While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

The art of racing in the rain




ขอบังอาจแนะนำหนังสือน่าอ่านอีกเล่มครับ “The art of racing in the rain” เขียนโดย Garth Stein เป็นนวนิยายภาษาอังกฤษ ที่มีแปลเป็นไทยด้วยชื่อ หัวใจไม่กลัวฝน โดยคุณอาริตา พงศ์ธรานนท์ (ตั้งชื่อหนังสือซะหวานเลยแฮะ ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ผมไม่ซื้ออะ)
มันขายดีมากในอเมริกา ติดอันดับ New York Times bestseller ถึง 156 สัปดาห์ .. เอาล่ะ ที่ผมมีเป็น e-book ฉบับภาษาอังกฤษ ศัพท์มันไม่ยาก อ่านเองก็ได้ แค่ 109 หน้าเท่านั้น จัดเป็นเรื่องสั้นมากๆ ถ้าเทียบกับนิยายทั่วไปที่มีความยาว 300-600 หน้า
ผมก็ไม่รู้มาก่อนหรอกครับว่ามันเป็นหนังสือขายดี เพิ่งรู้เช้านี้แหละ ผมแค่อ่านๆ ไปทั่วเนท แล้วเจอหลายๆ คนพูดถึงมันว่า เป็นหนังสือที่ดี ผมเลยหา download มา ตอนแรกไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไหร่ เพราะเห็นว่ามันเป็นนวนิยาย แต่พอเริ่มลองอ่านหน้าแรก ก็รู้สึกว่าต้องอ่านต่อ วางไม่ได้ วางไม่ลง คุณเคยรู้สึกอย่างนี้กับหนังสือสักกี่เล่มในชีวิต
The art of racing in the rain เป็นเรื่องราวของเอนโซ่ (enzo) หมาพันธุ์ทาง กับเดนนี่และครอบครัว เป็นการเขียนแบบบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งเป็นหมา ผมจะสรุปสั้นๆ ว่า ถ้าคุณอยากรู้ว่าหมาคิดอะไร รู้สึกยังไง คุณต้องอ่านเรื่องนี้ .. จากอันดับขายดีคงบอกได้ว่า มีผู้คนมากมายขนาดไหน ให้ความใส่ใจในความคิดของสัตว์ ที่เราเรียกกันว่า หมา
ผมเพิ่งอ่านไปได้ 20 กว่าหน้าเมื่อคืน ก็ไม่ได้กะจะมาเล่าเรื่องย่อให้ฟังกันหรอกครับ แต่จะบอกว่า ตัวผมเองก็อยู่กับหมามาไม่น้อยกว่า 20 ปี รู้เรื่องหมาไม่น้อย ทั้งแบบพื้นฐานและแบบวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงของคนด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านพันธุศาสตร์ การแพทย์ และอื่นๆ ที่สารคดีวิทยาศาสตร์มันมี ผมบอกได้ว่า คนเขียนรู้เรื่องพวกนี้ดีทีเดียว นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือดี ทั้งๆ ที่หมาเขียน .. อ่าน แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่เขาเขียน มันเป็นเรื่องจริง ไม่ต้องเชื่อผม เชื่อคนจำนวนมากที่ทำให้มันกลายเป็นหนังสือขายดี ดีกว่า
เอาล่ะ หนังสือก็มีให้ download แล้ว ถ้ามีเวลา มีความสนใจมากพอ ก็ลองอ่านกันดูครับ แล้วคุณจะซึ้งกับสิ่งที่สัตว์เลี้ยงของคุณมอบให้ และดื่มด่ำกับชีวิตที่มีโอกาสมีพวกเขา.

ยามบ่าย ขอกลับมาบ่นอีกที หนังสือแปลไทย ตามร้านออนไลน์ขาดตลาด .. นายอินทร์ หมด, จุฬา หมด, booksmile ขาย 140 ค่าส่ง + อีก 200 จะบ้ารึเปล่า, นานมีทำใบสั่งซื้อเรียบร้อย เขาเมล์มาบอกให้โอนเงิน พอเมล์ถามรายละเอียดเพิ่มเติม พวกไม่ตอบ แล้วผมจะกล้าโอนเงินมั๊ยเนี่ย (เสียตังค์ไม่กลัว กลัวโง่ว่ะ)
ไม่ซื้อก็ได้ อ่านภาษาอังกฤษก็ได้วะ ความจริงก็ไม่ได้คิดจะรออ่านไทยหรอกครับ แค่อยากได้ .. ขายดิบขายดีเหมือนกันนี่นะ กลายเป็นหนังสือหายากไปแล้ว

เมื่อวันเสาร์สายๆ นานมีติดต่อกลับมา บอกว่า ขอค่า EMS 60 บาท รวมค่าหนังสือ 140 = 200 บาท ผมก็โอนเงินไป แล้วรอ ขณะที่รอก็อ่านภาคภาษาอังกฤษไปจนจบ ภายใน 2-3 คืน แล้วไปหยิบ จิ๋นซีฮ่องเต้ มหาราชหรือทรราชมาอ่านต่อ อารมณ์ไม่ขัดกันเลยเนอะ
หนังสือมาถึงวันพุธเที่ยง เลยเอามาอวดกันด้วยครับ .. ผมลองเปิดอ่านหน้าท้ายๆ ช่วง happy ending น่ะครับ (ใครจะไปกล้าอ่านช่วงเศร้า เดี๋ยวได้นั่งร้องไห้กลาง office ให้ผู้คนตกใจ) สรุปว่า แปลได้ดีมากครับ
โอเค จิ๋นซีเหลืออีก 10 กว่าหน้า ทีแรกผมว่าจะอ่านหลี่ซือ เสนาบดีจิ๋นซี ต่อ เพื่อความต่อเนื่องของเรื่องราว ผมก็ชักลังเลใจว่า ควรอ่านหัวใจไม่กลัวฝนภาคภาษาไทยก่อนดีไหม มันมีคุณค่าทางใจมากกว่า .. บางที เราก็ต้องเลือก ระหว่างความรู้สึกและเหตุผล ซึ่งทุกครั้งที่เลือก อาจไม่ใช่ด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน.

ไม่มีความคิดเห็น: