While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เรื่องค่าเทอมแสนแพง



ผมเคยพูดถึงเรื่องค่าเทอมของโรงเรียนคริสต์ ที่มันแพงบ้าระห่ำมาก่อนหน้านี้ เพิ่งมาเจออีกที่ แพงกว่า แต่ก็น่าสนใจมากทีเดียว มันคือโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า สิ่งที่ผมสงสัย ทำไมต้องแพง เมื่อได้รับคำตอบเลยอยากมาเล่าสู่กันฟัง เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่อาจเป็นประโยชน์กับผู้ปกครองท่านอื่น ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเอาลูกเข้าเรียนอนุบาลที่ไหนดี เรื่องทั่วๆ ไปผมจะไม่พูดถึง เพราะคุณสามารถดูได้เองจากเวบไซต์ของทางโรงเรียน สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่านี่หล่ะใช่..คือ
1. คุณครูทุกคนมี degree ด้านจิตวิทยาเด็ก เอกปฐมวัย ไม่ว่าจะเป็นครูคนไทยหรือครูต่างประเทศ
2. เด็กทุกคนจะได้รับการปฎิบัติตามความแตกต่างเป็นรายบุคคล ตามพื้นฐานอุปนิสัยและความรู้ที่เด็กมีมา มีการแบ่งกลุ่มตามอุปนิสัยของเด็ก
3. หากคุณครูไม่สามารถดึงความสนใจให้เด็กอยากเรียนรู้และพัฒนาได้ จนทำให้เด็กเกิดปัญหาถึงขั้นมีการร้องเรียนจากผู้ปกครอง คุณครูท่านนั้นจะถูกปรับเป็นเงินจำนวน 2000 บาทต่อกรณี ไม่ว่าเด็กจะผิดหรือไม่ โดยดูจากเหตุผลของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
4. การเรียนการสอนจะเน้นทุกด้านในเรื่องพัฒนาการเด็ก ทั้งทางร่างกาย จิตใจ ความรู้ ความคิด เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า เป็นสิ่งสำคัญมากในการปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้เด็กเล็ก เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพ
5. เมื่อจบการศึกษา เด็กทุกคนมีศักยภาพที่จะสอบเข้าเรียนระดับประถมในโรงเรียนดีๆ ได้ แต่ปัญหาอยู่ที่อุปนิสัยของเด็ก เนื่องจากบางโรงเรียนเน้นวิชาการสูงมาก จนอาจทำให้เด็กบางคนขาดความสุข โรงเรียนจะสามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำได้ว่า ลูกของคุณเหมาะกับโรงเรียนไหน สาธิตหรือคาทอลิก ขึ้นอยู่กับความสามารถของเด็ก ทีนี้ก็แล้วแต่คุณ .. บางท่านอาจสงสัยถึงความต่างของโรงเรียนสาธิตและโรงเรียนคาทอลิค ผมขอลองสรุปให้ดูคร่าวๆ นะครับ
โรงเรียนสาธิต เน้นการเรียนควบคู่ไปกับกิจกรรม ไม่ต้องเรียนพิเศษ การบ้านไม่มาก ลูกจะไม่เครียด การเรียนการสอนจะเป็นแบบมหาวิทยาลัย สามารถเรียนยาวจนเข้ามหาวิทยาลัยของสาธิตนั้นๆ และค่าเทอมถูกกว่ามากเพราะเป็นของรัฐ ปัญหาคือการแข่งขันเพื่อสอบเข้าเรียนก็สูงมากด้วยเช่นกัน
โรงเรียนคาทอลิก การเรียนจะเน้นวิชาการเป็นหลัก เน้นการแข่งขัน ต้องเรียนพิเศษเยอะ การบ้านเยอะ ค่าเทอมสูง
6. มีการจัดห้องสอบโดยสร้างสถานการณ์ให้ใกล้เคียงกับการสอบเข้าของแต่ละที่ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับเด็ก โดยจะแยกกลุ่มเด็กตามจุดมุ่งหมายของโรงเรียนที่ต้องการไปเรียนต่อ เฉพาะตอนเข้าสอบ
7. เด่นหล้าเป็นโรงเรียนที่มีเฉพาะอนุบาลเท่านั้น เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางให้เด็กสามารถไปเรียนต่อที่ดีๆ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน
8. เด็กที่จบอนุบาล 3 ทุกคน สามารถอ่านออกเขียนได้คล่อง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (โรงเรียนสาธิตใช้ข้อสอบวัดเชาวน์เท่านั้น ไม่มีภาษาอังกฤษ หลักการของเขาคือถ้าเชาวน์ดี จะเรียนอะไรก็ได้ ส่วนโรงเรียนคาทอลิคมีข้อสอบภาษาอังกฤษด้วย)
9. สภาพแวดล้อมและการออกแบบสถานที่ เป็นไปเพื่อความเหมาะสมและพัฒนาการของเด็กอนุบาลจริงๆ เช่น ระดับของขั้นบันได การลบเหลี่ยมมุมป้องกันอุบัติเหตุ ความสูงของปลั๊กไฟ ความสูงของชักโครก ... ลองไปเดินดูเองเถอะครับ คุณจะนั่งดูทั้งวันเขาก็ไม่ว่า
ค่าเล่าเรียนสำหรับหลักสูตรปกติจะอยู่ที่ราวสี่หมื่นแปดต่อเทอม คูณ 6 ไปจะได้ค่าเทอมที่ต้องจ่ายจนเรียนจบอนุบาลสาม สำหรับหลักสูตร inter จะอยู่ที่แปดหมื่นกว่าต่อเทอม แล้วมันคุ้มไหม นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมเชื่อว่ามันคุ้ม กับการปูพื้นฐานดีๆ ให้เด็ก 1 คน ที่เป็นลูก ผมคิดว่าพ่อแม่ทุกคนอาจมีความคาดหวังปลีกย่อยมากมายในตัวลูก แต่ความต้องการหลักๆ ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ คือการได้เห็นลูกเติบโตขึ้น เป็นคนดี ช่วยเหลือตัวเองได้ มีศักยภาพในการคิด และการดำเนินชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยการปลูกฝังสิ่งที่ดีให้เขาตั้งแต่เกิด มันคือรายละเอียด ที่จำเป็นต้องใส่ใจ

ไม่มีความคิดเห็น: