While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ไอ้เสือบุกขอนแก่น / Wed. 12 Feb., 2014


เมื่อวันจันทร์ช่วงเช้า อยู่ดีๆ เจ้านายคนไทยเดินมาบอกว่า แรงงานที่โน่นอยากพบ คงต้องขึ้นไปภายในวัน 2 วันนี้ เดี๋ยวจองตั๋วก่อนว่าได้วันไหน .. ผมมองหน้าเขา พูดไม่ออก อะไรวะ ให้ตั้งตัวแค่วันสองวันเองเหร่อ
ก็พอรู้มาก่อน เขา intro ไว้หลายวันแล้วว่า อาจต้องไปพบสักครั้ง ปัญหาของผมคือ เย็นนี้ พ่อกับแม่จะไปเที่ยวต่างจังหวัด และกลับวันศุกร์ .. ผมไม่พูดอะไร แค่ ครับ เขาขอในสิ่งที่ผมทำได้อยู่คนเดียว มันก็ควรทำให้ .. บินไปคงใช้เวลาไม่มาก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร .. พอบ่ายๆ ก็ได้เรื่องว่า ขาไป มี 7 โมง กับ 10 โมง ขากลับมีบ่าย 3 กับ 5 โมงเย็น ผมคิดว่า ไป 10 โมงกลับบ่าย 3  จะโคตร perfect .. แต่เปล่า คุณหุ้นส่วนเขาจะแวะเข้าไปที่โรงงานด้วย เจ้านายผมเลยเลือกไปเที่ยว 7 โมงเช้ากลับ 5 โมงเย็น เอาแล้วไง
ตัดปัญหาเรื่องที่เกิดมาไม่เคยขึ้นเครื่องบินออกไป ตอนแรกผมกังวลนิดหน่อยว่าจะโง่ทำอะไรไม่เป็น ถ้าต้องไปคนเดียว แต่กะว่า มีปากก็ถามไป พี่เขาไปด้วยก็หมดปัญหา .. (ที่ทำงานของผมเรียก GM ว่าพี่ และเรียก MD ด้วยชื่อ แล้วตามด้วยซัง ซึ่งแปลว่าคุณ  ผมว่ามันก็น่ารักดี เรานับญาติกันด้วยความรู้สึกดีๆ .. สำหรับผม ถ้าขึ้นคุณขึ้นผมเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงการแสดงความห่างเหิน กำลังจะฆ่ากัน ไม่มีการไว้หน้า ล่อกันให้เละ ประมาณนั้น)
เหลืออีกเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ของผม คือ เมื่อประมาณเวลากันแล้ว ผมต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง ลูกบ๊าคจะไม่ได้ฉี่ทั้งวัน  ไม่ได้กินยาตามเวลาปกติ ไม่มีคนเอาอาหารให้กิน  ต้องทิ้งให้เขาอยู่ตามลำพังราว 15-16 ชั่วโมง (ปกติแค่ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น คราวก่อนที่ผมไปโคราช พ่อผมอยู่บ้าน) ถ้าเลือกได้ ผมขอไปทำตัวโง่ๆ ที่สนามบินตอนสายๆ คนเดียวดีกว่า แต่ก็อย่างที่บอก มันเป็นปัญหาของผม ไม่ใช่ปัญหาของเจ้านายผม ผมจึงเลือกที่จะไม่ทำตัวมีปัญหา เพราะมันจะเป็นการแสดงความงี่เง่าแบบเด็กๆ ที่คนเป็นผู้ใหญ่ไม่ควรทำ
เย็นวันอังคาร ผมปรับเวลา vetmedin ไปที่ 8 ชั่วโมง (เคยคุยกับคุณหมอว่า ถ้าอาการแย่ลง ให้ทำแบบนี้) ผมเฉลี่ยเวลา จากเที่ยงมา 2 ทุ่ม อีกทีตอนตี 3 .. ผมนอนไม่ค่อยหลับ กังวลกับอาบ๊าคว่าเขาจะรอดไหม พอตี 3.40 ก็ให้กินมื้อเช้า พาอึฉี่ให้เรียบร้อย ยาหลังมื้อเช้าผมเพิ่ม onsia 8 mg ไปด้วยอีกเม็ด กันไว้ก่อน ยานี้เป็นยาแก้อาเจียนที่ไม่มีผลข้างเคียงอื่นๆ ออกฤทธิ์ลดการเคลื่อนตัวของลำไส้ cover 8 ชั่วโมง จึงค่อนข้างปลอดภัยกับบ๊าค เป็นยาของคนแหละครับ แต่ตามร้านขายยาไม่มีขาย ซื้อกับสัตวแพทย์ก็เม็ดละ 70 ที่สำคัญคือ ใช้ได้ผลดีกว่า dompolidone สำหรับคนที่อาเจียนจากการให้คีโม .. คราวก่อนที่เขาป่วยหนัก อาเจียนก่อนผมกลับไปเจอราวชั่วโมงเดียว เขาก็แทบตายแล้ว ผมไม่อยากเสี่ยง ยานี้น่าจะช่วยได้ถ้ามันเกิดขึ้น หมาแก่ๆ ไว้ใจไม่ได้ วันดีคืนดีก็ป่วยไม่บอกไม่กล่าว วันที่เขาป่วย ตอนเช้ายังดีๆ อยู่เลย พอเที่ยงกลับไปเจอนี่อ้วกจนหมดสภาพไปแล้ว
ตี 4 รถมาแล้ว ผมออกไปโวย ตี 4 ครึ่งไม่ใช่เหรอพี่ เขาก็ว่าไม่เป็นไรนี่ รอได้ เขามาเร็วเอง .. ผมจัดการกับตัวเองแล้วร่ำลาลูกบ๊าค เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ให้ เตรียมน้ำไว้มากกว่าปกติ ทีแรกว่าจะเอากะละมังซักผ้ามาวางไว้ให้ฉี่ แต่คิดว่าเขาคงไม่ฉี่ แถมยังจะไปทำให้สภาพแวดล้อมผิดปกติอีก ไม่ดีกว่า ตอนออกไปเขาไม่โวยวาย ผมก็สบายใจหน่อย .. มันเป็นเรื่องที่ต้องทำ ฝืนใจที่จะทำ แน่ล่ะ มีเรื่องมากมายที่ผมต้องฝืนทำ แต่ครั้งนี้มันยากลำบากกว่าทุกครั้ง ผมนึกถึงภาพตอนตี 3 เขานอนขดตัวกลม ผ้าแพรไปกองอยู่ที่พื้น ผมดึงมาห่มให้ เขาแหงนหน้ามามองแล้วเอนตัวใส่อ้อมแขนผม ผมรักเขาจริงๆ
ไปรับเจ้านายที่บ้านก่อน ถึงสนามบิน 6 โมงกว่า พี่เขาอายุ 64 แต่เดินเร็วจนผมตกใจ ผมจ้ำพรวดๆ ตามจนเหนื่อย เขาก็ยังเดินสบายๆ แต่เร็วชิบหาย  เขาอธิบายนั่นนี่ แล้วจบว่า เผื่อคราวหน้ามาคนเดียวจะได้ทำเป็น .. ชิบหายแล้วไง ไหนบอกว่าจะหาคนให้เร็วที่สุดไงครับพี่ .. แล้วเขาก็พูดว่า แรงงานที่โน่นเขาแปลกใจ ว่าทำไมไม่เป็นผมที่เข้าไปส่งรายงานเองเหมือนที่อื่นๆ เขาทำกัน แต่กลับเป็นพี่เขาที่บินไปจัดการ จากนั้นพี่เขาก็ว่า เดือนเมษาทางโน้นเขาจะมีจัดอบรม 2 วัน คงต้องไปค้างคืน .. อ้าวๆ พี่ครับ ทำไมพี่พูดเป็นลางอย่างนี้ล่ะครับ .. นั่นหมายความว่า ถ้าสิ้นเดือนหน้ายังหาคนไม่ได้ ผมต้องขึ้นไปอีก 2 รอบ .. แต่ผมก็โตแล้ว จะไปทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจมันก็คงไม่เหมาะ เสียภาพพจน์ เขาขอให้ช่วยดีๆ จะปฎิเสธยังไงได้ .. โคตรเซ็ง
ขึ้นเครื่องบิน มันก็เหมือนขึ้นรถเมล์นั่นแหละ แค่ขั้นตอนยุ่งยากกว่า ต้องมาก่อนเวลากันเหนียว .. ที่ผมชอบคือ ตอนที่เขาเร่งความเร็วบนรันเวย์จนสัมผัสได้ชัดเจนถึงแรง G ตอน take off และไต่ระดับช่วง 1000 เมตรแรก กับตอนที่เอียงปีกตีโค้ง นอกนั้นมันน่าเบื่อ หูอื้ออยู่เรื่อยๆ โชคดีที่ไม่เมามาย พื้นฐานดีครับไม่เมาง่าย ต้อง 100 ml ขึ้นไป และได้ถึง 400 ml โดยยังนิ่ง แต่ถ้าถึง 450 ml นี่ก็ใกล้อ้วกแล้วล่ะครับ (แต่ยังคุยรู้เรื่อง) ที่ 45% by volumn นะ ถ้า % น้อยกว่า ก็อาจดื่มได้มากกว่านี้ .. อ้าว ขอโทษครับ นอกเรื่องไปนิดนึง .. ตอนเครื่องขึ้น พระอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงเป็นลำผ่านหมู่เมฆ ทำมุมราว 30 องศาโดยรอบ ซึ่งเห็นได้แค่สัก 30 วินาที มันสวยจนทำให้ผมนึกถึงภาพสวรรค์ที่เคยเห็น พาลนึกไปว่าแรงบันดาลใจของคนวาด อาจมาจากสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่นี่ก็ได้ ถ้าผมเป็นเด็กผมคงถามพี่เขาว่า แล้วสวรรค์อยู่ตรงไหน แต่ผมรู้แล้วว่านรกกับสวรรค์ มันอยู่ในใจนี่เอง
กลัวไหม เฉยๆ นะ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนั้น รถบริษัทผมน่าหวาดเสียวกว่าเยอะ คุณอาจอ้วกแตกได้ถ้าเพิ่งกินข้าวมาอิ่มๆ .. มันดี ที่ใช้เวลาราว 50 นาที ในขณะที่รถยนต์ต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมง และความเสี่ยงบนท้องถนนสูงกว่า เมื่อลองคิดถึงค่าใช้จ่าย การบินไปถูกกว่ามาก .. ลองนึกเล่นๆ รถยนต์ 1 คัน คนขับรถ 1 คน ผมอีกคน จะเสียเวลาไป 2 วัน เป็นอย่างน้อย (ซึ่งตอนนี้รถ 8 คันก็แทบไม่พอวิ่งส่งของ) ค่าแก๊ส ผมว่าใกล้ๆ ค่าตั๋วเครื่องบินแล้วมั๊ง ไหนจะค่าที่พัก ค่าออกนอกพื้นที่ .. ผมเชื่อว่าเจ้านายเขาต้องคิดแล้วแหละ ซึ่งก็ดีกับผมด้วย นี่เรียกว่า ผลประโยชน์ตรงกัน ในโลกของผม ไม่พบบ่อยนัก
ไปถึงราว 8 โมงกว่า engineer ที่โน่นมารออยู่แล้ว อากาศเย็นราวช่วงหน้าหนาว เราแวะไปรับคุณหุ้นส่วนทั้ง 2 ท่านกันก่อน เมื่อถึงโรงงาน ผมหาไฟก่อนเลย (ผมนึกถึงตอนผ่านจุดตรวจ ผมมีแค่บุหรี่ 1 กล่องกับมือถือ ผมไม่ใช้กระเป๋าสตางค์ มันเกะกะ พกแค่เงินกับบัตรประชาชนซึ่งปกติไม่พกบัตร ก็ใบขับขี่มันรับรองอยู่แล้ว ส่วนพี่เขามีของในตัวเยอะมาก) จากนั้นเดินรอบโรงงาน ผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อน สถานที่กว้างมาก อากาศยามเช้าเย็นจัด มีลมอ่อนๆ และปริมาณออกซิเจนสูงมาก แนวสนสูง ไหวพลิ้วตามลม บ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ น้ำใสจนอยากลงเล่น มีปลาด้วย ผมประทับใจแฮะ แต่ไม่ต้องการมาอยู่อย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่ชอบแต่ไม่เหมาะกับผม
จากนั้นเข้ามาเล่นงานฝ่ายบุคคล บอกเขาว่า มึงรีบหาคนให้เร็วเลย ถ้ากูต้องมาอีกรอบกูจะกระทืบมึง .. เขาไม่กลัวผมหรอกครับ สาว office และ engineer ที่นั่นเคยมาฝึกงานที่สำนักงานใหญ่ทุกคน จึงค่อนข้างคุ้นเคยกัน จะมีก็แต่ตอนที่ผมไปเดินเพ่นพ่าน พนักงานเขาก็มองว่ามันเป็นใครมาจากไหนวะ .. น้องเขาว่า คนเก่าออกไปเขาก็งานงอก เลยยังไม่ได้ไปติดต่อที่ มข. ผมจึงคิดว่า คงต้องช่วยประกาศผ่าน internet เผื่อมันจะเร็วขึ้น ผมอาจจะมีโชคในเร็ววัน ไม่ต้องซวย ขึ้นไปอีกครั้ง
มันเป็นวันที่น่าเบื่อ ว่าง ไม่มีอะไรทำ เนทที่นั่นแปลกๆ เขาใช้ผ่านดาวเทียมน่ะ เล่นไม่ไหว จำพาสเวิรด์อะไรก็ไม่ได้ จะให้ลูกน้องดูให้ก็เดี๋ยวหมดกันพอดี นั่งหลับๆ ตื่นๆ รอเวลาไปเรื่อยๆ และห่วงลูกบ๊าค คุณเชื่อไหมว่า เมื่อใจไม่นิ่ง วิตกกังวล คุณจะคุมให้มันสงบได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น มันมาเป็นระลอก ใจ กระเพื่อมไหว .. น้องคนหนึ่งเขาถามผมว่า พี่มีหญิงหรือยัง ผมงงภาษาของเขา พอเข้าใจ ผมก็บอกเขาว่า ถ้ามึงอายุมากกว่านี้มึงจะค้นพบสัจธรรม .. ผมว่าผมเห็นมามากพอแล้ว กับคำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะหางานให้ตัวเองเพิ่มทำไม แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกพอใจ เมื่อเขาบอกว่าผมหน้าตาเหมือนคนอายุ 30 กว่า ซึ่งมันผ่านมานานมากแล้ว
โรงอาหารที่นั่นทำกับข้าวอร่อยมาก ผมสั่งผัดกระเพราหมูสับไข่ดาว อาหารธรรมดาที่หาร้านอร่อยกินได้ยาก อิ่มแล้ว แต่ก็ตามด้วยบะหมี่เย็นตาโฟอีกชาม เพราะผมไม่ได้กินมานานกว่า 10 ปี ก็อร่อยไม่แพ้กัน ผมไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมน้องมันอ้วนเอาอ้วนเอาอย่างนั้น ถ้าที่สำนักงานใหญ่อาหารอร่อยอย่างนี้ คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
พอบ่าย 2 เราก็ไปพบท่านข้าราชการ เขาเป็นสุภาพสตรีสูงวัย ท่าทางใจดีแบบข้าราชการ ที่ต้องทำตามหน้าที่ของเขา ทำตามคำสั่ง ถึงแม้มันจะดูไม่เข้าท่าในบางเรื่อง นั่นทำให้ผมเข้าใจข้าราชการบางส่วนได้มากขึ้น คุยกันพักใหญ่ก็กลับเข้าโรงงาน มีประชุมใหญ่นิดหน่อย พอ 4 โมงเราก็ไปสนามบินกัน ขากลับเป็นเครื่อง air bus เลยไม่มันส์เท่าเครื่องเล็กของ thai smile เมื่อเช้า
มาถึงกรุงเทพ 6 โมงกว่า ผมเดินตามพี่เขา พยายามก้าวเท้าให้ทัน แล้วนึกสงสัยว่า เราทำความเร็วในการเดินกันอยู่ที่กี่กิโลเมตรต่อชั่วโมงกันวะนี่ .. คนของเรามารออยู่แล้ว ถึงที่จอดรถผมหอบแฮ่ก แต่พี่เขาไม่มีอาการสักนิด คนขับรถเขาขาสั้นกว่าผม เขาเล่าให้ฟังทีหลังว่า เวลาที่เขาต้องไปไหนกับพี่เขา เขาต้องวิ่งตามถึงจะทัน
วันนี้ต้องโกหก ในงาน ปกติผมมักไม่โกหก ไม่ใช่ว่าเป็นคนดี แต่เป็นคนไม่ชอบเสียฟอร์ม การโกหกแล้วถูกจับได้จะเสียภาพพจน์ และทำให้รู้สึกเสียหน้า ถ้าไม่ต้องการให้ถูกจับได้ก็ต้องสร้างเรื่อง สร้างภาพขึ้นมาในหัว สั่งให้ตัวเองเชื่อในสิ่งเหล่านั้น และต้องจดจำสิ่งที่โกหกออกไป ง่ายที่สุดคืออย่าไปโกหกมันเสียดีกว่า .. โชคดีที่วันนี้ทำได้เนียน และเราก็ไม่ได้โกหกทั้งหมด แค่ 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เพียงแต่มันเป็น 10 เปอร์เซนต์ที่เป็นสาระสำคัญ
ถึงบ้านตอน 2 ทุ่ม หมาของพ่อตะกุยถึงอกด้วยความดีใจ ทั้งๆ ที่ปกติผมไม่เล่นด้วย แค่พูดคุยบางครั้ง ผมไม่ได้รังเกียจพวกเขา มันก็แค่ ไม่อยากผูกพันอะไรกับใครอีก .. ผมเอาอาหารให้ แต่พวกเขาไม่กิน พอเปิดประตูก็วิ่งเข้าบ้าน ไปนอนในที่ของตัวเอง เจ้า 2 ตัวนี้ กลางคืนจะนอนในบ้าน กลางวันก็วิ่งตะลอนไป เมื่อเช้าตอนบอกให้ออก ตัวหนึ่งเดินออกไป อีกตัวต้องอุ้ม เพราะมันไม่ใช่เวลาของเขา เขาก็คงงงว่าทำไมให้ออกไปแต่มืดวะ
ผมตะโกนเรียกบ๊าคตั้งแต่ยังไม่ถึงตัวบ้าน เขาส่งเสียงตอบด้วยความดีใจ เข้าบ้านมาก็รีบไปดูสภาพเขาก่อน ดูโอเค มีฉี่ด้วย ค่อยยังชั่วหน่อยที่เขาไม่อั้นไว้ แต่ผมคิดว่าเขาคงอั้นจนทนไม่ไหวน่ะแหละ ผมไม่ว่าอะไร บอกเขาว่าฉี่เหรอ ดีแล้วลูก เขาก็คงแปลกใจว่าทำไมไม่ด่ากูวะ .. ผมเอาอาหารให้เขาก่อน พาไปขับถ่าย ให้ยา แล้วค่อยมาทำความสะอาดพื้น ดูเขาคิดถึงผมมาก มองตามตลอด เรานั่งคุยกันพักใหญ่ วันนี้เขาอ้อนน่าดู คลอเคลีย หมาขาดความอบอุ่นเป็นอย่างนี้เอง ขอบคุณสวรรค์ที่อาบ๊าคปลอดภัย.
สัจธรรมวันนี้
คุณเคยชอบอะไรไหม ..
เคยนึกไหมว่า ความชอบบางอย่างมันก็ไม่เหมาะกับเรา
ทันทีที่รู้ เราก็ต้องหาทางเอาตัวเองออกมา ..
เพราะตราบใดที่ยังไม่รู้ .. เราก็จะหลงไป วุ่นวายไป ไม่สิ้นสุด
บทสรุปก็แค่ ..
ต้องรู้ตัวให้เร็ว รู้ให้ได้ ว่าเราเป็นใคร ลึกๆ แล้ว เราต้องการอะไรกันแน่
อย่าปล่อยตัวเองไปกับการให้ความสำคัญ กับความต้องการผิวเผิน
มันจะเสียเวลา ไร้สาระ  น่ารำคาญ
และมันคงเป็นเรื่องเศร้า ..
ถ้าเราต้องเสียเวลาทั้งชีวิต ไปกับสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการจริงๆ .. แต่คิดว่าต้องการ
แล้วมารู้ก่อนลงโลงว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เราควรทุ่มเทเพื่อ.

ไม่มีความคิดเห็น: