While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อาบน้ำกันเถอะ ไอ้ตัวเหม็น / Sun. 17 Nov., 2013


บ๊าคไม่ได้อาบน้ำมา 2 สัปดาห์แล้ว ปกติผมจะอาบน้ำให้เขาทุกอาทิตย์ เขาอาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 แถมหยด advocate ไปเมื่อวันที่ 6 (ต้องหยดก่อนอาบน้ำ 3 วัน หลังอาบน้ำ 3 วัน กลางสัปดาห์จะเหมาะสุด) ยังมีอ้วกกับฉี่เมื่อวันที่ 8 ผมว่าถึงจะเช็ดดียังไง มันก็คงอยู่ที่ผิวหนังมั่งแหละครับ อาจจะเยอะด้วย .. ตัวเหม็นสาบมาก และเริ่มมีขุยๆ หลุดออกมาตอนหวีผม .. เขาว่า การหวีผมที่ดี ช่วยเรื่องความสะอาดได้ดีพอสมควร .. แปลกที่ผมยังนอนกอดเขาได้ ไม่นึกรังเกียจ ความจริงเขาอาจนึกรังเกียจผมก็ได้นะ ผมว่าคนไม่อาบน้ำ เหม็นกว่าหมาเสียอีก
วันนี้ผมตื่น 7 โมง ฟ้าครึ้มฝน ผมได้แต่ภาวนาว่า จะตก ก็ตกๆ ไปเถอะวะ อย่าตกทั้งวันก็แล้วกัน ไม่ต้องทำห่าอะไรกันพอดี แผนที่ว่าจะถากหญ้าหน้าบ้าน เป็นอันพับเก็บไปได้ ดินเปียกจะถากไม่ได้ แล้วยังจะเละเทะอีก
เขากินมื้อเช้าอย่างกระตือรือร้น กลับมากินอาหารหมาคลุกซีซาร์ ใส่น้ำ แล้วครับ พาฉี่เสร็จ ผมก็จับให้น้ำเกลือ (วันนี้พยายามลากผมแล้วครับ วิ่งได้แล้ว แต่ผมไม่ยอมให้วิ่ง) โดยที่ลืมไปว่าต้มปลาไว้ ผมขอให้พ่อตกปลาแล้วต้มกับน้ำเปล่าๆ ไว้ให้ แต่ท่านใส่น้ำเยอะไป ผมก็กะว่าจะเคี่ยวให้น้ำเหลือน้อยหน่อย กลิ่นปลาจะได้แรงๆ น่ากินสำหรับหมา พ่อกับแม่ท่านไปวัดเช้า และผมลืมสนิท ได้กลิ่นไหม้ๆ ตอนเสียบเข็มน้ำเกลือ ก็ยังนึกไม่ออก จนกลิ่นมันแรงขึ้นถึงนึกได้ .. พอผมลุกพรวดวิ่งไปปิดเตา เจ้าบ๊าคก็ลุกตาม สะบัดตัวทีเดียวเข็มก็หลุด ผมวิ่งมาปิดน้ำเกลือ เปลี่ยนเข็ม แล้วให้ต่อ ลูกชายต้องเจ็บ 2 ที เพราะความเลินเล่อและแก่เฒ่าของผมแท้ๆ
ผมลุ้นให้ลูกบ๊าคสบายๆ เดินได้ดี ยืนนานๆ ไหว ไม่หอบ จะได้อาบน้ำได้ เราได้อาบน้ำกันราวบ่ายโมง มีแดดอ่อนพออบอุ่น วันนี้ลูกชายเรียบร้อยเป็นพิเศษ ปกติเขาจะไม่อยู่นิ่งเลยตอนอาบน้ำ ชอบ แต่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ทะเลาะกันเกือบทุกครั้ง ต้องให้ขึ้นเสียง ถึงจะเรียบร้อยได้ โชคดีที่แค่ตวาดเขาก็หยุดแล้ว ไม่ต้องลงไม้ลงมือ ..
วันนี้ผมลองถูบ้านโดยใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำ ในเนทเขาว่ากำจัดกลิ่นฉี่หมาได้ดี อีกอย่างผมกลัวว่าเขาจะไปเลียพื้นอีก น้ำยาถูพื้นจะอันตรายต่อเขา มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ การถูง่ายมาก กำจัดคราบง่ายกว่าน้ำยาถูพื้น ออกแรงน้อยกว่า มีกลิ่นน้ำส้มนิดหน่อยตอนถู แต่พอแห้งแล้วไม่เหลือกลิ่นอะไรเลย พูดความจริงคือ ผมไม่ชอบกลิ่นปรุงแต่งของน้ำยาถูพื้นสักเท่าไหร่ ซึ่งผมมักจะใช้สีฟ้า แต่ก็ไม่ทำให้กลิ่นหมาหมดไปได้ขนาดนี้ ลองกันดูครับ ผมติดใจแล้วล่ะ
จากนั้นเตรียมที่นอนให้เขาเลย ปูแผ่นรองซับไว้ให้เรียบร้อย จะได้ซับความชื้นที่เช็ดไม่หมดด้วย (ถูกันให้ตายก็ไม่หมด) อากาศค่อนข้างเย็น เขาจะได้มีที่นอนอุ่นไว้รอ .. กูนี่ช่างเป็นพ่อที่ประเสริฐ พ่อผมมักจะหมั่นไส้ เวลาผมโอ๋เจ้าบ๊าค ท่านจะพูดว่า เอาใจกันเข้าไป .. เมื่อก่อน ตอนผมนอนกอด coffee ท่านก็จะว่าสกปรก ผมก็จะเถียงว่า สกปรกอะไร หอมจะตาย ลองมาดมสิ เนอะลูกเนอะ coffee เขาก็จะครางตอบ
ในระหว่างที่รอให้ฝนหยุดตก ให้แดดออกสักนิด จะได้อุ่นขึ้น ผมก็จับเขาตัดเล็บเสียเลย ตัดขนใต้เท้าด้วย มันยาวเร็วมากนะ .. ตามปกติเขาจะให้ใช้ที่ตัดเล็บของหมา ของผมมี 2 อันที่ใช้เพียงครั้งเดียวแล้วเก็บ ผมว่ามันเหมาะกับหมาตัวเล็ก ที่มีเล็บสีชมพูหรือขาว มองเห็นได้ถึงเนื้อในเล็บเสียมากกว่า ไม่เหมาะกับหมาตัวใหญ่ๆ เล็บใหญ่ๆ สีดำ อย่างลูกๆ ของผม .. มันมองไม่เห็น แล้วผมเคยพลาด ถ้าจะไม่ให้พลาดมันก็ตัดได้นิดเดียว เหลืออีกยาวเฟื้อย เขาจะเดินลำบาก เจ็บน่ะ บางทีมีอักเสบที่โคนเล็บด้วย เพราะแรงกระแทกของเล็บกับพื้น แถมตีนไม่เหนียวเดินลื่นอีก ..
วิธีการของผมคือ ใช้ที่ตัดเล็บของคนขนาดใหญ่ โดยค่อยๆ เล็มไปตามขอบข้างๆ แล้วใช้ที่ตัดเล็บน่ะแหละค่อยๆ ตะกุยเศษขี้เล็บตรงกลางออก ตัดได้จนใกล้ถึงเนื้อ ถ้าเขาชักขาหนีแบบจริงจัง แปลว่าใกล้แล้ว ก็พอได้ มันจะตัดได้สั้นพอสมควรทีเดียว แต่มันจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการตัดเล็บ บางทีเขารำคาญก็จะอยู่ไม่นิ่ง ต้องใช้ความอดทนครับ แต่ผลก็เป็นที่น่าพอใจ
การอาบน้ำลูกบ๊าค ต้องลุ้นตลอดว่าเขาจะยืนไหวไหม หนาวไหม สั่นไหม หอบไหม ปรากฏว่าผ่านไปได้ด้วยดี .. เริ่มจากราดน้ำให้ชุ่ม ฟอกด้วย malaseb แชมพูรักษาโรคเชื้อราที่ผิวหนัง ยังไม่หายดีครับ ซึ่งต้องทิ้งไว้ 10-15 นาที เขาก็ไปนั่งรอ อาบแดด ไม่โง่นี่ รู้จักหาความอบอุ่น ลมแรงครับ ถ้าไม่มีแดดคงหนาว เคยเอาเข้าห้องน้ำ ดิ้นพรวดพราดวิ่งออกมา แถมลื่นล้มอีก ผมไม่เสี่ยงดีกว่ากับสภาพแบบนี้ของเขา เขาชอบอาบน้ำกลางแจ้งครับ
ผมก็ชอบ แต่สำหรับผมต้องปิดไฟอาบกลางดึกท่ามกลางแสงจันทร์ ที่ได้บรรยากาศมากๆ .. มีกลิ่นโมกข์ที่ปลูกอยู่ใกล้ๆ ลมเย็นๆ จนตัวสั่น ยุงมาห้อมล้อม และเสียวว่างูมันจะเลื้อยมาตอนนี้ไหมวะ แต่มันสดชื่นกว่าอาบในห้องน้ำมาก .. ยอมรับก็ได้ว่า ผมเป็นโรคจิต .. เอ่อ พ่อผมก็เป็น แต่เขาอาบตอนเย็นๆ กับเช้าๆ มันมีผนังบ้านอยู่ด้านหลัง ด้านซ้ายมีแท็งค์น้ำ ด้านขวาเป็นผนังห้องน้ำ ข้างหน้ามีต้นโมกข์ ละมุดและไม้เลื้อย ไม่มีตึกสูง ผมว่าก็โอเคนะ ไม่ถือว่าอุจาด
พอบอกว่า มาล้างกัน เขารีบลุกมาหา ล้างเสร็จแล้วต้องใช้มือรีดน้ำออกจากหน้า ใต้คอ ทั้งตัวแหละครับ หมาอะไรซับน้ำได้ดีมากๆ ขนเขา 2 ชั้นน่ะครับ หนามาก จากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวที่ผืนใหญ่กว่าของผม หนากว่าของผม ถูไปถูมา กลับผ้าด้วย ยังชุ่มเลยครับ ต้องเช็ดทั้งหมด รวมถึงซอกนิ้วและอุ้งเท้าด้วย ตามด้วยทิชชู่ม้วนใหญ่ 3 แผ่นพับทบ ถูไปบนตัว ยังได้น้ำอีกเยอะ เปลี่ยนทิชชู่จนน้ำแห้งน่ะแหละครับ ตามด้วยการแปรงขน ก็ยังมีน้ำเหลืออีกอยูดี ชื้นๆ .. แล้วใช้คำสั่งว่า ไปได้ เสร็จแล้ว .. เขาก็จะกระโจนเข้าบ้าน วิ่งมาที่ของตัวเอง แล้วขึ้นไปนอนขดอยู่บนที่นอนของเขา เอาล่ะ ได้หมาหอมๆ กันสักที
มื้อเย็นเขาหิวซ่ก กินอย่างอเร็ดอร่อย อ้อไอ้แผ่นรองซับออกมาตั้งแต่เที่ยงแล้วครับ ตอนเย็นมีต่ออีก และน่าจะยังไม่หมด ก็พวกซัดเข้าไปตั้งแผ่น กะเอาเข้าไปทำความสะอาดไส้รึไงไม่รู้ ดูท่าจะอึออกยาก แต่ก็ออกมาดีๆ ค่อยยังชั่วหน่อย ผมต้องระวังให้มากกว่านี้ ดีที่เขาไม่ได้กินที่หุ้มเข้าไปด้วย มันก็คงไม่มีอะไรนอกจากตัวซับน้ำ สภาพทั่วไปดูดีขึ้น เดินได้ดีขึ้น ยาได้ผล ผมได้แต่หวังว่าเมื่อยาหมด ร่างกายเขาจะปรับตัวได้แล้ว และไม่ต้องใช้ยาต่ออีก เขาต้องกินยามากอยู่แล้ว
วันนี้เช็ดหูง่ายหน่อย ทุกทีถ้าเขาเห็นผมหยิบอุปกรณ์สำหรับเช็ดหู เขาจะลุกหนีไปนอนในซอกชิดผนัง ต้องใช้ขนมหมาล่อ ซึ่งไม่ดีกับเขาเลย บางครั้งไม่ได้ผลก็ต้องลากกันออกมา .. การเช็ดหูกับตัดเล็บ ทำให้ coffee งับมือผมบ่อยๆ คงรำคาญ บ๊าคไม่งับแต่พยายามถีบและดันตัวเองหนี เบื้องต้นก็ต้องอธิบายกับเขาว่า ต้องเช็ดหูนะลูก หูจะได้สะอาด หูสกปรกเดี๋ยวหูหนวกฟังป๊าไม่ได้ยินนะ, ให้ป๊าเช็ดให้ ไม่เช็ดเดี๋ยวคันหูนะ ป๊าเห็นเกาๆ คันใช่ไม๊ล่ะ, อาบน้ำแล้วก็ต้องเช็ดหู ป๊ายังต้องเช็ดเลย (บางครั้งเขามองผมเช็ดหูตัวเอง พอถามว่าเช็ดด้วยมั๊ย เขาจะทำหูกระดิก คงรูสึกจักจี้ขึ้นมาทันที) สุดท้ายถ้ายังดิ้น ก็ต้องบอกว่าเดี๋ยวตีจริงๆ ด้วยนะ มันจะได้ผล แต่ผมจะไม่ใช้ถ้าไม่จำเป็น มันจะพร่ำเพรื่อแล้วกลายเป็นคำที่ไม่ต้องสนใจ
เอาล่ะ วันนี้จบเรื่องเร็ว ยังไม่ 2 ทุ่มเลย แล้วเราก็นั่งรอเวลาให้ไอ้พวกเด็กเปรตมันจุดพลุกัน เขากลัวครับ ผมต้องนั่งอยู่ให้เขาพันไปพันมา ลุกๆ นั่งๆ ผมเองก็ไม่ชอบ มันหนวกหู น่ารำคาญ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเล่น มันสำคัญยังไง พ่อแม่เขาไม่ได้สอนลูกเหรอว่า มันจะสร้างความรำคาญให้คนอื่น ควรเกรงใจชาวบ้านเขาบ้าง อยากออกไปตะโกนถามอยู่เหมือนกันว่า พ่อมึงตายเหรอ .. แต่ก็คิดได้ว่า ช่างแม่มันปะไร มันต้องเสียเงินซื้อ ดูเหมือนจะราคาไม่ถูกนัก มันไม่มีปัญญาซื้อมาจุดได้ทั้งคืนหรอก ออกมานอกบ้านยุงก็เยอะ แม่งทนได้ก็ทนไปสิ เราเดือดร้อนอะไร แล้วก็จริง จุดกันไม่เท่าไหร่หรอกครับ .. เด็กพวกนี้อาจเก็บกด ต้องการแสดงออก แล้วพ่อแม่ไม่สนับสนุนให้แสดงออกในทางสร้างสรรค์ เลยต้องมาแสดงออกในทางที่สร้างความรำคาญให้ผู้คน ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ
พูดถึงพลุ เมื่อก่อนบ้านใกล้ๆ ผม เขาจะจุดเยอะมาก อาจไม่เยอะมากแต่มันใกล้ เลยสร้างความรำคาญให้ มากกว่า ผมเคยคิดว่า ถ้าตอนตี 2 แล้วผมจุดพลุสัก 10 ลูกบ้าง เขาจะรู้สึกยังไง แต่ก็ไม่ได้ทำ มันไร้สาระเกินไป ผมต้องเสียเงิน เสียเวลา มีความเสี่ยงกับตัวพลุ แค่เอามันส์ ผมคิดว่าไม่ดีกว่า .. เมื่อคืนเขาไม่จุดเลย ผมรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ขอบคุณนะ ..
การเล่นพลุในวันเทศกาล ทำให้คนรู้สึกว่า ก็มันเป็นเทศกาล เป็นธรรมเนียมปัญญาอ่อนที่ต้องยอมรับ .. จะว่าไป พวกเขาก็ฉลาดพอที่จะเลือกวันเล่น หรืออาจจะแค่ทำตามๆ กันไปอย่างไร้สมองก็เป็นได้ ใครจะรู้ .. รู้สึกว่าคนไทยเขานิยมจุดตอนเผาศพด้วยนะ ผมสงสัยว่า มันช่วยให้โด่งดัง หรือดันขึ้นสวรรค์ได้หรืออย่างไร .. หรือช่วยให้คนที่ได้ยิน ด่าแม่ แทนที่จะช่วยสวดให้ไปดี.. บางวัด เขาห้ามจุดพลุเลยด้วยซ้ำ (วัดป่าเคร่งๆ) ซึ่งเป็นการคิดทางพุทธที่แท้จริง .. ผมไม่ใช่พุทธ แต่อ่านเรื่องของพุทธเยอะกว่าคนพุทธส่วนใหญ่ เมื่ออยากรู้ เราต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง การรู้นิดๆ หน่อยๆ จะทำให้การรู้สับสน หรือเกิดความเข้าใจผิดได้ เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรรู้อย่างเป็ด (เพราะงั้นอย่ามาเถียงกูเลย มึงเถียงไม่ชนะหรอก).

ไม่มีความคิดเห็น: