี่ยถึงแยกเซนต์ร็อคแล้ว ผมเคยแกล้งถามเขาตอนออกมากลางวันว่า ทุ่งนาสวยมั๊ย ลงไปวิ่งเล่นกันปะ ผมว่าเขาคงอยากเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่เคยให้เขาทำอย่างนั้น เจ้าของนาเขาคงไม่ยอม และผมจะไล่จับเขายังไง ผมให้เขากระโดดลงบนหญ้าข้างนอก พื้นมันสม่ำเสมอกว่า โอกาสสะดุดอะไรน้อยกว่า ฉี่ก่อนแล้ววิ่งนำจะเข้าบ้าน คงเหนื่อยจัด มาเข้าประตูด้านข้าง ผมถอดเข็มขัดข้างนอก แล้วให้เขาวิ่งเข้าห้องไปเอง เขาก็พุ่งไปหาถังน้ำ กินน้ำก่อนเลย แล้วมาโผล่ตรงทางออกจากห้อง ผมยังไม่ได้ตามมาเอาไม้กั้นทางออก .. ก็บอกเขาว่า อย่าออกไป นอนตรงนั้นแหละ เขาก็นอนหมอบลงไปนะ แต่ล้ำๆ ออกมานิด แม่เขาเลยมาเอาไม้กั้นให้ ผมบอก ถอยไปหน่อย เขาก็ถอยนะ
เก็บของแล้วก็งง จะทำอะไรก่อนดี ยังไม่ได้เวลา cavumox ไปกินข้าวก่อนดีกว่า ตักมานิดเดียว กินไปคิดไป เรื่องที่คุยกับคุณหมอมา แทบจะกินไม่หมด มันคาคอหอย ต้องพยายามกินเข้าไป คิดว่า ถ้าตัวเองป่วยแล้วใครจะทำอะไรๆ ให้บ๊าค เวลาเราเหลือน้อยแล้ว ผมจะทำให้เขามีความสุขที่สุด รู้สึกดีที่สุด ..
มันก็กลับไปที่เรื่อง euthanasia .. ถ้าเขาแย่มากๆ ผมควรฉีดยาให้เขาไปสบายๆ ดีไหม ตอนนี้ผมคิดว่าดี คงไม่มีใครเลือกที่จะทรมาน แทนการหลับอย่างสบาย ถ้าเลือกได้
ผมป้อน cavumox แล้วรอเวลา เอา n/d มาลองเลย แม่มไม่มีที่เปิดให้ ผมคงต้องหาที่เปิดกระป๋องดีๆ มาไว้สักอันแล้ว บ๊าคทำท่าสนใจมาก แต่กินเองแค่ 2 ชิ้น แล้วหมอบ โอเค ป๊าจัดให้ .. n/d เหลวกว่า i/d จะจับยัดปากยากนิดนึง แต่ก็ป้อนหมดจนสำเร็จ นึกถึง renal ที่เหลืออยู่ไม่มาก เอามาต่อหน่อยแล้วกัน กระป๋องแม่ง 110 ยัดไปก็กลืนนี่ จะได้อิ่มๆ ท้องไว้หน่อย
เรากินกันตรงข้างเก้าอี้เอนของผม เสร็จต้องเช็ดพื้นเดี๋ยวมดมา ผมก็ไล่เขาไปที่อื่นก่อน เขาก็ลุกสะบัดไปข้างหัวเตียง ไม่น่าเลยกู งานต่อไปต้องการที่กว้าง แต่ผมต้องหัดปรับตัวให้ทำอะไรๆ ให้เขาได้ทุกที่ เขาจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนที่บ่อยนัก หรือ ไม่ต้องลากออกมากัน
เช็ดพื้นเรียบร้อยก็ไปจัดยา แล้วมาป้อนยาหลังอาหารก่อน จากนั้นกวาดห้อง หวีผม พ่นยา โกนขนก็ดีนะเห็นราชัดดี ผมชักอยากได้แบตเตอเรียนชาร์ตไฟอย่างงั้นมั่งแล้ว เสียงเบาดีด้วย ไว้ตัดผมเอง skinhead มันจะไปยากอะไร เอามาใช้โกนขนบ๊าคด้วยก็ดี จะได้กำจัดเชื้อราให้สิ้นซาก ไปล้างกระป๋องน้ำ วันนี้กินได้ราว 500 cc รวมกับที่กินตอนเดินทางก็น่าจะราว 700-800 cc ไม่เลวนี่
ผมจะเอา crystal ใส่กระแป๋งไว้ให้ วันละ 1.5 ลิตร ล้าง เปลี่ยนน้ำให้ทุกวัน แล้วดูระดับน้ำไว้ บางวันเขาก็กินน้อย บางวันก็กินมาก ตั้งแต่ให้น้ำเกลือมานี่ กินไม่มาก เคยอ่านเจอเขาว่า หมาจะไม่กินน้ำถ้าไม่กระหาย บางทีผมบอก ไปกินน้ำมั่งสิ ไม่หิวเหรอ เขาก็แค่กระดิกหางตอบ เออ รู้แล้วป๊า เดี๋ยวหิวไปกินเอง
เมื่อก่อนเคยให้กินน้ำฝน คราวก่อนที่ท้องเสีย(ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะ) ผมเลยซื้อ crystal ให้เขากิน จะได้ตัดปัญหาว่าน้ำอาจไม่สะอาดพอออกไป ส่วนคนก็ยังกินน้ำฝนบ้าง crystal บ้าง แล้วแต่อารมณ์และสะดวกหยิบ เรื่องเครื่องกรองผมก็เคยคิด แต่ไม่ใช่ซื้อแล้วจบ มันต้องดูแลเป็นช่วงๆ น่ารำคาญ อย่างนี้ก็ไม่เท่าไหร่ ว่ากันไป
เสร็จจากตรงนั้น ก็คิดไปคิดมา จะให้น้ำเกลือดีไหม กินน้ำเยอะแล้ว ถ้าไม่ให้จะฟื้นตัวช้ารึเปล่า พรุ่งนี้ ต้องอาบน้ำ วันนี้เหนื่อยมา เลยตัดสินใจ จับให้น้ำเกลือตอนเกือบ 5 ทุ่ม ทิ่มเข็ม 2 ทีอีกตะหาก ผมก็บอก ป๊าตื่นเต้นว่ะบ๊าค ขอโทษๆ เขาก็ว่า อย่าบ่อยป๊า เดี๋ยวบ๊าคกัดตายห่านะ .. เสร็จได้สักพัก เขาก็เดินไปตุบตับๆ อยู่บนเบาะ ผมลองเอาปลาเส้นของหมาที่น้องมันเอามาให้ ลองให้กินดู เขาทำท่ากระตือรือร้นมาก ให้ไปแค่ 4-5 เส้น ก็บอก พอก่อนเนอะ
นอนบนเบาะได้พักเดียว ก็เปลี่ยนที่ไปตรงซอกข้างหน้าต่าง ผมจับหยอดตา แล้วเอาตัวเองไปอาบน้ำบ้าง กลับมา เขายังอยู่ที่เดิม นอนขดกลมๆ อยู่ ผมเลยไปเอาผ้าแพรมาห่มให้ แล้วลูบๆ หลัง เขาก็ขยับตัวแบบกลมๆ น่ะครับว่า ขอบคุณป๊า ดูท่าจะกำลังสบาย ชอบใจ นอนอยู่นานเลย แต่ตอนตี 3 ลุกไปนอนพิงเสาโน่น
ตอนนี้ ตี 3.20 บ๊าคนอนบ่นอะไรไม่รู้ ไม่มีเสียง ขยับปากเหมือนคนพูด มีสะดุ้ง ตะกุยขา สงสัยฝันเรื่องที่ไปเจอมาวันนี้ เดี๋ยวชวนไปฉี่สักหน่อยคงดี อัดน้ำเข้าไปเยอะ เดี๋ยวบ๊าคอั้นจนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ น่าถ่ายรูปสักนิด กลายเป็นเด็กเกรียนไปครึ่งตัวแล้ว ผมพาไปฉี่ข้างแท้งค์ เท้าจะได้ไม่ต้องเปียก พอบอก บ๊าค ไปฉี่กัน เขาลุกทันที คงปวดฉี่อยู่เหมือนกัน
ตอนที่เก็บผ้าออกจากรถ ผมก็คิดไปด้วยว่า เราคงไม่ต้องเดินทางไกลๆ กันอีกแล้ว ก็รู้สึกสะท้อนใจ นึกถึงที่คุยกับคุณหมอธนิกาว่า ที่นัดตรวจหัวใจเดือนหน้า คงไม่ต้องมาแล้วมั๊ง ท่านก็ว่า ไม่ต้องดูแล้ว อาการเขาทรงตัวอยู่ อย่าให้เขาลำบากเดินทางเลย นั่นสิ

ไม่มีความคิดเห็น: