While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บ๊าคเดินได้ดีขึ้นมากแล้วครับ / Sat. 16 Nov., 2013


ตื่น 6.10 คืนนี้อากาศเย็น ลูกบ๊าคไม่เพ่นพ่าน นอนอยู่บนที่นอนของตัวเอง ผมจับให้น้ำเกลือไปครึ่งขวด แล้วเอาอาหารให้ ทำท่าไม่อยากกิน กินไปได้ครึ่งก็เลิก เป็นไปได้ไหมว่า ulsanic ตอนตี 4 ครึ่ง ทำให้อิ่ม ...
เช้านี้ฝนตก ผมเลยพาฉี่ในร่ม ไม่อยากให้ตากฝน ร่างกายเขายังไม่แข็งแรงดี เกรงว่าจะเป็นหวัด แต่การเปลี่ยนที่ขับถ่าย ก็ทำให้เขาไม่ยอมอึ .. ผมลองเปลี่ยนไปใช้ปลอกคอ เพราะเห็นเขาไม่ชอบสายรัดอก และดูขาเขาดีขึ้น เวลานั่งไม่ส่งเสียงบ่นดังฮื่อแล้ว ปรากฎว่าไม่ดีจริง มีเสียหลักล้มครั้งหนึ่ง .. ผมทิ้งอาหารที่เหลือไว้โดยไม่เก็บ เขาป่วยนะ หย่อนเรื่องวินัยกันไปบ้างคงไม่เป็นไร
เที่ยงกลับมา อาหารหมดชามและทำท่าหิว เป็นนิมิตหมายอันดี .. การไปฉี่ตอนเที่ยงก็ดูเดินได้ดีขึ้น ผมบังคับให้เขาใช้สายรัดอก ดูจะไม่ค่อยขัดขืนมากนัก บอกเขาว่า ลูกยังเดินไม่ดี เดี๋ยวล้มนะ ใส่แบบนี้ป๊าช่วยได้ไง .. ดูเหมือนจะเข้าใจ หรือไม่ก็แค่ ทำไมป๊าพูดมากจังวะ
ตอนเย็นกลับมา ผมอยากจะกรี๊ด .. ผ้ารองซับถูกกัดกระจุยไป 1 แผ่น และเหลือไม่ครบ คงกินเข้าไป ให้ตายห่าสิลูกกู .. อาการฉี่ไหลออกมาเอง ยังไม่หาย ซึ่งเริ่มมีอาการตั้งแต่เริ่มให้น้ำเกลือ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว .. ก่อนหน้านี้ไม่เป็นนะ อาจเป็นเพราะปกติเขากินน้ำน้อยมากก็เป็นได้ .. ผมใช้แผ่นรองซับ 2 แผ่น ใช้เทปกาวแปะต่อกัน แล้วแปะมุมติดกับที่นอนเขา เขาก็นอนได้สบายขึ้น คืนแรกพอผ้ามันเปียก เขาก็ไม่นอน หนีลงไปนอนพื้นเย็นๆ .. ปัญหาคือ พวกซัดเข้าไปเกือบแผ่น ซึ่งระบุว่าซึมซับได้ 700 cc แต่เขาก็กินน้ำเข้าไปเยอะนะวันนี้ ไม่รู้ควรขำหรือควรกลัว
เขาทำท่าหิวซ่ก ผมเอาอาหารหมาคลุกซีซาร์ใส่น้ำให้ กินเกลี้ยงเลยครับ การใส่ซีซาร์ไม่ถูกต้อง แต่ป่วยอยู่ ตามใจหน่อยก็ได้ จะได้กินอร่อย เย็นนี้อึเยอะเลย ผมต้องเฝ้าให้ดีล่ะว่า กินได้ไหม ขี้ได้ไหม ไอ้แผ่นรองซับมันจะออกมาเมื่อไหร่ แต่เขาดูดีมากเลยนะเนี่ย หลับไปแล้ว ..
พักนี้ หลังให้ยามื้อเย็น ผมจะแปรงขนให้เขาในท่านอน เห็นไหมป๊าเก่ง ลูกนอนป๊าก็หวีผมให้ได้ เขาชอบครับเวลาหวีผม ปกติถ้าบอกมาหวีผม เขาจะลุกมานั่งตรงหน้าให้หวีส่วนหัวถึงคอและอก จากนั้นจะยืนขึ้นให้หวีส่วนที่เหลือ ตอนนี้นอนหวีละกัน หลังไม่ดีไม่ต้องลุกบ่อยๆ แล้วก็พ่น nanowound เสร็จเตรียมที่นอนให้ เอาแผ่นรองซับใหม่แปะน่ะครับ แล้วผมก็ไปกวาดบ้าน เสร็จก็มาประคบแนวสันหลังให้เขา พลางคิดเข้าข้างตัวเองว่า ที่เขาดีขึ้นเร็ว เพราะยาดี มีการประคบอุ่นให้เส้นประสาท บวกกับความรักความอบอุ่นจากป๊า แหวะไหมครับ
ไหนๆ ก็พูดแล้ว เผื่อว่าสำหรับหมาที่กลืนอะไรเข้าไป เป็นกรณีศึกษาแล้วกันครับ .. คราวก่อนที่เล่นลูกยางนิ่มๆ เข้าไป ผมดูอาการอยู่ 3 วัน ว่าจะขี้ออกมาเองไหม มันเป็นปลาปักเป้ายาง ใสๆ นิ่มๆ ที่แบนแล้ว .. เขาปกติดีทุกอย่าง กินได้ ถ่ายได้ ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ แต่ไม่ขี้ออกมา (ผมได้นั่งเขี่ยขี้หมาดูทุกวันแหละครับ หมาตัวใหญ่ อึกก้อนใหญ่ ต้องทำให้แตกออก ถึงจะรู้ชัด) แต่มันรู้นี่ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น มันไม่สบายใจถ้าไม่ทำอะไร คือถ้าไม่เห็นกับตาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตัวลูกบ๊าค
คุณหมอธนิกาถึงกับเครียด ถ้าต้องผ่าท้อง ต้องนอนโรงพยาบาล 3 วัน ให้น้ำเกลือ จะทำยังไง แค่วางยาก็จะรอดไหม รอดแล้วจะอยู่กับคนอื่นยังไง บ๊าคไม่เคยเอาใคร ไม่เหมือนลูกคนอื่นๆ ของผม ที่เชื่องเหมือนแมว ครั้งนั้นโชคดีที่ใช้ยาซึมแล้วอ้วกออกมาได้ แต่ยาตัวนั้นมีผลต่อหัวใจ อาบ๊าคเกือบตาย คุณหมอท่านก็ฉีดยาแก้ให้ หมดเงินไปพันกว่าและเรื่องที่ต้องทำ กับของเล่นหลานที่แม่ผมวางทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่เก็บให้เรียบร้อย
มันเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2555 คุณหมอธนิกาท่านเยี่ยมมากครับ.. ท่านคุยรายละเอียดกับผม จับลูกบ๊าค x-ray ยังอยู่ในกระเพราะอาหาร และมีทางเลือกให้ผม
1.       กลืนอะไรสักอย่าง (ลืมแล้ว แป้งมั๊ง อะไรลื่นๆ แหละ) มันจะดันไปลำไส้ แล้วอึออกมา อาจไปเรื่อยๆ อาจไปติดคาที่ใดที่หนึ่ง อาจออกมากับอึ .. ผมมองว่าเสี่ยงเกินไป บ้านผมอยู่ไกลด้วย(ฉะเชิงเทรามาสุวรรณชาด 40 โล ถ้ารถติดอีกล่ะ) เกิดปวดท้องหรือมีอาการที่คาดไม่ถึง กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลลูกบ๊าคคงแย่ อีกอย่าง ผมมองว่าการผ่ากระเพาะกับผ่าลำไส้ ผ่ากระเพาะน่าจะปลอดภัยกว่า
2.       ใช้ยาซึมตัวหนึ่ง ซึ่งอันตราย แต่เป็นตัวที่จะทำให้อาเจียนได้ มียาสำหรับแก้อาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ถ้าไม่อาเจียนออกมาก็ไปข้อ 3
3.       ผ่าเอาออก .. หลังผ่า ต้องอดข้าวอดน้ำ 3 วัน เพื่อให้แผลประสานกัน และต้องให้น้ำเกลือภายใน 24 ชั่วโมง ไม่งั้นจะขาดน้ำ ไม่มีสารน้ำ ไล่ยา ไล่ของเสีย และต้องใช้ยาฉีด .. ต้องนอนโรงพยาบาล หรือพากลับแล้วเอาไปคลีนิคก็ได้ แต่ควรให้หมอมาที่บ้านจะดีกว่า
ผมเลือกข้อ 2 และ 3  โดยจะพากลับ ท่านก็ให้ลองติดต่อคุณหมอดูก่อน ว่าสะดวกมาที่บ้านได้ไหม (ท่านจริงจังมากด้วย ไม่ได้ปล่อยผมผ่านๆ นะ) เพราะแผลผ่าตัดไม่ควรกระเทือนมาก ไม่ควรเดินทาง ขึ้นๆ ลงๆ รถ เดี๋ยวแผลแตก .. คุณหมอวรรณพงศ์ท่านก็ดีมากๆ ท่านว่ามาให้ได้แต่ขอเป็นตอนเย็นได้ไหม โห ให้ท่านมาได้เถอะ ตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น
จากนั้นคุณหมอธนิกาท่านไปคุยกับคุณหมอผ่าตัด ว่าสะดวกไหม เวลาไหนที่พอจะทำได้ถ้าต้องผ่า ซึ่งคุณหมอผ่าตัดท่านสะดวกตอนบ่าย 2 เราก็จะวางยาลูกบ๊าคตอนบ่ายโมงครึ่ง ถ้าไม่อ้วกออกมา ก็ต่อด้วยยาสลบเลย .. ผมได้ลุ้นอย่างมันส์เร้าใจมากครับ ไม่ได้ห่วงเรื่องเงิน วันนี้มีมาเยอะ แต่ห่วงเรื่องผ่ากับหลังผ่า .. ปรากฎว่าลูกบ๊าคอ้วกออกมาได้ ผมโคตรดีใจ และวันนั้นเอง ลูกบ๊าคกัดปากผมเพราะเมายา ไม่ว่ากัน ดีที่ไม่เข้า ผมหนังเหนียว แต่โคตรเจ็บ ทำให้คุณหมอและเจ้าหน้าที่ไม่ไว้ใจเจ้าบ๊าคมากขึ้นไปอีก และคุณหมอธนิกาท่านพูดขำๆ ว่า ถ้าเข้าก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวท่านส่งโรงพยาบาลของคนที่อยู่ตรงข้ามให้ได้ ...
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าได้วางอะไรที่หน้าตาน่ากินแต่กินไม่ได้ ไว้ล่อหมา .. มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่.

ไม่มีความคิดเห็น: