While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกคนกับหมา September 2014



8 – 19 กันยายน 2557 เข้าโรงพยาบาลชลบุรี โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อยู่ในเรื่อง between life and death
21 กันยายน 2557 (วันอาทิตย์) – คนก็จะตาย หมาก็จะไม่รอด
เมื่อวาน ผมโทรหาคุณหมอที่สุวรรณชาด เรื่องตาของบ๊าคที่ทำท่าแย่ลงมาก ขี้ตาเต็มไปหมด ตาขาวก็อักเสบจนแดงไปข้างหนึ่ง คุณหมอท่านว่าต้องตรวจดูว่ามีแผลที่ตาหรือเปล่า จึงจะระบุการใช้ยาได้ ผมก็ว่า ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา ท่านว่าให้ใส่ collar แล้วให้ใครพาไปแทน ผมก็ครับๆๆ
แต่ใครล่ะจะเอาบ๊าคอยู่ เมื่อคืนผมเลยชวนพ่อ ให้พ่อขับรถให้แหละครับ และผมคงยังไว้ใจให้ตัวเองไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้อีกนาน เช้ามา ผมก็ให้บ๊าคกินมื้อเช้า พาไปอึ แล้วออกจากบ้านตั้งแต่ 8 โมง โดยลืมให้กินยามื้อเช้า บ้าจริง
ไปถึง 9 โมงกว่า ก็นั่งรอตรวจ แล้วผมก็เกิดอาการ down เลยเอายาอมใต้ลิ้นมาเล่นไปเม็ดนึง ไปห้องตรวจ พ่อผมก็ไปด้วย ผมจับกด พ่อก็คอยดุอย่าให้ผมออกแรงมาก ก็ใส่สีแล้วดูผล ไม่มีแผลที่ตา เสร็จคุยกับคุณหมอโดยพ่อผมเอาเจ้าบ๊าคที่รุ่มร่ามวุ่นวายออกไปก่อน ท่านก็ถามว่าผมเป็นอะไร ผมเล่าคร่าวๆ ท่านก็ว่าหายเร็วๆ นะคะ แล้วสรุปยาที่ต้องใช้ ตอนจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่เขาก็ทักว่าหน้าซีดๆ ไม่สบายเหรอคะ ก็เล่าคร่าวๆ ไปอีกรอบ มารู้ทีหลังว่าไอ้ป้อม เพื่อนผม โทรไปที่โรงพยาบาล ขอข้อมูลการใช้ยาของบ๊าค แล้วยังโทรไปหาคุณหมอวรรณพงศ์ด้วย ซึ่งผมก็บอกมันไปว่า ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะไอ้บ๊าคต้องเอายายัดไปให้ถึงโคนลิ้นแล้วปิดปากปิดจมูก มันถึงยอมกลืน
ผมมีนัดพี่เขาที่ให้มาตัดหญ้า เลยฝากน้องสะใภ้ไว้ให้บอกว่าตัดตรงไหนบ้าง พวกเขามาค้างเมื่อคืน ผมกลับมาถึงบ้านเข้าก็เริ่มงานไปพอสมควรแล้ว ผมหาน้ำไปให้ นั่งคุยด้วยอยู่พักใหญ่แล้วขอตัวมานอนพัก ตื่นมาเขากลับไปแล้ว งานไม่เสร็จ อ้าว อาไรวะ
ไอ้น้องชายไปได้ยาสมุนไพรสูตรเมืองนอกมา ถ้าผมจำไม่ผิด มีกระเทียม ขิงแก่ อย่างละ 2-3 โล applevinegar น้ำผึ้ง มีอะไรอีกไหมผมไม่แน่ใจ เอามาหั่น ปั่นรวมกัน คั้นเอาน้ำ แล้วต้มเคี่ยวครึ่งชั่วโมงอีก 2 รอบ ได้น้ำมาหนึ่งหม้อ เขาก็แบ่งเอาไป แล้วทิ้งไว้ให้ผมกับพ่อแม่กิน ไอ้น้องสะใภ้เขาบอก เนี่ยพี่ดูสิ นั่งหันขิงจนเจ็บมือไปหมดแล้ว พี่ต้องกินนะ แล้วรักษาตัวดีๆ ด้วย เย็นๆ ไอ้น้องชายชวนไปป่าช้า มันว่าไม่ได้ไปมานานแล้ว ผมก็คิดถึงป้าจัง ยิ่งรอดตายมาได้ ยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับคนตายมากขึ้น
น้องสะใภ้เขาเอาผลการเรียนของหลานชายมาให้ดู ดีขึ้นมากจนน่าพอใจ ได้มากกว่า 90 เปอร์เซนต์ทั้งหมด จากที่ตอนแรกๆ ผลการเรียนไม่ค่อยเข้าท่าจนเขาเป็นห่วง .. เด่นหล้าเขาทำเป็นตารางสถิติ มีคะแนนของเด็กเก่า และบอกว่าช่วงคะแนนไหนไปสอบติดที่ไหนกันบ้าง ดูแล้วไอ้หลานชายจะเอาที่ไหนก็น่าจะติด แต่น้องสะใภ้เขาก็พูดถึงการเดินทาง ความสะดวก ค่าแป๊ะเจี๊ยะ พวกเขาสรุปกันคร่าวๆ ว่าจะให้เข้าอัสสัมชัญธนบุรี ไว้ดูผลจริงๆ กัน
24 กันยายน 2557 (วันพุทธ) – อาบน้ำอีกละ
บ๊าคควรอาบน้ำทุก 3 วัน เพราะเชื้อราที่ไม่มีใครกำราบให้มา 2 สัปดาห์เริ่มลามปามไปเยอะจนน่าตกใจ สายๆ ผมก็เก็บผ้าไปแช่ไว้ พ่อมาเห็นก็เอาไปซักให้ แล้วเตือนให้ผมระวัง ทำไหวไม๊ ผมว่าได้อยู่ ก็มากวาดบ้าน แล้วเอาบ๊าคไปอาบน้ำ หมักไว้ แล้วมาถูบ้าน เสร็จเรื่อง ราวบ่าย 3 ไปซักผ้าเช็ดตัวของบ๊าค แค่บิดผ้าผืนเดียวเหนื่อยแทบตาย
มีเวลาอีกมากเลยไปอาบน้ำก่อน ผมเป็นโรคคันยุบยิบไปทั้งตัวเพิ่มมา ตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว อาจเป็นเพราะยา ผมเห็นเขียนไว้ข้างถุงว่าถ้าเป็นผื่นคันให้แจ้งแพทย์ แต่แจ้งแล้วไม่เห็นเขาว่าไงต่อ ผมเลยเอาแป้งเย็นลูบตอนตัวเปียกๆ ก่อนเช็ดตัว ก็พอช่วยได้ มันดีขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายคงเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันแล้วมั๊ง
งานแค่นิดๆ หน่อยๆ ก็เหนื่อยแทบแย่ ผมเลยหลับไปถึง 5.30 ค่อยลุกมาให้บ๊าคกินมื้อเย็น พาไปอึ จับยัดยา เอายาใส่ตา วันนี้จับเช็ดหูดีดดิ้นน่าดู จับพ่นยา หวีผม ทำที่นอนให้ แล้วค่อยจัดการกับตัวเอง อืม เลี้ยงหมา ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคุณ มันเป็นเรื่องที่ต้องทุ่มเทกันเลยทีเดียว
27 กันยายน 2557 (วันเสาร์) – หมาคุณใช้ตะเกียบเป็นปะ
วันนี้ไอ้ป้อมแวะมาเยี่ยมตอนบ่าย มันโทรมาถามก่อนว่าอยากกินอะไร ผมก็ไม่นึกอยากอะไร พอมันถามกาแฟมั๊ย ผมระรื่นขึ้นมาเลยครับ ไม่ได้กินมา 3 สัปดาห์เต็มๆ
ก็นั่งคุยกันอยู่ราว 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะเป็นการฟังมันเทศนาสั่งสอน และก็รวมหัวกับแม่ผมเล่นงานผม .. ผมชวนมันไปหาป้า (โคตรโรแมนติกไหม ชวนสาวไปเที่ยวป่าช้า) มันเองก็ไม่ได้ไปมานานมากๆ .. ปกติผมไปก็จะยกมือไหว้รูปแม่พระด้านบน ไหว้กราดก๋ง ย่า ป้า เคาะๆ 2-3 ทีบนที่ฝังศพ แล้วสัมผัสผ่านกระเบื้องถึงสังขารของพวกเขา ไอ้นี่มาถึงถอดรองเท้าคุกเข่าไหว้แล้วแตะที่ฝังศพ ผมตกใจอะครับ กว่าจะคิดออกว่า ธรรมเนียมปฏิบัติของพุทธ-คริสต์ ค่อนข้างต่างกันมาก
ขากลับ ขึ้นสะพานข้ามคลอง แม่งจอดรถกลางสะพานเฉยเลย ลงไปถ่ายรูปคลอง เอากะมันดิ .. เอาวะ เข้าใจ คลองแถวบ้านมันไม่สวยเหมือนคลองแถวบ้านผม มันกลับไปตอน 4 โมง ผมก็เคลิ้มๆ นอนตอนบ่ายมาหลายวัน นั่งอ่านหนังสือนิดหน่อยแล้วก็หลับไปถึง 5.30
ช่วงนี้อาบ๊าคเรื่องมากเรื่องกิน เบื่ออาหาร ผมขอให้แม่เจียวไข่ให้บ๊าค 1 ฟอง แบบไม่ต้องใส่อะไร เมื่อเช้าไม่ยอมกินอาหาร ผมเอาไข่ทำให้เป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกับอาหารหมา คลุกๆ ให้เข้ากัน กินเรียบ ท่าจะอร่อย+หิว หลังๆ นี่ซีซาร์ไม่อาจล่อลวงบ๊าคได้แล้ว คงเบื่อเต็มที
พ่อผมหายไปตั้งแต่เช้า กลับมาเกือบ 4 ทุ่ม ซื้อบะหมี่หมูแดงมาฝาก ผมเพิ่งกินมื้อดึกเสร็จพอดี แต่พักนี้ผมกินน้อยมาก ก็มันไม่ได้ใช้อะไร แต่ผมก็จัดการต่อเลย ผมแยกบะหมี่ 1 ส่วนกับหมูแดงไว้ให้บ๊าคแบบแห้งๆ ผมกินบะหมี่ไป 2 ส่วนกับผัก บะหมี่อีกอย่างละส่วนกับลูกชิ้นแบ่งให้หมา 2 ตัวที่เป็นลูกสาวของพ่อผม พักหลังๆ นี่ผมมักจะเลี่ยงเนื้อสัตว์ คือตอนอยู่โรงพยาบาลโดนอัดโปรตีนมาเยอะมาก ข้าวต้ม หมูรวน ไข่เจียว ปลาอินทรีไม่เค็มทอด หมูไข่ปลาทุกมื้อ อาหารก็ให้มาก กินไปกินมาขี้ไม่ออกดิครับ ไอ้น้องชายมาเล่าที่หลังว่า ปลาอินทรีหน้าตาน่ากินจนมันต้องไปซื้อกิน อ้าวไม่บอก กูยกให้ก็ได้ แล้วมึงจะซึ้งในความจืดบรรลัย
กลับมาที่บะหมี่ กับบ๊าคผมใช้ตะเกียบคีบ เขาก็เงยหน้ารับแล้วดูดจากปลายเส้นลงไป ตอนผมต้มมาม่ากินแล้วเขามาขอ ผมก็ทำอย่างนี้แหละ แม่ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ท่านขำใหญ่ว่าบ๊าคกินตะเกียบเป็น แล้วว่ามันกลืนเลยระวังมันสำลัก หมาใหญ่ก็งี้แหละครับ ไม่เคี้ยวอะไร นอกจากยานี่เคี้ยวจัง เพราะงั้นจะให้อะไรใหญ่ๆ นิ่มๆ ไม่ได้ ผมเคยลองเอาไส้กรอกอันใหญ่ให้ทั้งดุ้น พวกงับแล้วนิ่ม พวกกลืนเลย เวร แล้วมันจะย่อยยังไงวะนั่น
บ๊าคเลยเคยกินของเล่นของหลานไปที มันเป็นลูกยางนิ่มๆ รูปปลาปักเป้าที่บีบเสียงดังแต่ลมออกไปหมดแล้ว หลุดออกไปตรงที่แม่เขาวางไว้ มันมีกลิ่นด้วยมั๊ง พอเขางับผมก็จะแย่ง เขากลืนไปเลย ชิบหาย เป็นงานสิครับ ดีที่ไปโรงพยาบาลแล้วทำให้อาเจียนออกมาได้ ไม่งั้นเป็นได้ผ่ากันวุ่นวาย .. ยาของเขา ผมก็ห่อขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ให้เขานะ (ต้องโฮลวีทด้วยถ้าแบบธรรมดาขี้แตกอีก เรื่องเขาเยอะอยู่) มันหลายเม็ด ผมตัดเป็นชิ้นพอดีห่อยาน่ะครับ มันก็นิ่มนะ แต่คงงับแล้วเจอแข็งๆ เลยหลอกไม่ได้กระมัง
หลังจากผมหายไป 2 สัปดาห์ กลับมาดูเขาหงอยๆ ไป ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขาดยานี่นะ แต่ได้ยามาอาทิตย์นึงแล้วก็ยังดูไม่ดีเท่าเดิม บางเวลาผมก็กังวลว่า จะรอดไปได้อีกกี่มะน้อย ผมจะพยายามให้ดีที่สุด ที่เหลือคงแล้วแต่ชะตากรรม หรือ การพ้นกรรมของเราทั้งคู่
29 กันยายน 2557 (วันจันทร์) – หมอนัดครั้งที่ 1
หมอโรคหัวใจที่โรงพยาบาลชลบุรีนัด พ่อบอกว่าต้องออกก่อน 6 โมง ผมเลยนอนเที่ยงคืนเป๊ะ ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 5 เอาอาหารหมาผสมไข่ต้มให้บ๊าค เออดูจะลื่นคอเขานะ แล้วพาไปอึ ไม่ลืมยัดยาเช้า ก่อนออกจากบ้านเขามาโผล่ดูตรงช่องบันได ผมก็บอกป๊าไปธุระลูก เดี๋ยวก็กลับ ไม่ว่าอะไรนะวันนี้
ไปถึงโรงพยาบาลกัน 6.50 พ่อส่งลงแล้วไปหาที่จอดรถ ซึ่งไกลมาก ขึ้นไปก็เจอบัตรคิวที่ 45 ทำบัตรก่อน ผมไม่รู้ว่าต้องขอใบส่งตัวจากฉะเชิงเทราไปด้วย เลยสรุปว่าถ้ามีค่าใช้จ่ายวันนี้ให้จ่ายเงินสด ก็เอาเหอะมาถึงนี่แล้ว แต่คุณพยาบาลที่อีกจุดหนึ่งเขาก็ว่า มันเป็นสิทธิของเรา ผมก็ว่าไม่เป็นไรครับ ไว้คราวต่อไปแล้วกัน จะบ้าเหรอ ถ้าจะกลับไปขอใบส่งตัวแล้วมาอีกรอบน่ะ พูดเป็นเล่นไป
ก็ไปวัดความดัน 114-76 อะไรวะ ปกติผมมัน 130-90 ไม่ก็ 140-90 น้ำหนักวันนี้ 65 ยังเกินอยู่หลายโลแฮะ ไปอีกจุดหนึ่ง คนบานตะไท แทบไม่มีที่ให้ยืน (เห็นคุณพยาบาลเขาว่ามี 300 กว่าคนต้องเคลียร์ให้เสร็จ กรุณางดใช้เสียง) ก็มีเคาน์เตอร์ที่คุณพยาบาลเขาจะเรียกชื่อทีละ 3-4 คน ซักประวัติ+อาการเบื้องต้น จากนั้นรออีกพักใหญ่มากๆ ก็จะเรียกให้พบคุณหมอ โชคดีที่คิวอยู่ต้นๆ กับคุณหมอโรคหัวใจ
คุณหมอเขาก็พลิกๆ ดูที่ผ่านมือคุณพยาบาลมาแล้ว ถามว่ายังเจ็บหน้าอกเหรอ ตรงไหน ผมก็บอกเขา เขาว่าเดี๋ยวก็หาย เป็นจากตอนปั๊มหัวใจ แล้วก็ว่ายังสูบบุหรี่อยู่อีก ไม่เข็ดเหรอ มานี่หมดสภาพมาเลยนะ ใส่ท่อมา แล้วว่าเอายาไป 3-4 เดือนเลยแล้วกัน ผมก็ว่ายายังเหลืออีก 2 เดือนกว่า คุณหมอเดชวิทย์นัดอีก 2 เดือนข้างหน้า วันนี้ผมไม่ได้เอาใบส่งตัวมา ถ้าเอายาไปเลยผมต้องจ่ายเอง .. ก็เพื่ออะไรล่ะ เอาไปก็ยังไม่ได้กิน ผมไม่ได้รวยนิ่ ท่านหมอเลยว่างั้นไปเอายาที่โรงพยาบาลเชิงเทราก็ได้ ยาเหมือนกัน แล้วท่านก็เขียนใบสั่งยา ส่งกลับให้ .. อ่ะ ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องไปเอาก็ได้นิ่ ไว้เจอไอ้หมอค่อยคุยกับมันใหม่
สรุปจากไปถามพยาบาลที่รู้จัก ตอนนอนอยู่นั่นล่ะครับ เขาว่าก่อนมาให้ขอใบส่งตัวมาด้วย เป็นครั้งๆ ไป ด้วยตัวประกันสังคมมันเชื่อมโยงกันอยู่ระหว่างโรงพยาบาล เสร็จเรื่องก็ไปหาข้าวกิน ผมต้องกินยาเช้าน่ะ ไม่งั้นคงไม่สนใจเท่าไหร่  ลองอาหารเจที่จุดขายอาหารของโรงพยาบาลน่ะแหละ ผัดกระเพราโปรตีนเกษตรกับผัดผัก รสชาดใช้ได้นะ ไม่เลวๆ
คุณอาซิสเตอร์ท่านโทรมา ดูเวลาแล้วตอนนั้นผมคงอยู่แถวหน้าห้องตรวจ ซึ่งพลุกพล่านวุ่นวายมาก ผมคงไม่ได้ยิน มาโทรกลับตอนกำลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว ท่านคงกำลังยุ่ง แต่อีกพักก็โทรกลับมา ถามอาการว่าเป็นไง แนะนำให้เขียนโรคและยาที่ใช้ พร้อมบัตรต่างๆ พกติดตัว คุยกันพักใหญ่ พอวางสายผมก็ง่วง เลยหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทางจนถึงบ้าน
พ่อจะออกไปธุระต่อกับแม่ผม ท่านก็ว่าเอาใบสั่งยามาเดี๋ยวไปเอายาให้ ผมก็เอาใบที่ว่าพร้อมบัตรให้ไป ตอนเย็นๆ กลับมา กลายเป็นว่า พ่อไปเจอหัวหน้าพยาบาลตรงประกันสังคม ซึ่งสนิทสนมกับคุณอาผมตั้งแต่ตอนป้าผมนอนโรงพยาบาลครั้งแรก น่าจะถึง 15 ปี  ยังไงไม่รู้เขานับถือคุณอาผมเหมือนญาติผู้ใหญ่ เห็นน้องๆ ผมเหมือนพี่น้อง เขาจำนามสกุลได้ เลยทักพ่อ แล้วเลยจัดการเรื่องยา พร้อมทั้งแนะนำว่าที่นี่ก็มีหมอโรคหัวใจเก่งๆ เดี๋ยวเขาทำใบนัดให้ ผมเลยได้ใบนัดกับหมอโรคหัวใจในอีก 1 เดือนข้างหน้า พร้อมยา 1 เดือนมา ขอบคุณครับพี่วันเพ็ญ ผมก็รู้จักแต่ชื่อเขาน่ะ คิดว่าไม่เคยเจอ
ตอนที่พ่อเพิ่งออกจากบ้าน ผมกะว่าจะแอบตัดหญ้าหน้าบ้าน คิดว่าไหว เมื่อเช้าถามหมอแล้วหมอเขาว่าทำได้หมดแหละ ดูตัวเองเอา สตาร์ทเครื่องได้ แต่พักเดียวแม่งดับ อยู่ 4-5 รอบ ต้องเร่งเครื่องหนัก ก็ยังพักเดียวดับ เลยได้ไปแค่ 1 ตารางเมตร ต้องล้มเลิก สงสัยแม่งเล่นของกูพังไปแล้ว เพราะเมื่อวันอาทิตย์เห็นพวกอัดเต็มที่เหลือเกิน
คือเขาก็ตัดเรียบร้อยดี แต่การตัดกวาดต่างจากที่ผมทำ(มันมีเทคนิคการตัดกวาดที่ทำให้หญ้าตกเป็นระเบียบแบบสวยงาม ไม่ต้องเก็บกวาดอีกครั้งน่ะครับ) ทำให้เศษหญ้าตกระเกะระกะ และเขาไม่ค่อยมีเวลา คือไม่สามารถทำงานวันเดียวให้เสร็จได้ (สร้างความติดค้างคาใจให้กับเจ้าของบ้าน) และดูเหมือนงานนี้จะหนักเกินไปสำหรับเขา เขาคงนึกเสียใจที่รับงาน และผมคงต้องหาคนใหม่มาทำ คุยกับพ่อแล้วว่าคนงานวัดผู้ชายน่าจะหาได้ คนที่ทำได้ดีกว่าคนก่อนที่เคยจ้างมาทำ
ด้วยความที่เหงื่อออกมาก และตื่นตั้งกะตี 5 ผมเลยกะว่าจะหลับสักถึงบ่ายครึ่ง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตื่นมาก็ อีกหน่อยน่า จนปาเข้าไป 3 โมงครึ่ง ค่อยงัดหัวตัวเองขึ้นจากหมอน ต้องอาบน้ำเจ้าบ๊าคละ พรุ่งนี้จะได้พักสักวัน มะรืนต้องไปทำงานแล้ว
4 โมงกว่า ฝนก็มาโครมคราม ฟ้าครืนๆ แต่ยังไม่ตก ผมฟอกแชมพูไอ้ลูกชาย แล้วล่ามทิ้งไว้เหมือนเดิม มาถูห้อง ไปได้ครึ่งเดียวฟ้าก็เริ่มแผลงฤทธิ์มากขึ้น เจ้าบ๊าคก็ชักอยู่ไม่สุข กลัวฟ้าครับ คือหมาน่ะหูเขาดีกว่าเรามาก เขาสามารถรับคลื่นความถี่เสียงที่เราไม่ได้ยิน ถ้าเสียงที่เรารู้สึกว่าดัง หูเขาคงแทบแตก ผมก็เข้าใจนะ เลยทิ้งห้องไว้ก่อน ไปล้างตัว พวกก็เดินวนด้วยความกระวนกระวาย กลายเป็นทำให้ช้าเข้าไปอีก ผมก็เริ่มบ่น ล้างเสร็จฝนก็ตกพอดี ผมเลยเอาเข้ามาเช็ดตัวในบ้าน คุณลองนึกภาพหมาสะบัดน้ำออกจากตัว รัศมีมากกว่า 2 เมตรบนกระเบื้องปูพื้น ลื่นไปหมด เช็ดเสร็จพาเข้าห้อง ก็พยายามเดินไปซุกตรงที่ยังไม่ได้ถู แม่งเอ๊ย ต้องลากออกมา เช็ดที่ตัวใหม่ แล้วถูให้เสร็จ 2-3 รอบ เล่นเอาหืดขึ้นคอ แถมบ่นไปบาน กว่าจะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยก็แทบแย่
เพิ่ง 5 โมงก็มืดเหมือนราว 6 โมงครึ่ง ฝนฟ้าโครมคราม ผมเอาอาหารคลุกซีซาร์วางให้ เขาก็กลัวเกินกว่าจะยอมกิน ดูเหมือนพักนี้ท้องไม่ค่อยดีด้วย ลำไส้อาจเคลื่อนตัวไม่ปกติ เห็นหาหญ้ากินบ้าง ก็ปล่อยให้กินไป เคยถามคุณหมอ ท่านว่าถ้าหญ้าสะอาดก็ไม่เป็นไร กินได้ ผมรอจนฝนหาย ฟ้าเริ่มโวยวายน้อยลง ก็ 6.30 แล้วมั๊ง ค่อยพาออกไปอึ บ๊าคก็เอาแต่ฉี่ ไม่ยอมอึ พอฟ้าเปรี้ยงรีบวิ่งเข้าบ้านเลยครับ
สักพักเพื่อนผมโทรมา เขารู้ว่าวันนี้หมอนัด เลยจะถามความคืบหน้า ฟ้าแม่งก็เปรี้ยงๆ ผมกลัวฟ้าผ่าหัว เลยบอกมันตามนั้น แล้วว่าเดี๋ยวกูโทรกลับตอนสภาพอากาศดีกว่านี้แล้วกัน
กลับมาที่เจ้าบ๊าค ผมก็ทั้งรอทั้งลุ้นให้กินสักที จะได้กินยา มี ramadril ถ้าผมเขียนไม่ผิดนะ ยาตัวนี้กัดกระเพาะ เมื่อไม่กินจริงๆ ผมเลยไปเอาขนมคนมาห่อนึง เป็นบิสกิตประกบ 6 คู่ ทีอย่างนี้กินเอากินเอาอย่างเอร็ดอร่อย โอเค ผมรู้อยู่ว่าบิสกิตคนไม่ดีกับหมา แต่ทำไงได้ ต้องทำให้กินอะไรสักอย่าง จากนั้นก็จับยัดยา เป็นอันเสร็จพิธี .. พ่อคุณกว่าจะหิว ลุกไปกินอาหารของตัวเองก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มแล้วมั๊ง กินไม่หมดด้วย พอได้เวลาฉี่เที่ยงคืน ผมพาออกไป ก็ถามอยากอึมั๊ย เดินวนฉี่หลายที่ แต่ก็ไม่อึ
วันนี้อากาศดีครับ เย็นมาก เจ้าลูกชายเลยมานอนหลับอย่างเป็นสุขบนที่นอนของตัวเอง คือกลางวันผมจะยกขึ้นไปไว้บนเตียงผม เพราะเขาไม่เคยนอนบนนั้นตอนกลางวันอยู่แล้ว พอเย็นมา พ่นยา หวีผม กวาดบ้านเสร็จ ผมก็จะยกลงมาให้ สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาขึ้นไปนอนวันละ 2-3 นาทีเท่านั้นเอง ผมเลยขี้เกียจซัก เอาผ้าแพรที่ยังไม่ได้ห่มมาปูทับแทน เห็นหลับยาวๆ ได้อย่างเป็นสุข ป๊าก็มีความสุขไปด้วยนะลูก
ปัญหาอีกอย่างของเขาตอนนี้คือ ocluvet ยาสลายต้อราคาแพง ไม่รู้ของคนหรือเปล่า ผมคิดว่าใช่นะ ซึ่งคุณหมอให้หยอดทั้งสองข้าง วันละ 2 ครั้ง ผมเลือกเป็นเที่ยงวันกับเที่ยงคืน หยอดไปมันน่าจะแสบ โดยเฉพาะตาขวาที่น้ำตาน้อยอยู่ เขาจะรีบเอาขามาตะกุยทันที ผมก็ต้องรีบจับขาไว้ หยอดเสร็จจะมีขี้ตาออกมามาก เป็นข้นๆ เลยครับ ก็ต้องรีบเช็ด ทำความสะอาดให้ ไม่งั้นเขารำคาญ ก็จะพยายามเอาขามาตะกุย แต่ดูๆ แล้วตาก็ใสขึ้นกว่าตอนก่อนใช้มาก เท่ากับได้ผลพอสมควร ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะตอนแรกเลยคุณหมอเขาว่า มีแบบขวดละพันสองพัน กับ 7-8 ร้อย สัตว์บางตัวก็ใช้ไม่ได้ผล คือไม่รับรองผลน่ะครับ จะใช้หรือไม่ใช้ จะเอาแบบไหน ก็แล้วแต่เจ้าของตัดสินใจ เป็นอันว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว ดีใจด้วยไอ้ลูกชาย ดีใจกับตัวเองด้วยครับที่ไม่เสียเงินเปล่า
กลับมาที่ไอ้เพื่อนของผมอีกที ผมก็เล่าๆ ที่ไปหาคุณหมอให้มันฟัง มันก็ถามๆ ยาที่มาเอาชุดใหม่ (มันเป็นหมอยาน่ะครับ) แล้วให้ผมอ่านใบสั่งยาให้ฟัง เพราะมันรู้สึกแปลกๆ เหมือนยาซ้ำซ้อนตัวนึง ผมหยิบมา พอดูลายมือแล้วก็โพล่งออกไปทันทีว่า โห ลายมือหัวจุดจุดจุดอย่างงี้ กูจะอ่านออกมั๊ยเนี่ย (โปรดเติมคำในช่องว่าง _ _ _ คงพอเดาออกนะครับ ผมไม่กล้าพูดตรงนี้น่ะ) .. ก็พออ่านได้ ถ้าเอาไปเทียบกับชื่อยาที่เขาพิมพ์มาที่หน้าซอง คุยเรื่องยาจบ เสือกไปเล่าให้มันฟังเรื่องที่แอบตัดหญ้า มันด่าผมชุดใหญ่และยาวมาก (พ่อผมด่านิดเดียวเอง คือคุยกันเสียมากกว่า สรุปแล้วว่า ต่อไปไม่ตัดเองแล้ว จ้างเขาสะดวกกว่ามาก เพียงแต่ต้องหาคนที่มันทำงานเรียบร้อย ได้ดังใจ ให้ได้เท่านั้น ซึ่งคนพรรค์นี้มันหายาก ผมเลยทำเองไงครับ)
ไอ้เพื่อนเวรนี่ ด่ายาวไม่เลิก ผมก็รู้ว่ามันเป็นห่วง (คนคบกันมาตั้งแต่ ม.4 สันดงสันดานอะไรก็เห็นกันมาหมดแล้ว เป็นเพื่อนก็เหมือนญาติไปแล้ว) ผมก็ไม่เถียง แต่ยิ่งพยายามอธิบาย มันก็ยังมีคำเตือนมาลบล้างได้ พาเปลี่ยนเรื่อง มันก็รู้ทัน จัดเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวยิ่ง (ที่ผมมีคนกล้าปะทะคารมกับผม อยู่แค่ไม่กี่คน) .. ในที่สุดมันก็เหนื่อย หรือหมดเรื่องด่าก็ไม่รู้.
30 กันยายน 2557 (วันจันทร์) – พักผ่อนวันสุดท้าย ก่อนไปทำงาน
เมื่อคืนปาเข้าไปตี 2 ดันไปชงกาแฟกินแก้วนึงตอน 3 ทุ่ม โดยบอกพ่อหลังชงเสร็จแล้วว่า ขอกินกาแฟแก้วนึงนะ ดีกว่าให้รู้เองแล้วโดนด่าน่ะครับ (พักนี้โดนควบคุมความประพฤติอย่างใกล้ชิดมากๆ) เขาก็ว่าให้ชงอ่อนๆ หน่อย ก็อ่อนน่ะครับ อ่อนของผม แต่คงไม่อ่อนสำหรับคนอื่น กินไปแล้ว ยาคลายเครียดก่อนนอนก็เอาไม่อยู่
ยาคลายเครียดตัวที่ว่า เพื่อนผมมันกลัวผมติด ผมว่าหลับสนิทดีเหมือนกัน มันว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นไม่มียาแล้วนอนหลับเองไม่ได้ แต่ผมดูแล้วยานี้ให้ใช้อีก 2 เดือน น่าจะเพราะหมออยากให้พักผ่อนเต็มที่ กินๆ ไปก่อนแล้วกัน ถ้าหมดแล้วติดค่อยให้มันหาให้ มันก็ด่าอีกว่า เป็นยาควบคุมนะโว๊ย ต้องหมอสั่งเขาถึงจะขายให้ได้
เช้ามา ก็ไม่เช้าแล้วครับ 9 โมงกว่า เอาอาหารหมา+ซีซาร์ให้บ๊าค ไม่กินอีกและ ไม่ลุกไปดมด้วยซ้ำ ผมเลยไปกินมื้อเช้าของตัวเอง ต้องกินยาไงครับ พอพาออกไป เช้านี้อึได้ครับ แถมไปกินหญ้าอีกหน่อย (ตกลงผมเลี้ยงหมาหรือเลี้ยงควายกันแน่วะเนี่ย) กลับเข้ามาก็ยังไม่สน มาทำท่าจะกินตอน 11 โมง ผมมองไป อ้าวมดดำเพียบเลย ผมเลยเอาชามไปแกว่งๆ ในบ่อ ซึ่งมีน้ำเต็มปริ่ม เพียงครู่เดียวเหล่าลูกปลาก็จัดการอาหารเจ้าบ๊าคจนหมด
ผมตัดสินใจสั่งสอนเจ้าบ๊าคสักครั้ง บอกเขาว่าหิวเหรอ ต้องรอกินมื้อเย็นแล้วล่ะ เขาก็ไปทำท่านอนมองหงอยๆ อยู่ กินมั่วซั่วไม่ไหวหรอกครับ มันต้องเป็นเวลา ช่วงนี้น้ำมาก มดก็มากด้วย วางอะไรทิ้งไว้มดก็มา เดี๋ยวเจ้าบ๊าคนอนเพลินๆ จะกลายเป็นอาหารมดไปด้วยเสียเปล่าๆ พ่อต้มไข่ไว้ให้ 1 ฟองตอนเช้า แต่ผมเก็บไว้ให้บ๊าคมื้อเย็นนี้แล้วกัน คลุก renal แล้วคาวๆ คงทำให้กินข้าวได้
พูดถึงกาแฟแล้วก็อยาก ไปชงมาครึ่งแก้ว ผมมันคนอ่อนไหว ชอบตามใจตัวเอง จนเกิดเรื่องแล้วก็ยังดื้อด้าน .. ยามนี้บ่าย 2 ฝนตกฟ้าร้อง ที่เขาว่าปลายฝนต้นหนาวหรือฝนสั่งฟ้าอย่างนั้นใช่ไหม และแล้วก็ง่วง ทำให้ผมกังวลจัง นอนกลางวันมา 20 กว่าวัน พรุ่งนี้ไปทำงานคงเอาเรื่องน่าดู.

ไม่มีความคิดเห็น: