While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

รักแท้ มันมีจริง

ใช่ครับ ผมยืนยัน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณ ว่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมยืนยันว่ามันมีจริงด้วยรึเปล่า .. ผมจะไม่พูดในด้านของคนที่กำลังมีความรักดูดดื่ม คนเหล่านั้นคงไม่ค้นหาความหมายของรักแท้หรอกครับ ไม่ว่าสิ่งที่เขามีให้กันมันจะใช่รึเปล่า .. ผมจะพูดถึงแง่มุมของความรักที่เราคิดว่ามันแย่ แต่จะทำให้คุณเข้าใจความรักที่คุณมีให้ใครบางคนมากขึ้น เมื่ออ่านจบ อย่างนี้ดีไหม
หลายวันมานี้ ผมเห็นใน facebook feed จากหลายเพจ พูดเรื่องรักที่ล้มเหลวไปแล้ว ได้อย่างถึงอารมณ์ อ่านแล้วรู้สึกสะใจ ผมก็ร่วมสังฆกรรมกดไลค์ไปกับเขาด้วย พลางมาคิดว่า ความรักที่ต้องผิดหวัง มันคืออะไรกันแน่ รักที่แท้จริงจะไม่ทำให้ใครเจ็บปวดหรอกครับ แล้วสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดคืออะไร
ผมเคยมีความรักไหม ถึงกล้ามาพูดเรื่องความรักกับเขา เคยสิครับ หลายครั้งด้วย ทั้งคน ทั้งสัตว์ ซึ่งผมไม่ได้วัดค่าต่างกัน ค่อนไปทางให้คุณค่ากับความรักที่มีต่อสัตว์มากกว่าด้วยซ้ำ ความรักในความคิดของผมมันเลยเป็นแบบ รักไร้เงื่อนไข พูดง่ายแต่ยากจะยอมใจเมื่อใช้กับคน .. ทำไม คุณลองตอบคำถามนี้ด้วยตัวเองก่อนไหม เดี๋ยวผมค่อยเล่าความคิดของผม ว่าทำไมผมคิดอย่างนั้น
ถ้าใครสักคนถามคุณว่า เคยรักใครบ้างไหม คุณจะรู้สึกยังไง ผมว่าคนที่ถาม คงผ่านความรู้สึกเจ็บปวดเพราะคุณมามาก แต่ก็ยังโกรธคุณไม่ลง คำถามนั้นจึงออกมาจากปากเขา .. ไม่เคยมีใครถามผมอย่างนั้นหรอกครับ ผมไม่เคยทำร้ายใคร และผมก็ไม่เคยมีค่ากับใครมากขนาดนั้น .. ผมเคยคิดจะถามคำถามนี้กับใครบางคนเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ถาม ถามไปแล้วไง ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร สถานการณ์ก็ไม่แตกต่าง .. ความต่าง อยู่ที่คนกับสัตว์ต่างหาก
การรักหมา มันจะมีแค่เรื่องของเรากับหมา เรามีหมา หมามีแต่เราเท่านั้น ตัวแปรไม่มี เขาเป็นสัตว์ มีขีดจำกัดของความเป็นสัตว์ ที่เราต้องพยายามสื่อสารกับเขาให้เข้าใจ ให้ทุกสิ่งที่ทำได้ ให้เขามีชีวิตที่ดีและมีความสุข เพราะหมาคิดได้เท่าเด็ก 9 ขวบ นั่นล่ะประเด็น คุณจะปฏิบัติตัวอย่างไรกับเด็ก 9 ขวบที่อยู่ในความดูแลของคุณ คุณจะคาดหวังอะไรกับเด็ก 9 ขวบ .. มันจึงเป็นรักที่บริสุทธิ์ สวยงาม ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีการเรียกร้อง ไม่ต้องการอะไร แค่เห็นเขามีความสุข เราก็มีความสุข จบเรื่องแค่นั้น
การรักคน มีตัวแปรเยอะเกินไป เรามีเขา เขามีเรา แต่ต่างฝ่ายก็ยังมีผู้คนที่ต้องปฏิสัมพันธ์ด้วย ที่ ถ้าต่างคนต่างมั่นคงในตัวอีกคน มันก็คงไม่ทำให้เกิดเรื่องเจ็บปวดอะไร แต่เท่าที่ผมเห็น มันกลายเป็น .. a กับ b เคยรักกันเหลือเกิน แต่วันหนึ่ง b ไม่รัก a แล้ว .. b ของเรากลับไปรัก c หรือ d หรือ e อะไรก็ว่าไป ในขณะที่ a ยังรัก b อยู่ .. นี่ล่ะปัญหา ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่รู้สึกรักกันแล้ว มันก็คงไม่มีใครต้องมานั่งพล่ามพรรณาถึงความทุกข์ใจให้ใครเห็น ไม่มีใครต้องนั่งร้องไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจกับความรู้สึกสูญเสีย .. ผมทิ้งคำถามไว้ตรงนี้ข้อหนึ่งก่อนว่า สูญเสียอะไร
ตำราจิตวิทยาบอกว่า ความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์ ไม่ทำร้ายใคร .. งั้นสิ่งที่ทำร้ายใครๆ ที่เห็นกัน มันคืออะไร
ผมเลยคิดว่า รัก ที่เขาเอามาพูดกัน มันอาจผิดประเด็นหรือมันคงไม่มากพอ ถ้าคำว่ารักมันถูกประเด็นและมากพอ มันจะต้องทำให้เรารู้สึกเป็นสุขที่เห็นอีกฝ่ายเป็นสุข ไม่ว่าคนที่ทำให้เขามีความสุข จะเป็นเราหรือไม่ .. ถ้าเราเจ็บเพราะคนๆ นั้นไม่ใช่เรา เราคงรักอีโก้ของเรามากกว่าตัวเขา ที่เราบอกว่ารัก กระมัง .. เราควรโฟกัสไปที่ เขามีความสุขไหม ไม่ใช่ เขาสุขอยู่กับใคร
ถ้าเรารักและหวังดีกับเขาจริงๆ เราควรสนใจแค่ ขอให้เขามีความสุขก็พอ กับใครก็ได้ เราต้องยังคงรู้สึกสบายใจ ถ้าเขาเลือกคนอื่น ที่ทำให้เขามีความสุขได้มากกว่าเรา .. เราไม่ควรเจ็บปวดอะไร แต่ควรยินดีกับเขา เพราะเขาจะมีความสุขมากขึ้น .. นี่ล่ะ ถึงจะเรียกว่ารักที่แท้จริงได้
แล้วความเจ็บปวดที่ค้างคาอยู่ในใจเราล่ะ ตรงนี้ผมว่าน่าคิด น่าวิเคราะห์ คุณลองคิดตามนะ เผื่อจะเข้าใจความต้องการของตัวเองมากขึ้น .. ถ้าเรารักเขาแล้วเรารู้สึกเจ็บปวดเพราะ เขารักเราน้อยลง ใส่ใจเราน้อยลง ให้เวลาเราน้อยลง เห็นค่าเราน้อยลง เห็นคนอื่นดีกว่าเรา ให้เวลาคนอื่นมากกว่า หรือเดินไปจากเรา .. ผมว่าเราไม่ได้เจ็บเพราะความรักแล้วล่ะ แต่มันเป็นเรื่องของอีโก้ล้วนๆ เราเจ็บปวดแค้นเคือง เพราะตัวตนของเราถูกลดค่า แค่นั้นเอง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความรักเลย เราเอามันมาผสมปนเปจนแยกไม่ออก เมื่อไม่แยก เราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้ความรักของเราที่มีต่อเขา ต้องแปดเปื้อน
เราอาจเคยมีความสงสัยว่า ถ้าเขาไม่คิดจริงจังกับเรา แล้วเดินเข้ามาในชีวิตเราทำไม ช่างมันเถอะครับ เหตุผลมีเป็นร้อยพัน จะคิดไปทำไมให้เปลืองหัว เขาอาจแค่ทำผิดพลาด เราเองก็เคยทำสิ่งที่ผิดพลาดกับคนอื่น มันอาจเป็นแค่เวลาและโอกาสมันเหมาะสม อารมณ์พาไป ความรู้สึกบดบังเหตุผล เขาคงไม่ได้คิดเล่นสนุก(หรือคิดก็ช่างเขา) มันอาจเป็นแค่ เผลอไป เราก็เคยเป็นกันไม่ใช่หรือ ลองมองหาเหตุผลจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มองจากด้านของเขา คิดจากมุมมองของเขา พื้นฐานทางความคิดของเขา สิ่งที่เขาเคยผ่านมา มันหล่อหลอมความเป็นตัวเขา ให้อภัยเขาซะ ถ้าเรารักเขาด้วยความรักล้วนๆ เรื่องนี้จะไม่ยากเลย
ถ้าคุณยังไม่ลงใจ ผมจะขอแยกประเด็นให้ดูเป็นส่วนๆ ต่อ ลองอ่านอีกหน่อยนะครับ ถ้าคุณเข้าใจและยอมรับมันได้ ทุกข์ของคุณจะลดลงจนแทบไม่เหลือเลย ผมเป็นคนที่มีความยึดติดสูงมากๆ คนหนึ่ง ผมใช้วิธีนี้ดึงตัวเองออกมา ลองดูแล้วกันครับ ถ้ามันไม่ได้ผล ไม่ช่วยอะไรสักนิด ก็เชิญด่าไว้ใน comment ได้เลย ผมจะได้เก็บไว้ประจานความไร้เดียงสาของตัวเอง
คนเรามักจะเริ่มความสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วยการดูที่ การพูดจา วิธีคิด ทัศนคติ มุมมอง โอกาสใกล้ชิด ความเกี่ยวข้องกันในอดีต และรูปร่างหน้าตา .. ความประทับใจต่างๆ จะเกิดขึ้นเมื่อมีปฏิสัมพันธ์ จากจุดนี้จะทำให้เรากับคนอื่นกลายเป็น คนรู้จัก เพื่อน พี่น้อง หรือคนรัก ผมจะจำกัดลงไปแค่เรื่องคนรักนะ และจะชี้เฉพาะลงไปในสิ่งที่กล่าวไว้เบื้องต้นว่า มันเป็นเรื่องตัวตนของเราหรือเขา
เรามี 3 เรื่องอยู่ในหัวเราเสมอ หลง โลภ โกรธ เรียงตามนี้ครับ ถ้าเราไม่หลง เราคงไม่โลภอยากได้ และไม่โกรธเมื่อไม่ได้ มันมีขั้นตอนของมันอยู่ อยากเข้าใจให้แจ่มชัดก็ต้องดูไปทีละขั้นตอน ตามลำดับ
การรัก คือการพึงพอใจในตัวตนของอีกฝ่าย (มันคือความหลง) เราพึงพอใจ การพูดจา การคิด รูปร่างหน้าตา การแสดงออก อะไรก็ตามที่เป็นตัวเขา และถ้าเขาก็ชอบในสิ่งที่เราเป็น เราสองก็จะเริ่มเดินไปบนเส้นทางแห่งความรักด้วยกัน (นี่คือหลงตัวตนของกันและกัน) .. แต่มันก็ยังมีอีกกลุ่มคน ที่รักเขาข้างเดียว คือพอใจเขาอยู่ฝ่ายเดียว เขาไม่ได้พอใจเราด้วย ก็แห้วไปตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ความโชคดีคือ ถ้าต้องเจ็บก็เจ็บไม่หนักเท่าไหร่ แค่เพ้อฝันจินตนาการไปคนเดียว มันไม่ลึกซึ้งนักหรอกครับ
เมื่อพอใจในกันและกันจนเต็มที่แล้ว เราก็จะอยากได้(ความโลภเริ่มเดินเข้ามา) อยากครอบครอง อยากให้เขาเป็นของเราคนเดียว ทั้งกายทั้งใจ เราจะยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นอีก ถ้าเขาต้องการเราเท่าๆ กัน เพราะเราจะรู้สึกว่าเรามีคุณค่า ต่อคนที่เราคิดว่าเขามีคุณค่ากับเรา นี่มันเป็นเรื่องตัวตนทั้งนั้นเลยนะครับ คุณลองมองดูดีๆ .. ถ้ามันจบลงที่การครองคู่กันไปจนลงโลง มันก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ล่ะ เดี๋ยวนี้การแต่งงานก็ไม่ได้การันตีว่าทุกอย่างจะราบรื่นสวยงามนะครับ มันแค่บำบัดความโลภได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ผมจึงใช้คำว่า อยู่กันไปจนลงโลง
แล้วถ้าเราไม่ได้เขามาล่ะ เขาเกิดเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น เขาเดินจากไปเฉยๆ .. ความโกรธจะเข้ามาทันที ซึ่งมีอยู่ 2 แบบคือ โกรธเขากับโกรธตัวเอง แยกย่อยเป็นเสียใจ น้อยใจ อะไรอีกสารพัด ความรู้สึกด้านลบทุกอย่างรวมลงในเรื่องโกรธนี่ล่ะ โกรธเพราะตัวตนของเราถูกลดค่า .. ย้อนกลับไปที่คำถามแรกของผมที่ว่า สูญเสียอะไร คำตอบคือ การรู้สึกสูญเสียคุณค่าในตัวเอง เป็นเรื่องของตัวตน ไม่เกี่ยวกับความรัก ถ้าลืมก็ย้อนกลับไปอ่านตรงกลางๆ บทความที่ผมพล่ามไว้นะครับ
เมื่ออ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ คุณคงพอเห็นชัดแล้วมั๊งว่า ความรู้สึกที่คุณมีให้เขา มันคืออะไร .. คุณคงให้คำตอบกับตัวเองได้แล้วว่า คุณให้คุณค่าอะไรมากกว่ากัน ระหว่าง เขาคนนั้นที่คุณบอกว่ารักเหลือเกิน หรือตัวตนของคุณที่คุณกอดมันมาทั้งชีวิต
ผมเคยพูดกับผู้หญิงคนหนึ่งว่า ผมจะรักคุณให้เท่ากับที่ผมรักหมาของผม ผมเดาว่า เขาไม่เข้าใจความหมายจริงๆ ของผมหรอก แต่ผมเชื่อว่า ใครก็ตามที่เคยเลี้ยงหมาอย่างลูก จะเข้าใจ ถ้าไม่เคยเลี้ยงหมาแล้วอยากเข้าใจ ก็กลับไปอ่านตรงที่ผมพูดเกี่ยวกับหมานะครับ
คำถามสุดท้าย คุณคิดว่าเขาคู่ควรกับรักแท้ของคุณรึเปล่า ถ้าใช่ คุณก็จะทำได้ทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข สามารถอยู่นิ่งๆ ในที่ของคุณ ยังคงรักและหวังดีกับเขา แต่ ไม่ดิ้นรน ไม่คาดหวัง ไม่รอคอย แค่มีความสุขที่ได้เห็นเขามีความสุข ทุกครั้งที่คุณนึกถึงเขา คุณจะมีแต่ความสุขใจและส่งความปราถนาดีไปให้ คุณมาถึงจุดนี้รึยัง ถ้าใช่ ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย คุณค้นพบรักแท้ในตัวคุณเองแล้วครับ.

ไม่มีความคิดเห็น: