While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พาหมาดุไปตรวจตา



เรื่องมันเริ่มเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ในวันอาทิตย์ที่ 15 ตอนเกือบเที่ยง ในขณะที่เตรียมจะทำความสะอาดบ้านและจับอาบ๊าคอาบน้ำ เรานั่งคุยกันตามประสาพ่อลูก แสงจากด้านนอกสะท้อนดวงตาของเขาทำให้ผมเห็นเหมือนฝ้าจางๆ สีฟ้าที่กระจกตา กับตาข้างขวามีรอยสีขาวขุ่นขนาดเท่าปลายเข็มเย็บผ้า ไม่มีรอยบุ๋มลงไป ผมส่องหลายมุมจนมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะแสง เลยตัดสินใจใช้กล้องดิจิตอล พยายามถ่ายภาพดวงตาเขา 6-7 รูป เลือกที่ชัดที่สุดได้ 2 รูป แล้วขับรถไปหาหมอ ทำไมไม่พาไปด้วย เดี๋ยวจะเฉลยให้ฟังทีหลังครับ
นับว่าโชคดี ไปถึงคุณหมอกำลังจะออกไปข้างนอก ท่านดูภาพ ถามอายุ แล้วท่านก็สั่ง ChlorOph ให้ป้ายตาวันละ 3-4 ครั้ง ผมทำตามที่คุณหมอสั่ง รอยสีฟ้าจางๆ ค่อยๆ บางลง แต่จุดเล็กๆ ยังอยู่ดี ผ่านไป 10 วัน รอยสีฟ้าหายไป แต่ตาข้างขวากลับมีขี้ตาเท่าปลายนิ้วก้อย ปิดไปครึ่งตา เย็นวันพุธเป็นสีเหลือง เย็นวันพฤหัสเป็นสีขาวขุ่นข้น พอจับแหกตาดูกลับมีเศษที่เช็ดออกไม่หมดเล็กๆ ซ่อนอยู่ที่ซอกหนังตาที่ 3
ผมจับกด เอาคัตตั้นบัดแบบมินิเขี่ยออกจนหมด กลัวติดเชื้อน่ะครับ ท่าจะเจ็บ ดิ้นใหญ่ จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลหมาดๆ เช็ดรอบๆ ตา แล้วเอายาป้าย .. อักเสบครับ หนังตาบวมนิดหน่อย นอนหลับแต่ตาปิดไม่สนิท ประกอบกับตอนเย็นถ่ายเหลว ผมจัด baytril 150 mg ให้ไป 1¼ เม็ด ตอนยามื้อเย็น เที่ยงคืนอาการดีขึ้น ขี้ตาไม่มี เลยไม่รู้เพราะ Baytril หรือฝีมือป๊า แต่ผมก็ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ต้องพาไปโรงพยาบาล
อ้อเจ้านี่ท้องเสียประมาณเดือนละครั้ง บางทีก็กินขนมมากไป บางทีก็ค่าไตขึ้นจากขนมน่ะแหละ ไม่ก็อากาศเปลี่ยน จัดยาเองได้เลยไปหาหมอทีไรก็ได้ยาอย่างนี้แหละ Baytril เป็นยาฆ่าเชื้อที่ต้องกินติดต่อกัน 5 วันเพื่อไม่ให้ดื้อยา วันที่ 3 ต้องหายแล้ว ถ้าไม่หายต้องตรวจละเอียดอีกที ยาก็ว่ากันตามน้ำหนักตัว อันนี้พูดในกรณีของหมาแก่ เป็นโรคไต และผมตัดสินใจงดขนม กำลังสงสัยตัวเองว่าจะใจแข็งได้สักแค่ไหน ลดเอาก็แล้วกัน ส่วนยาถ้าซื้อตามคลีนิคจะเม็ดละ 80 ถ้าซื้อกับ koonfonpetshop จะถูกกว่านี้มาก ผมซื้อที 20-30 เม็ดไปเลย ไหนๆ ก็ต้องใช้อยู่เรื่อย
วันศุกร์สายๆ ผมโทรไปโรงพยาบาล ถามถึงคุณหมอธนิกาว่าวันนี้เข้าไหม เขาว่าลายาว ผมเลยขอนัดตรวจกับคุณหมอท่านอื่นแทนในช่วงบ่าย ด้วยความที่จะลาตอนเที่ยง ผมตั้งใจจะเคลียร์งานทั้งหมดก่อน แต่กลับไปติดอยู่ในห้องประชุมราวชั่วโมงครึ่ง ออกมาเหลืออีก 20 นาทีเที่ยง ให้ตายห่าสิ ผมรีบสั่งๆๆ งานน้อง แล้วกลับบ้าน ก็ถือว่าเคลียร์งานทั้งหมดแล้วเหมือนกันน่า คนเรา(หมาเรา)มันป่วยกันได้นี่ อีกอย่าง ครึ่งปีเข้าไปแล้ว ผมยังลาไปไม่ถึง 2 วัน จัดว่าหรูมาก ความจริงคือไม่กล้าลาสุรุ่ยสุร่าย เผื่อหมาไม่สบาย ยังมีวันลาเยอะแยะไว้พาหมาไปหาหมอน่ะครับ
ขณะเตรียมรถ เจ้าบ๊าครู้แฮะว่าจะพาไปด้วย คงสังเกตเห็นข้าวของที่จะเอาไป พวกตื่นเต้น โวยวายใหญ่โต บอกให้รอก่อนก็ไม่ฟัง วิ่งไปวิ่งมา จะไปเร็วๆ .. รถต้องเตรียมครับ บ๊าคมีปัญหาที่กระดูกสันหลัง บางครั้งเจ็บจะมีฉี่ไหลนิดหน่อย ผมเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ปูเบาะ เอาผ้าปูที่นอนปูทับตั้งแต่พนักพิงลงมา ต้องเอาทิชชู่ม้วนใหญ่ไปด้วย ไว้เช็ดน้ำลาย ตะกร้อครอบปาก น้ำ 1 ขวด ชาม 1 ใบ ผ้าขนหนูผืนเล็กหมาดๆ อันนี้ก็ไว้เช็ดหน้าตาให้เขาอีก รองเท้าแตะพื้นเหนียวๆ อีกคู่ .. มันมีอดีตครับ รองเท้าที่ผมถนัดใส่ขับรถ พื้นมันไม่เหนียวพอ เคยโดนเขาลากแล้วลื่นลงไปจับกบ 2 ครั้งแล้ว เข็ดครับ เข่ากระแทก ทั้งเจ็บทั้งอาย จากนั้นทดสอบความแข็งแรงของเข็มขัดและสายจูงอีกที พอเอาเข็มขัดสวมหัวบอกไปได้ พร้อมกับดึงไม้กั้นทางเข้าห้องออก บ๊าคก็กระโจนจนผมวิ่งตามแทบไม่ทัน
ก่อนขึ้นรถ ต้องหาที่ฉี่อีก 2-3 ที่ พอเปิดประตูให้ บอกขึ้นไป เขาก็ตะกุยตะกายขึ้นไปยืนอยู่บนเบาะหลัง กว่าจะถึงตรงนี้บ๊าคก็ลิ้นห้อยแล้วครับ จนผมต้องถามว่าจะไหวมั๊ยเนี่ย เขากลับบอกว่า ไปซะทีเถอะป๊า ชักช้าอยู่ได้ .. ผมเปิดกระจกให้ 2 นิ้ว พักนึงก็ดีขึ้น ไปแวะเติมน้ำมันกันก่อน พวกก็จะเล่นเด็กปั๊ม ผมต้องระเห็จลงไปจ่ายเงิน ด้วยความที่กลัวเขาจะงาบมือเด็กเสียเปล่าๆ
วันนี้นั่งเรียบร้อยดี แต่มีครั้งหนึ่งขณะที่รถติด ขยับไปได้ช้าๆ เขามาโผล่ดูตรงกลาง รถคันหนึ่งอยู่เลนซ้ายโผล่พรวดออกมาไม่บอกกล่าว คือไม่ตีไฟ ไม่ทำท่าออก มันคิดจะออกมันก็ออก ผมกระทืบเบรค เหลือบดูอาบ๊าคหัวทิ่ม ก่อนจะตะกุยกลับขึ้นไปอยู่บนเบาะ ค่อยนึกได้ว่าต้องกดแตรยาวๆ ด่าสักหน่อย เช็ดแม่ ไอ้เลว ทำลูกกูตกใจ ขับรถภาษาเชี่ยอะไร พ่อแม่ไม่สั่งสอน อันนี้เป็นความหมายที่แฝงอยู่ในการกดแตรยาวๆ 1 ทีของผมน่ะครับ ซึ่งผมแทบจะไม่เคยใช้ คนขับรถไม่มีมารยาทเดี๋ยวนี้มีมากจนผมทำใจได้ แต่น้อยครั้งมากที่จะเจอคนแย่มากขนาดนี้ .. ถ้าไม่อยากโดนใครด่าหรือไม่อยากเจออุบัติเหตุโดยไม่จำเป็น ก็ขับรถอย่างมีมารยาทกันเถอะครับ รถอีกคันอาจมีเด็ก คนแก่ คนป่วย เราจะรู้ได้ยังไงว่าคันไหน ถ้าเป็นเราล่ะ คิดถึงคนอื่นบ้างก็ดีครับ
ไปถึงโรงพยาบาลราวบ่าย 2 กว่า จอดรถเรียบร้อยผมก็เทน้ำใส่ชามให้ เขารีบเอาลิ้นวักน้ำเข้าปาก อันนี้ก็สำคัญนะครับ ถ้าต้องเดินทางไกลและหมาตื่นเต้นน้ำลายไหล เขาจะเสียน้ำมาก ต้องเตรียมน้ำไปด้วย ขาดน้ำมากๆ เขาอาจช็อคได้ จากนั้นก็ใส่ตะกร้อ คำแนะนำสำหรับคุณหมาที่ไม่ยอมให้ใส่ง่ายๆ คือ ให้ใส่ตัวล็อคก่อน แล้วสวมเข้าไป ค่อยๆ รั้งหูเขาออกมาหน้าสายคาด จะง่ายกว่าใส่ตัวล็อคทีหลังมาก ไม่ต้องปล้ำกันให้เหนื่อย
พอยื่นบัตรเสร็จ คุยกับเจ้าหน้าที่ 2-3 คำ ก็ต้องอุ้มบ๊าคขึ้นที่ชั่งน้ำหนัก หลังจากปล้ำอยู่พักนึงแล้วไม่เป็นผล ได้ 34.2 kg เอออ้วนไปนิดนะลูก ต้องลดน้ำหนัก ขณะที่บ๊าคลุกๆ นั่งๆ นอนๆ รอเรียกตรวจ น้ำลายก็ไหลยืด คือมันเหนียวๆ ใสๆ ย้อยอยู่มุมปาก ยาวราว 2 นิ้ว .. ด้วยความที่ไม่ได้มาโรงพยาบาลนาน ผมก็ลืมสภาพอย่างนี้ เลยไม่ได้เอาทิชชู่ติดมาด้วย ทิชชู่ที่ทางโรงพยาบาลติดตั้งไว้ให้ก็อยู่ไกลเกินกว่าจะเสี่ยง คือหมาแมวของคนอื่นเขาจะเสี่ยงน่ะครับ ผมนั่งทำใจอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจใช้มือเก็บมันมาป้ายกับขากางเกง มันจะเหมือนขี้มูกตอนคุณเป็นหวัดได้ที่น่ะครับ แล้วก็ถูๆ ให้มันซึมเข้าไปในเนื้อผ้า ผมแอบเห็นคนใกล้ๆ เขาทำหน้าขยะแขยง เออ ผมน่ะขยะแขยงกว่าคุณอีก แต่ก็ต้องทำ เพื่อให้ลูกบ๊าคหล่อเสมอ เขาหล่อจริงๆ นะครับ
ครั้งหนึ่งขณะที่บ๊าคนอนหมอบอยู่ เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งเดินผ่านมาด้านหน้า เห็นตะกร้อครอบปากเขาก็ระวัง ผมแทบจะไม่เคยเห็นหมาใส่ตะกร้อนะ คอฟฟี่ก็ไม่เคยต้องใส่ เจอใครก็ยิ้มกระดิกหางสั้นๆ ให้เขาไปทั่ว .. บ๊าคนอนมองเฉยๆ จนเขาเดินจะพ้นก้นไปแล้ว ดันลุกขึ้นมากระโชก เขาก็ตกใจอุทานว่า อะไรวะ ผมก็ตลก ถามบ๊าคว่า เพิ่งนึกได้เหร่อ
พอคุณหมอเรียกตรวจ บ๊าคก็จะวิ่งไปที่ทางออก ผมก็บอกว่า เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้หาหมอเลย ถ้าฟังกันก็ดีสิ ไม่ยอมครับ ยังไงก็ไม่เข้าห้องตรวจ ดิ้นอยูหน้าห้องจนทุกคนหันมามอง ผมได้ยินใครสักคนพูดว่า ดื้อนะ ผมคิดในใจ เออใช่ ไม่เคยเห็นก็เห็นซะนะ สุดท้ายอุ้มเข้าไป คุณหมอยืนยิ้มอยู่แล้วพูดประโยคแรกกับผมว่า จะตรวจได้มั๊ยเนี่ย ผมก็ว่า ผมก็คิดอยู่ .. ผมอ่านมาบ้างแล้วเรื่องการตรวจตาหมา คงยากมาก แต่ก็ต้องทำ และคุณหมอปนัดดาคงต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์
จากนั้นคุณหมอก็สรุปว่า เจ้าของคงต้องทำเองแล้วหล่ะ หลังจากที่ท่านคว้าแว่นมาสวมแล้วก็ยังมองไม่เห็น เพราะเข้าใกล้ได้ไม่เกินเมตร ผมเริ่มด้วยการกดให้บ๊าคนอนตะแคง .. อย่างแรกเป็นการวัดระดับน้ำตา คุณหมอยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ กว้างราว 5 mm ยาวราวนิ้วครึ่งมาให้ เอาด้านที่มีรอยบากสอดไว้ระหว่างเปลือกตาล่างกับเปลือกตาใน ทิ้งไว้ 1 นาที ข้างซ้ายผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะดิ้นวัดไปวัดมา ข้างขวายากกว่า ชิ้นแรกสะบัดจนขาดตรงรอยบาก ผมค่อยๆ เขี่ยออกด้วยความยากลำบาก ชิ้นที่ 2 จึงจะสำเร็จ ปรากฎว่าน้ำตาน้อย
ขั้นตอนต่อไป หยดสี เขาให้กระดาษจุ่มสีมาป้ายตา ไม่สำเร็จครับ เปลี่ยนเป็นใส่ไซริงค์มาให้ ใช้ 1 หยดแล้วใช้น้ำยาล้าง เป็นขวดกลมๆ เท่าข้อมือ ปากขวดต่อเป็นท่องอเหมือนตะขอ ซึ่งผมว่ามันใช้ยากมากกับหมาดิ้นๆ จนผมถามคุณหมอว่า ทำไมมันต้องงอด้วย ท่านยิ้มไม่พูดอะไร แต่อาจคิดในใจว่า แล้วทำไมบ๊าคมันดื้อขนาดนี้วะ หรืออาจกำลังลุ้นอยู่อย่างมันส์ก็เป็นได้ จากนั้นใช้สำลีซับน้ำ แล้วคุณหมอก็ใช้ไฟฉายแบบก้านยาวๆ งอได้มาส่องตา ชะโงกดูอยู่พักใหญ่ มาตาขวาที่ขี้ตาเยอะๆ ไซริงค์กระเด็นครับ คราวนี้เจ้าหน้าที่เขาเลยเอาน้ำยาใส่ถ้วยสแตนเลสเล็ก ให้เอากระดาษจุ่มแล้วป้าย
การวัดความดันลูกตา ทำไม่ได้และลืมได้เลย
1. ความดันขณะนี้ พุ่งกระฉูด
2. ต้องเอาที่วัดไปประกบกับดวงตา มันคงยอมหรอก
คราวก่อนที่พาบ๊าคมา เมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนกระดูกสันหลังอักเสบ ผมบอกคุณหมอธนิกาว่าอยากวัดความดันเสียด้วย คุณหมอท่านยังส่ายหัวบอกว่า หมอว่าวัดไปก็เท่านั้น ตื่นเต้นมาก จะไม่รู้ว่าความดันจริงๆ เท่าไหร่กันแน่
คุณหมอสรุปว่า ตาทั้ง 2 ข้าง ที่กระจกตาไม่มีรอยแผล มีอาการเริ่มต้นของต้อ อาจด้วยวัยหรือเบาหวาน ทำการตรวจเลือดไม่ได้เพราะต้องอดอาหารอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ตาขวาน้ำตาน้อยซึ่งจะทำให้ระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย รอยเล็กๆ นั่นสีไม่ติด ไม่ซีเรียส สำหรับตาขวา คุณหมอจะให้ยากระตุ้นน้ำตากับน้ำตาเทียม และให้ยาแก้อักเสบหยอดทั้ง 2 ตาทุก 6 ชั่วโมง
ส่วนอาการต้อ คุณหมอท่านว่ามียาชลอการเกิดต้ออยู่ 2-3 ยี่ห้อ มีอย่างแพงกับที่ถูกกว่า ผมขอให้คุณหมอแนะนำ ท่านก็ว่าคุณภาพพอๆ กัน อย่างแพงก็ Ocluvet ขวดละพัน 2 พัน ผ่าน PE ผมไม่ได้ถามว่ามันคืออะไร ไอ้ PE เนี่ย คิดว่ามันคงเป็นมาตรฐานอะไรสักอย่างล่ะมัง ที่ถูกกว่าก็ 6-7 ร้อย ท่านว่าจากสถิติการใช้ ไม่ได้รับรองผล 100% จะใช้หรือไม่ก็แล้วแต่การตัดสินใจ อีกทางเลือกคือการผ่าตัด ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผล ต้องวางยา บ๊าคอายุมากและมีโรคหัวใจกับไต เสี่ยงมากและค่าใช้จ่ายสูง
ผมขอให้คุณหมอสั่ง Ocluvet ให้ ไม่ได้รวยครับแต่พอจ่ายได้ รู้ว่าทำได้ทำไมจะไม่ทำ สรุปว่าได้ยามา 4 ขวด ประกอบด้วย
1.
Genta Eye Drops 5 ml เป็นยาลดการอักเสบ ให้หยอดทั้ง 2 ตา วันละ 4 ครั้ง ผมคาดว่าก็คงเป็นทุก 6 ชั่วโมง ดีนะที่ผมนอนดึกและกลับบ้านตอนเที่ยงได้
2.
Ocluvet Eye Drops 15 ml ชลอการเกิดต้อ หยอดทั้ง 2 ข้าง วันละ 2 ครั้ง ราว 6-8 สัปดาห์
3.
Cyclosporin Eye 5 ml  กระตุ้นการสร้างน้ำตา หยอดตาขวา วันละ 2 ครั้ง อย่างน้อยเดือนนึง
4.
Tear Naurale II 15 ml คือน้ำตาเทียม หยอดตาขวา วันละ 4 ครั้ง ไม่รู้นานแค่ไหน
4 อย่างนี่ก็ 2600 กว่าๆ ไม่รู้อะไรราคาเท่าไหร่ เขารวมมาในหมวดค่ายา แต่ที่ผมมึนคือ แล้วกูจะหยอดยังไงวะเนี่ย เอาอาหารหมาด้วยอีก 3800 ผมนับแบงค์พันส่งให้ เขาก็รับไปเฉยๆ ด้วยความเคยชินกับตัวผม แต่มันคงแปลก เพราะเขายื่นไปให้เพื่อนข้างหลังดู ผมว่าคนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยใช้เงินสดกันเท่าไหร่ ทำไงได้ ผมไม่มีบัตรเครดิตนี่นา
กลับมาที่รถ ที่ผมเอาบ๊าคมาเก็บไว้ก่อนตอนรับยา ผมสตาร์ทเครื่อง เปิดกระจกนิดหน่อย เปิดแอร์ทิ้งไว้ให้ แถมฝากกับ รปภ.ไว้อีก คิดๆ ดูแล้วถ้าเจ้าบ๊าคหลุดออกมาเขาก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากวิ่งไปตาม แถมลืมล็อคประตูด้านหลังด้วย คราวหน้าต้องระวังให้มากกว่าเดิม เผื่อเปิดประตูเองได้ล่ะซวยเลย .. เสร็จเรื่อง ผมก็เอาน้ำให้กินอีกทีก่อนออกรถ คุณหมอที่ตรวจก็กำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน ตอนที่นั่งรอยา ท่านแวะมาด้านหลังผม บอกว่า ChlorOph เป็นยาลดความดันในตา ให้หยุดก่อน แล้วให้คอยสังเกตว่าตาโปนไหม ถ้าโปนค่อยใช้ต่อ แต่เท่าที่ท่านตรวจดูตาไม่โปน
ขากลับไม่ช้าเท่าไหร่ รถไม่ค่อยติด ถึงบ้านเจ้าบ๊าคก็จะแย่ นอนหมดเรี่ยวหมดแรง ผมก็เก็บผ้าในรถมาแช่ไว้ก่อน น่าจะมีทั้งฉี่ทั้งน้ำลาย ชุ่มฉ่ำ เอาผ้าขนหนูบิดหมาดๆ มาเช็ดตัวให้ แล้วก็ขอสักงีบ ผมเองก็หมดแรงเหมือนกัน.

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รบกวนขอคำแนะนำจากคุณ Victor เกี่ยวกับยาของบ๊าคได้มั้ยคะ พอดีสุนัขของดิฉันกำลังใช้ยาตัวเดียวกันกับที่บ๊าคใช้น่ะค่ะ ขออนุญาตสอบถามหลังไมค์ได้มั้ยคะ รบกวนขออีเมล์หรือถ้าคุณ Victor สะดวกให้ติดต่อทางอื่นก็ยินดีค่ะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ

victor phichaisrisawad กล่าวว่า...

ยินดีครับ ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้
เมล์ผมครับ dmv.phi แอด gmail.com (กลัวสแปมครับ รบกวนเปลี่ยนแอดเป็น @ นะครับ)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคะที่กรุณาตอบ ดิฉันได้ส่งเมล์ถึงคุณ Victor แล้วเมื่อสักครู่นะคะ

victor phichaisrisawad กล่าวว่า...

ยินดีครับ ตอบทางเมล์แล้วนะครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ถาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ