While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Far beyond the ocean



Far beyond the ocean by MSG
เพลง instrumental ที่หวานสุดๆ ระดับกลาง ของ Michael Schenker Group


ถ้าหวานกว่านี้ ที่ผมยังพอฟังไหวก็จะมี .. Bijou Pleasurette กับ Positive Forward
แต่ผมชอบหนักๆ อย่าง
into the arena มากกว่า,
coast to coast ก็เป็นอีกเพลงที่ผมชื่นชม
หามาชั่วโมง มีแต่ live ถ้าคุณได้ฟังตัว CD มันจะชวนฝันมากๆ
coast to coast ยังทำให้ผมนึกถึงความหมายอื่น
จากกวีนิพนธ์ของดังเต้
สายน้ำแห่งความตายเราต่างเดินทางจากฟากฝั่งสู่ฟากฝั่ง

...................................................................................................................................
Far beyond the ocean มันน่าประทับใจ
ตรงที่ให้ความรู้สึก romance และห่างไกล .. จนไขว่คว้าไม่ได้
เป็นอารมณ์ที่แปลกประหลาดดี
มันทำให้ผมเห็นว่า ... การฟังเพลงหนึ่งๆ
ณ เวลา และสถานการณ์แตกต่าง ความรู้สึกมันก็ต่างไปด้วย
กลายเป็นบทสรุปว่า ...
เมื่อเวลาผ่าน สถานการณ์เปลี่ยน มันอาจไม่เหลืออะไรในมือเรา นอกจากจินตนาการ
เว้นแต่เรา ยังคงยึดมั่นกับสิ่งที่เรายึดเหนี่ยว ยอมใจให้กับสิ่งนั้น
จนกว่า เราจะไม่เหลือเวลาให้ยึดอะไรได้อีก
แล้วเราก็ต้องปล่อยมือ ไม่ว่าเราจะอยากปล่อยหรือไม่
..................................................................................................................................
เพลงนี้ .. เท่าที่ผมฟังออก ใช้กีตาร์อคูสติก 2 ตัวกับกีตาร์ไฟฟ้าอีกตัว
อคูสติคตัวแรก เดินทำนองหลัก หรืออาจเรียกได้ว่า background ช้าๆ ชัดๆ อยู่กับร่องกับรอย
อคูสติคตัวสอง สร้างเสียงกระตุ้น เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ผู้ฟังเป็นช่วงๆ สั้นๆ
สไตล์การเล่น คล้าย solo ที่ค่อนข้างแพรวพราว .. ฟังสิบรอบ เห็นอะไรมากขึ้น
กีตาร์ไฟฟ้า ทำให้เพลงน่าฟังมากขึ้นอีก 100 เท่า
จากเสียงอุดสาย, การ rhythm ต่อเนื่องเป็นช่วง, การใช้เสียงเปิดสาย สั้นๆ,
การสไลด์แล้วหยุด ... ฟังแล้วน่าหลงไหล ถึงขั้นเพ้อได้เลย
แต่ ลดความหวานเลี่ยนและน่าเบื่อไปได้มาก
สร้างความตื่นตัว หนักแน่น เร้าอารมณ์
และทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความกดดันบางอย่างออกมา
ผมเคยฟังเพลงนี้เพลงเดียวได้เป็นอาทิตย์นะ มีใครเคยเป็นแบบนี้กันบ้างไหม
ตอนนี้ ตั้งใจว่าจะฟังอีกสักอาทิตย์
ผมอาจได้ ดวงตาเห็นธรรม หรือ ประสาทหลอน .

ไม่มีความคิดเห็น: