While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คิดให้เร็วอย่างเดียวพอไหม


ไม่พอหรอกครับ .. คุณคงเคยได้ยินคำว่า คิดให้เร็ว บ่อยๆ จากหนังฝรั่ง พวกหนัง action แต่การคิดให้เร็วอย่างเดียวมันยังไม่พอ เราต้องการความละเอียดในการคิดด้วย .. ทำไม
การคิดเร็วจะทำให้คุณได้เปรียบกว่าการคิดช้าถ้าเทียบกัน กับตัวเองแหละครับ ไม่ต้องไปเทียบกับคนอื่นเขาหรอก มันไม่จำเป็น ..
ในนักเรียน นักศึกษา มันจะทำให้คุณรับข้อมูลได้มากขึ้น เก็บข้อมูลได้มากขึ้น ประมวลผลข้อมูลได้เร็วขึ้น ซึ่งจะนำมาสู่ผลการเรียนที่ดีขึ้น แล้วคุณก็จะได้เปรียบในกลุ่มตัวเลือกไง เมื่อต้องเรียนต่อหรือเข้าทำงาน ข้อนี้คุณอาจไม่ต้องสนใจ ถ้ามีใครสาบานตนว่าจะเลี้ยงดูคุณไปจนตาย .. ทำไมตอนเรียนมัธยมผมคิดเรื่องนี้ไม่ได้นะ
สำหรับคนทำงาน มันโคตรสำคัญ คงไม่มีใครพึงพอใจกับการพูดอะไรออกมา แล้วอีกฝ่ายนั่งเอ๋อแดก .. หรือคุณชอบ .. เจ้านายผม คนญี่ปุ่นที่โคตรฉลาด (นินทาเจ้านายอีกละ) ถ้าผมตอบสนองช้า เขาจะถอนหายใจด้วยความรำคาญ ทำให้ผมรู้สึกแย่ไปเลย .. ผมอยากจะบอกเขาจังว่า บอสอย่าคาดหวังในตัวผมสูงเกินไป ผมโง่กว่าที่บอสคิดตั้งเยอะ แต่ .. เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
การคิดเร็วจะทำให้เราตอบสนองได้เร็ว แต่มันไม่พอไงครับ คุณต้องคิดให้ละเอียดด้วย การตอบสนองของคุณจึงจะเร็วและน่าพอใจ อันจะนำมาซึ่งผลลัพท์ที่ดี ทั้งกับตัวคุณเองและฝ่ายตรงข้าม มันจะทำให้คุณจัดการกับปัญหาได้อย่างถูกต้อง ทันใจ และบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น
เวลาที่เราพูดอะไรกับใครแล้วมันไม่มีการตอบสนอง หรือมันช้า .. มันก็สร้างความรู้สึกได้หลายอย่างเหมือนกันนะครับ .. ถ้าเป็นคนที่เราใส่ใจ เราคงเสียความรู้สึก ถ้าเป็นคนที่เราไม่ใส่ใจ เราก็คงเสียอารมณ์ แต่สุดท้ายแล้ว เราก็จะเลิกคุยกับเขาไปเลย เพราะคงไม่มีใครอยากจะมาเสียอารมณ์กับเรื่องที่ไม่จำเป็น ในขณะที่เรื่องจำเป็น มันก็มีมากพออยู่แล้ว
แล้วมันดีไหม .. ก็คงดีถ้าไม่มีใครมาวุ่นวายด้วยมากนัก แต่อาจไม่ดี ถ้าเราทำตัวเป็นคนไม่จำเป็นสำหรับองค์กร หรือเจ้านายไม่อยากจะคุยด้วย ก็เหมือนดาบ 2 คม คุณดูดี คุณดูมีศักยภาพในการจัดการกับปัญหา คุณดูเป็นคนที่มองอะไรได้หลายด้านดี เมื่อเขาต้องการความคิดเห็น แต่คุณก็ต้องยุ่งยากวุ่นวายมากขึ้น ไม่รู้เงินเดือนที่ขึ้นมา เขาบวกให้ด้วยไหม .. เพื่อนผมบอกว่า เขาบวกให้แล้วแหละ ถ้ามึงไม่ทำ เดี๋ยวเขาลดเงินเดือนมึงนะ .. ชิบหายเลย
ผมต้องรับงานด้าน IT ด้วย ไม่ใช่ว่าเก่งหรอกครับ รู้แบบงูๆ ปลาๆ ไม่ได้จบด้านคอมพิวเตอร์มา แค่รู้มากกว่าคนอื่นนิดหน่อย ในเรื่องระบบ network ระบบ internet การจัดการกับ sever และการแก้ปัญหาพื้นๆ ทั่วไป ซึ่งมันน่ารำคาญมาก ที่ใครขี้เยี่ยวไม่ออกก็ต้องร้องหากู .. ครั้งหนึ่ง งานประจำของผมมันก็เยอะ ลูกค้าก็ไม่รู้ทำไมต้องคุยกับผมอยู่คนเดียว คุยกับคนอื่นบ้างไม่ได้เหรอ แล้วยังมีคนโทรมาตามให้ไปดูคอมอีก ต้องมาเดี๋ยวนี้ ทำงานไม่ได้ .. ผมแทบระเบิด .. วิธีเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ก็แค่คิดให้เร็วและละเอียด เรียงลำดับความสำคัญ เรื่องไหนที่ช้าแล้วจะไปถึงเจ้านายเร็วที่สุดก็ทำเสียก่อน คุณคงไม่อยากดูแย่ในสายตาของเจ้านายหรอกมัง ก็เขาเป็นคนพิจารณาเงินเดือนนี่นา
การคิดเร็วและละเอียด เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน มันจะทำให้คุณตอบสนองได้เร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งบางครั้งก็ส่งผลต่อความเป็นความตาย ใครจะไปรู้ว่าครั้งไหน เพราะงั้นมันก็เป็นเรื่องจำเป็น ที่คุณต้องทำให้ดีทุกครั้งไป.

ไม่มีความคิดเห็น: