While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ยัดอาหารกระป๋อง แม่งยากกว่าที่คิด / Fri. 10 Oct., 2014



ผมเปลี่ยนเวลาสำหรับถ่านอัดเม็ด จากตี 3 มาตี 4 มันจะได้ใกล้ 12 ชั่วโมงมากขึ้นหน่อย เขายังนอนอยู่ใต้โต๊ะคอม ที่เดิมก่อนผมหลับ ยัดถ่านอัดเม็ด น้ำตาม วันนี้ได้ไม่มาก พวกไม่ยอมจริงๆ ได้ไป 10 cc เองมั๊ง คงไม่เป็นไร ในตัวมีน้ำเยอะอยู่ ผมก็กลับไปตะกายขึ้นเตียงต่อ .. ตอนเตรียมนอนเมื่อคืน เขาอยู่บนเบาะนอน ผมก็บอกเขาว่า ป๊าไม่ได้นอนกับบ๊าค ต้องนอนเตียงก่อน ให้ป๊าดีกว่านี้อีกหน่อยนะลูก ช่วงนี้ป๊าต้องนอนดีๆ ถ้าไม่แข็งแรง ป๊าจะดูและบ๊าคดีๆ ไม่ได้ เข้าใจนะลูก สงสัยไม๊ .... ไม่ตอบ
อีกทีตอน 6 โมง กับ ulsanic แล้วขึ้นเตียงไปต่ออีก 15 นาที เมื่อคืนเกือบตีหนึ่งน่ะครับ ต้องทดแทนให้มากพอ ลุกมาให้น้ำเกลือ ผิดที่ ขยับยังไงน้ำก็ไม่ไหล ต้องแทงอีกที แถมถึงเวลายัด cavumox แล้วด้วย ความที่นั่งอยู่ด้านข้าง ยัดไม่ถนัด เลยต้องยัด 3 รอบ พวกก็สะบัด อาจแสบน้ำเกลือด้วย ดีที่เข็มไม่หลุด เสร็จแล้วก็ ขอโทษนะลูก วันนี้ 2 รู เจ็บมั๊ยลูก แล้วขยี้ๆ ให้อีกหน่อย หมุนไปหมุนมา เหลืออีก 5 นาทีเขาต้องกินข้าว ไปอึก่อนดีกว่า กินแล้วไปเดินเดี๋ยวขย้อนออกมาหมด
เมื่อคืน ตั้งแต่กลับมา ถึงเช้า อึไม่ไหลแล้ว ได้ยินเสียงท้องร้องตอน 4-5 ทุ่ม แต่ไม่มีทีท่าว่าปวดท้อง ออกมาผมก็ว่า ไปหลังบ้านกันดีกว่ามั๊ย เดินนำลิ่วๆ ไปเลยครับ ท่าจะชอบที่กว้างๆ วันนี้ ตรงออกนอกรั้วเลย ไปตรงแถวหูกระจงก่อน คงยังไม่ปวดเต็มที่ เดิน build วนขวา อ้อมไปชายบ่อ ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง มาอึได้ใกล้ๆ ต้นสะเดา ผมเอาที่รองอึมาด้วยเหมือนเดิม ออกมาเหลวๆ สีส้ม อีกส่วนสีดำนั่นถ่านอัดเม็ด ไม่ใช่น้ำพุ่งก็ค่อยยังชั่วหน่อย ดูเหมือนจะดีขึ้น รึเปล่า เสร็จก็ถาม ขี้หมดยัง เข้าบ้านเลยมั๊ย เขาก็วิ่งเหยาะๆ นำผมไป กินน้ำนิดหน่อย แล้วไปนอนตรงทางเข้าห้อง ผมก็ตามไปเช็ดก้นให้สะอาด
เปิด renal กระป๋องได้ภายใน 2 วินาที ของ hill science ต้องใช้ถึง 5 นาที ที่เปิดกระป๋องมันห่วยมั๊ง แต่เดี๋ยวนี้มีกระป๋องอะไรต้องใช้ที่เปิดกันมั่งวะ นมข้นเหร่อ บ้านผมไม่กิน เลยไม่ต้องมีที่เปิดกระป๋องดีๆ ติดบ้าน เราใช้มันเป็นที่เปิดขวดเท่านั้น .. จะตักใส่ชามก็ต้องคิด จะกินมั๊ย ชามหมารึชามคนดี ชามคนถ้าไม่กินจะจัดการได้ง่ายกว่า ชามกระเบื้องมันมีน้ำหนัก เอามาวางให้ ดมๆ เลียนิดหน่อย มันก็หอมนี่นา ผมบอกเขาว่า กินเองลูก แล้วลุกไปเก็บที่นอน มองๆ อยู่ ไม่กิน .. ไม่เป็นไร ไม่กินเองก็จับยัดปาก ผมค่อยๆ ยัดไปทีละคำจนหมด
ก็กลืนนี่ แต่ดูไม่ค่อยอยากกลืนเท่าไหร่ อันไหนเป็นก้อนๆ มีหลุดออกมา บางอันก็เลียกิน บางอันก็ไม่ .. อาหารเปียกนี่แม่มเล่นยากชิบหาย เละเทะ เสร็จก็เช็ดปาก แล้วก็บ่นไปด้วย ไมไม่กินเองล่ะลูก มันง่ายกว่าเยอะเลยนะ .. เลอะไปถึงข้างๆ หน้า ขา พื้น ก็ก้มหน้าก้มตาเช็ดไป แล้วเอา aluminium hydroxide มายัดปาก แค่ได้ยินเสียงปิดตู้เย็นเขาก็ระวังตัวแล้วครับ ผมก็แบะขนมปังที่ใส่ยาก่อน เดี๋ยวนี้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง ให้แน่ใจ หลังจากที่เห็นอ้วกแล้วขนมปังที่ห่อยายังเป็นก้อนอยู่เหมือนเดิม
aluminium hydroxide มันมาเป็นเม็ด คุณหมอให้บดผสมอาหารหรือผสมน้ำแล้วป้อน มันจะยากไปไหม แล้วผม จะบดยังไง ครกก็ใหญ่เกินไป ใช้มีดค่อยๆ หั่นข้างๆ แม่มก็กระจาย เอาช้อนวางแล้วเอามือทุบลงไปก็กระจายอีก สุดท้ายเอากรรไกรในครัวค่อยๆ ตัดเล็มที่ละหน่อย ก็ได้ผงที่ไม่ละเอียดนัก แต่ต้องใช้เวลา เอ ผมว่าที่บ้านเหมือนเคยเห็นครกเล็กๆ เดี๋ยวเย็นนี้ต้องไปลองหาดูหน่อย
ผมยังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย กินแคนตาลูปปั่นไปแก้วตอนตื่นมา (ตอนนี้พ่อปั่นผลไม้ให้คนละแก้วทุกเช้า) ก็ลุกพรวดพราดไปกินข้าว เสร็จภายใน 2 นาทีมั๊ง มาหยอดตาให้บ๊าค ดีนะ เช้า-เย็น หยอดแค่ tear naturale หมุนไปหมุนมาก็ครบ 15 นาที ยัดยาหลังอาหารเช้าต่อ มีไรอีกวะ อ้อ ยังไม่ได้เช็ดเท้าให้ บอกเขา เช็ดตีนกันดีกว่า เขาก็ทำยืดปลายเท้าให้เช็ดง่ายๆ ทำแล้วคงรู้สึกสบายกว่า ผมก็ทำเหมือนเดิม ทิชชู่ใหญ่ 2 แผ่น เช็ดง่ามเท้า ซอกใต้ฝ่าเท้า มันก็ไม่ได้แห้งสนิทหรอกครับ แต่มันคงแห้งดีในเวลาที่สั้นกว่า แล้วบอกเขาว่า ป๊าต้องไปอาบน้ำแล้วนะ นอนไปก่อน เดี๋ยวมาใหม่
อาบน้ำเสร็จ 7.30 เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ก็ตั้งโทรศัพท์ไว้ที่ 7.45 แล้วไปนั่งคุยกับบ๊าค ผมไม่รู้ว่าเราจะเหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกเท่าไหร่ ผมจะให้เวลาเขาให้มากที่สุด ทำให้มันดี ให้เขารู้สึกดี เท่าที่จะทำได้ .. ก็นั่งคุยไป ลูบหัว ลูบตัว เกาหลังหู เขาก็นอนหมอบอยู่ข้างๆ ขา น่ารักดี (ความจริงเขาหมอบอยู่ แล้วผมเข้าไปนั่งข้างๆ น่ะ) เลยหันไปหยิบกล้อง ถ่ายรูปกันไว้หน่อยดีกว่า พอถ่ายไป 2 รูป เขาก็ทิ้งตัวนอนตะแคงให้ลูบอก มีอ้อนป๊าด้วยนะ
ผมดูตาให้อีกที มีน้ำตาเยิ้มๆ นิดหน่อย ก็จับเงยหน้าขึ้นเช็ดให้ แล้วจูบจมูกไปที ไม่ได้ลืมหรอกครับ ว่าหมาชอบเลียจมูก ผมไม่ถือหรอก .. นั่งลูบเฉยๆ ไปเรื่อยๆ ขนเขานุ่มและตรงดี จะไปทำงานก็บอก นอนไปนะลูก หลับซะหน่อย ป๊าไปทำงานเดี๋ยวเที่ยงเจอกันนะ
เที่ยงกลับไป ผมก็ทักเหมือนเคย บ๊าคเป็นไงมั่ง อยู่ไหนลูก ชะโงกมองข้างหัวเตียงไม่มี เปิดเข้าไปยังอยู่ที่เดิม เฮ่ยเป็นไรเปล่า เปิดไฟก่อน อยู่ท่าหมอบทำหางดุ๊กๆ จับ ulsanic ยัดไปก่อน แล้วจะหยอด ocluvet เออเดี๋ยวดีกว่า ให้ไปเดินเล่นสบายใจก่อน แล้วคิดใหม่ ผมไปกินข้าวก่อนดีกว่า เผื่อเดินยาว กินไป 2 คำ วิ่งไปหยอด ocluvet เดี๋ยวเดินเสร็จจะได้ต่อด้วยยาเรียกน้ำตา ความคิดผมแม่งโคตรสับสน ใช้เวลากินข้าวไปราว 3 นาที กรอกน้ำตาม
บ๊าคเห็นผมเดินไปออกประตูข้าง เขาก็ลุกมารออยู่หน้าประตูแล้ว แค่เอาเข็มขัดถือไว้ตรงหน้า เขาก็เอาหัวใส่เข้ามาเอง ไปเดินฉี่นานอยู่ ทำท่าจะอึทีนึง แล้วก็ไม่อึ เวลาน้อย ผมพาไปหน้าบ้านด้านชายคลอง ที่เดิน build คงไม่มากพอ แดดเปรี้ยง ดูท่าจะร้อนและเหนื่อย หลังจากพยายามอยู่พักใหญ่ เขาก็วิ่งนำไปดูบ่อปลา ท่าจะชอบ ต้องมาดูทุกวัน วันหลังน่าจะลองจับโยนลงไปสักที เข้าบ้านมาก็ไปนอนหอบอยู่แป๊ปนึง ผมไปเอายาในตู้เย็นมาหยอดให้ แล้วมานั่งข้างๆ
เตรียม vetmedin กับ tear naturale มาวางไว้พร้อมทิชชู่ เช็ดขี้ตาแล้วหันไปเห็นฉี่ไหลก็เช็ดไป นั่งลูบๆ ไปพักใหญ่ เขาทำจมูกฟุดฟิด แล้วมันแรงขึ้น ผมก็ตกใจว่า เอาแล้วไง ถาม บ๊าคเป็นอะไร เขาเปลี่ยนจากนอนราบมานอนชันศอก มองหน้า แล้วลุกพรวดพราดไปดูตรงทางออกจากห้อง สลับกับประตูหน้าบ้าน ผมเพิ่งได้ยินเสียงหมาวิ่งนอกบ้าน เออจมูกดีโว๊ยบ๊าค
ไอ้ท่าทีที่วิ่งไปวิ่งมา ยังดูแข็งแรงดี ทำให้ผมพอจะหลอกตัวเองได้ว่า ถ้าให้คีโมได้ก็น่าจะยังไหว แล้วนึกได้ ไม่รู้มันจะคึกคักอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน เลยหันไปหยิบกล้องมาถ่ายรูปไว้หน่อย เขายังดูตื่นตัวดีอยู่ .. ใกล้เวลาต้องกลับไปทำงาน ผมก็หยอดตาให้ก่อน แล้วพอดีกับข้างนอกคงหมดเรื่องแล้ว เขาไปกินน้ำเอง แล้วมานอนหมอบ ผมก็งัดคางเขาขึ้นมาป้อน vetmedin บอก นอนไปนะ เย็นเจอกัน .. จะออกรถ ลืมแว่น ออกไปได้หน่อยลืมโทรศัพท์ ต้องย้อนกลับมาเอา ดูดิ สมองผม
จะ 5 โมง ผมก็ทำทีไปยืนคุยกับลูกน้อง 5 โมงปั๊ปก็เปิดประตูออกไปเลย ตอนข้ามถนน เห็นไอ้ดำอยู่สุดกำแพง วันนี้คนขายอยู่ไม่ต้องหยิบเองก็เร็วหน่อย ตอนออกมามันก็เดินมาถึงประตูแล้ว ผมจอดรถ มองหน้า สบตากัน วางให้ บอกมากิน แล้วรีบกลับ .. บ๊าคย่อมสำคัญกว่า ไม่ว่ากันนะ
ถึงบ้าน บ๊าคร้องงิ๊งๆ ผมก็ลนลานดิ นึกว่าอึไหลอีกรึเปล่าวะ ชะโงกดูมันมืดๆ ไม่มีกองอะไร รีบเปลี่ยนชุด เปิดไฟ ดูสภาพที่พื้นก่อนย่างเท้าเข้าไป ไม่มีขี้ โหผมดีใจ อย่างน้อยก็ไม่แย่ลง ผมถาม ปวดขี้เหรอลูก รออีกนิดได้มั๊ย เขาก็หมอบลงไป แปลว่า ยังไม่มากเท่าไหร่ พอทนได้ ผมเลยยัดถ่านก่อน แล้วอ้อมไปหน้าบ้าน เดินดูโน่นนี่แป๊ปนึง เขาลุกๆ หมอบๆ ก็แอบถ่ายรูปเขาไว้
พอถาม ไปกันยัง ลุกพรึ่บ ผมก็ปูผ้า เอาเข็มขัดมาไว้ตรงหน้า ให้เขาเอาหัวใส่เข้ามาเอง เปิดที่กั้น แล้วสับสนว่าจะปิดประตูหรือจะปิดที่กั้นดี เปิดประตูแล้วปิดที่กั้นดีกว่า ระบายอากาศ+กันงูเข้าบ้าน เราจะได้ไปเดินเล่นได้นานๆ อย่างสบายใจ .. ผมบอกเขา รอเดี๋ยวนะลูก เขาก็ยืนรอนะ ไม่ดึง ไม่รั้ง พอบอก ไป เขาก็วิ่งนำไปทางหลังบ้าน รู้ดีจริงๆ ผมวิ่งตามแทบไม่ทัน ไปหยุดฉี่ตรงกระถางต้นไม้หน้าห้องน้ำ ผมบอก เฮ้ย อย่า สายไปแล้วครับ แต่เขาก็ยังเกรงใจป๊านะ ฉี่นิดเดียว ความจริงคงอยากเก็บไว้ จะได้ไปฉี่ประกาศอาณาเขตได้หลายๆ ที่มากกว่า
วันนี้ เขาพาตัดออกขวาข้างต้นเฟื่องฟ้า ยกขาฉี่ ผมก็บอก มันมีหนามนะลูก เดี๋ยวตำจู๋เจ็บไม่รู้ด้วยนะ ไปที่อื่นต่อ วนอยู่ 2-3 รอบมั๊ง จนหอบ เดินเซ ถึงได้อึรอบแรกข้างต้นสะเดา มันยังไม่จบ คงยังไม่หมด พาผมเดินไปแนวชายบ่อ มันก็มีเปลือกหอยโข่ง 6-7 อันที่นกปากห่างมายืนกินทิ้งไว้ ผมก็กลัวบ๊าคเหยียบลงได้ จะเป็นงานอีก เลยรั้งเขาไว้ก่อน แล้วเก็บโยนลงบ่อไปให้หมด ค่อยปล่อยให้เขาเดินตามสบาย
บ๊าคจะลากผมออกถนนให้ได้ ยังไงผมก็ไม่ยอม มันสกปรกอ่ะ ดูท่าว่าไม่อึอีกแน่แล้ว ผมก็ชวน กลับกันยัง เข้าบ้านมั๊ย เขาก็เดินนำมา พอถึงตรงอ่างอาบน้ำ เขาหยุดมอง ผมก็มองตาม มีอะไรลูก แล้วบ๊าคก็กระโดดขึ้นไป นึกว่าจะทำอะไร ไปกินน้ำในอ่างเฉยเลย อะไรวะ .. crystal ในกระแป๋งตัวเองไม่กิน มากินน้ำประปา .. ถ้าผมไม่กลัวเขาตาย ผมไม่ซื้อให้กินหรอก แล้วบ๊าคทำเงี้ยนะ ป๊าปวดใจ .. ผมก็มองอย่างเซ็งๆ แต่ไม่ได้ลากเขาออกมา ดูเขามีความสุขกับที่กินน้ำขนาดใหญ่ ผมก็บ่นๆ ไป น้ำในบ้านสะอาดกว่านะ กระตุกนิดหน่อย บอกเขาว่า ไปกินน้ำในบ้านกันดีกว่า ดูเขาอยากกินอีก แต่ก็เชื่อผม หันออกจากอ่างน้ำ แล้วกระโจนลงมาที่ทางเดิน
ผมว่าเขายังอึไม่หมด ก็ถาม ไปหน้าบ้านต่อมั๊ย พลางเดินตรงออกไปทางต้นมะกรูดเก่า เขาก็เดินมาข้างๆ หมุนฉี่ตรงนั้นตรงนี้ ฉี่มันเกือบจะหมดแล้ว ก็ยังพยายามเก็บฉี่ไว้สำหรับที่ต่อไป เชื่อเขามั๊ยเนี่ย แล้วพาผมวิ่งตัดมาด้านซ้าย จะเข้าไปตรงที่ดินชื้นๆ ใต้ตะขบให้ได้ .. ไม่เอา ก็เละดิ ดูเหมือนเขาจะรู้นะว่า ตรงไหนผมไม่ให้เดิน ตรงไหนให้เดินได้ เขาก็เลี้ยวมาที่ตอมะพร้าว แล้วขยับซ้ายขยับขวา อ่ะได้เรื่องละ สักครู่ก็ได้อึรอบ 2 ยังเหลวอยู่ แต่ไม่ถึงกับเป็นน้ำพุ่ง ก็ยังดีวะ
ดูเหมือนจะหมดแล้ว บ๊าควิ่งนำผมมาบนทางเข้าบ้าน ดูเขาเหนื่อยมาก หอบ เดินเซ แต่ก็ยังวิ่งนำไปข้างบ่อหลังห้องพ่อ พร้อมๆ กับเบรคที่ชายปูน เขาเคยจะยื่นเท้าลงไป แล้วผมรั้งไว้พร้อมดุ ไม่ได้ ดินเปียกเห็นปะ เขาก็ไม่พยายามจะลงไปอีกเลย ..
พอผมถาม ทำไม มาดูปลาเหรอ เขาก็มองโน่นมองนี่ในระดับสายตาเขา ผมเดินไปยืนข้างๆ ลูบหัว เขาก็เงยหน้ามามอง ทำหางดุ๊กๆ จากนั้นสะบัดขน ผมต้องหลบนิดนึง เดี๋ยวอึเหลวๆ ที่ติดอยู่ที่ก้น มันจะกระเด็นใส่ ดูปลาอีกนิดหน่อย พอผมถาม เข้าบ้านยัง เขาก็เลี้ยวขวา(ก็ขวาทุกทีแหละ) เดินมายืนบนผ้าเช็ดเท้าที่ผมปูไว้หน้าประตู ผมก็จะบอก เช็ดตีนก่อน เขาก็จะขยับเท้าไปมาบนผ้า แล้วเงยหน้าให้เอาเข็มขัดออกจากคอ จากนั้นสะบัดขนอีกครั้ง ผมเปิดประตูให้ ปกติเขาจะวิ่งเข้าไปกินน้ำ แต่วันนี้ไม่ว่ะ ผมก็เดินตามไปเช็ดก้นให้เขา
เสร็จภาคหนึ่งของช่วงเย็น ผมไปเก็บผ้าปูที่นอนกับตะกร้อที่ผึ่งไว้ เอาอึเก่าไปทิ้ง เดินไปเดินมาให้ครบชั่วโมง จะได้ยัด ulsanic มี 30 นาที ทำอะไรดี ผมว่าผมควรกินข้าวก่อน แล้วมาให้น้ำเกลือบ๊าค เขานอนตะแคงอยู่ ผมไม่ถนัด กลัวพลาดจะเจ็บหลายที เลยพยายามจับเขาหมอบ รู้ ดื้อครับ ไม่อยากให้ทำ ผมเห็นเขาเหลือบมอง ตั้งแต่ตอนผมเตรียมน้ำเกลือกับเข็มแล้ว พยายามฝืนตัวเอง ไม่หมอบ
สุดท้ายก็ต้องยอมป๊าจนได้ เอาล่ะเลือกตำแหน่ง ตรงที่ไม่มีก้อนที่หนัง (มันมีขึ้นมา หลังโคนต้นคอ 2-3 ก้อน เจอพร้อมก้อนมะเร็งแหละ) ขย้ำๆ ตรงนั้นแล้วแหวกขน mark ตำแหน่ง เอาแอลกอฮอลบีบใส่ไปชุ่มๆ แล้วจับหนังขึ้นมา จิ้ม เปิดน้ำเกลือ แล้วลุ้นว่ามันจะไหลเป็นสายไหม ทำอยู่ทุกวัน เช้า-เย็น ผมก็ยังลุ้นทุกครั้งอยู่ดี บางทีมันพลาด คือลงไปในจุดที่น้ำเกลือไม่ไหลดีๆ ก็ต้องขยับเข็มเอา 12 ครั้งมานี่ ผมพลาดไป 2 ครั้ง ต้องทิ่มเข็มใหม่ เพราะขยับยังไงก็ไม่ไหล สงสารเขาว่ะ ต้องเจ็บหลายรอบ แต่ป๊าต้องทำ บ๊าคเข้าใจนะ ไม่เข้าใจก็เรื่องของบ๊าค ยังไงป๊าก็ต้องทำอยู่ดี
ให้น้ำเกลือเสร็จเพิ่ง 6.55 pm เหลืออีก 10 นาทีถึงให้ cavumox ต่อได้ คุณหมอยังไม่โทรมา ผมโทรเข้าคลีนิค เขาว่าหมอยังไม่ว่างเลย จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวให้หมอโทรกลับ 2-3 นาทีต่อมาคุณหมอก็โทรมา ท่านว่าจะส่งผลให้ทางโทรศัพท์ ผมก็ว่าโทรศัพท์ผมมันรุ่นห่วย ขอเป็นเมล์ดีกว่า บอกเมล์ท่านไป แล้วยังร้อนใจ ขอให้ท่านบอกผลให้ผมจด ท่านก็โคตรดี ถามว่าผมรู้ค่ามาตรฐานมั๊ย (ตลกแล้วหมอ ผมมันชาวบ้าน ไม่ใช่หมอ จะไปรู้ได้ไงวะ) ผมบอกไม่รู้ครับ ท่านก็บอกทั้งค่าที่ได้กับค่ามาตรฐาน ตั้ง 16 ค่า
ก็ดูไม่แย่เท่าไหร่ ปัญหาอยู่ที่ ไอ้เซลล์มะเร็งที่ว่า มันลามไปถึงไหนแล้ว ที่ปอดมีรอยอะ .. ผมถามคุณหมอว่า คิดยังไงกับคีโม ท่านว่า เท่าที่รู้กันในวงการสัตวแพทย์ fail หมด มีรอดรายเดียว อาการหลังให้คีโมจะแย่มาก แล้วยังไงมันก็ไม่หาย ให้เขาอยู่ดีๆ มีความสุขในช่วงสุดท้ายดีกว่า ท่านว่า เอางี้แล้วกัน หมอโรคมะเร็ง เมื่อเป็นมะเร็งไม่ยอมให้คีโมน่ะ
ผมนั่งคิดเรื่องนี้ มาตั้งแต่เมื่อคืน ถ้าให้แล้ว แค่ยืดเวลาออกไปนิดหน่อย แต่สภาพร่างกายแย่ คุณภาพชีวิตแย่ ใช้เวลาสั้นกว่าแต่สุขสบายตามสมควร ไม่ดีกว่าเหรอ .. ผมก็เล่าให้ท่านฟังว่าอ่านๆ มา มีเรื่องกินแบบชีวจิต ผัก ผลไม้ ปลา ท่านว่า ในคนได้ผลเยอะ แต่ในหมาไม่เคยเห็นมีการรับรอง แล้วท่านก็เล่าให้ฟัง 2 เคส
เคสแรก ผมเคยเจอพวกเขา เป็น rottweiler เหมือนกัน เป็นมะเร็งกระดูก ไปเกษตรเพื่อ x-ray หมอที่นั่นแนะนำให้ตัดขาหน้า เจ้าของเขาก็โทรมาหาคุณหมอ คุณหมอก็บอกไปว่าอย่าตัด ลามไปถึงกระดูกแล้ว ตัดไปก็ไม่หาย ให้อยู่ดีๆ เดินได้ ยังดีกว่า มันก็เป็นอย่างนั้นจริง
อีกเคส เป็นคุณหมอรักษาคนท่านหนึ่งกับโกลเด้น เลี้ยงอย่างดี ดูแลกันมาแต่เด็ก เจอมะเร็งในช่องท้องตอนแก่ คุณหมอท่านว่า ทีแรกก็ไม่เข้าใจ พยายามทำความเข้าใจอยู่นาน จนเข้าใจแล้วว่า เขาให้สิ่งที่ดีที่สุด ให้ความสุขเท่านั้น เธอไม่ให้คีโม ให้หมาต้องทรมาน พอหมาแย่มาก เธอขอให้คุณหมอไปฉีดยาให้หลับ จะได้ไม่ต้องทรมาน
เดิมที ผมก็รับความคิดแบบฝรั่งอย่างนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมกลับเริ่มนึกถึงเรื่องนี้ ถ้าดูท่าว่าไม่รอดแน่แล้ว มีประโยชน์อะไรที่จะยื้อกันไป ให้เขาต้องทนกับความเจ็บปวด ผมเองก็นั่งดูหมาตั้งแต่โคม่าจนขาดใจตายมา 3 ตัวแล้ว (tommy ผมไม่เห็นตอนตาย) มันต้องทรมานสุดๆ ผมจะปล่อยให้บ๊าคต้องเจอแบบนั้นเหรอ
แล้วเลยคุยกรณีของ maxtor ผมก็เล่าความคิดอคติต่อเกษตร(คุณหมอท่านจบเกษตร) ที่ไม่ให้ยาคุมหัวใจมา ให้คุณหมอช่วยอธิบายว่ามันเกี่ยวกันไหม ผมคิดผิดรึเปล่า ท่านก็อธิบายว่า กรณีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ มันเกิดจากเส้นเลือดที่เซลล์เนื้อเยื่อแตก ยาโรคหัวใจมันเป็นคนละเรื่องกัน
ผมได้เคลียร์ความคิดติดค้างในใจก็วันนี้ หลังจาก maxtor ตายไปหลายปี จนบุหงาส่าหรีสูงเท่าหลังคาบ้านแล้ว
คุณหมอเขาว่า การเจาะน้ำจากเยื่อหุ้มหัวใจ สมัยก่อนทำกันไม่ได้นะ ต้องฝีมือมากๆ ultrasound แล้วใช้เข็มยาวมากๆ แทงไประหว่างหัวใจกับเยื่อหุ้ม พื้นที่นิดเดียว ผมก็ว่า อยู่ต่อได้ 3 วัน .. จะว่าไปมันก็ต่าง อย่างน้อย ลูก max น้อย ก็ได้กลับมาตายบ้าน ตายตรงหน้าป๊าของเขา
ท่านก็เล่าอีกเคสให้ฟัง เจ้าของเป็นพยาบาล อันนี้น้ำท่วมปอด ไปเจาะที่เกษตร กลับมาเล่าให้คุณหมอฟัง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ต้องไปเจาะอาทิตย์ละครั้ง ครั้งที่ 4 ก็ตายระหว่างทางกลับบ้าน .. ผมว่าเกษตรมีปัญหาในการให้ข้อมูลกับเจ้าของสัตว์ ไอ้หมอโรคหัวใจบอกผมว่า max เจาะแล้วจะอยู่ได้สบายๆ อีกเป็นวันๆ เลย แต่ไม่บอกว่า มันจะเกิดขึ้นอีกภายในประมาณกี่วัน อาการจะเป็นยังไง แต่ก็จริงของมัน อย่างน้อยลูก max ก็ได้อยู่กับผมอีก 2-3 วัน ได้ตายที่บ้าน ถ้าตายช้ากว่านั้นอีกแค่ครึ่งชั่วโมง ก็คงได้ตายในรถเหมือนกัน .. คุยกับคุณหมอ 20 กว่านาที ผมก็เกรงใจท่านนะ แต่ผมอยากรู้ก็ถามไปเรื่อย ท่านก็เมตตาเล่าให้ฟัง พอดีมีคนไข้มาท่านถึงขอตัว
ผมก็ลุกไปยัด cavumox+น้ำ ให้บ๊าค ออกไปเดินเล่นพักนึง แล้วเข้าครัวเตรียมมื้อเย็นให้เขา มันคือ การตักอาหารจากกระป๋องใส่ชามน่ะครับ เห็นมันจับตัวค่อนข้างดี เมื่อวานผมพลาดเองที่ไปทำให้มันเล็กๆ เลยยาก มื้อนี้ 7.45 pm เขาลุกมาดู ตอนผมรวบช้อนกินข้าว ผมคิดว่าคงหิว วันนี้คงง่าย น่าจะกินเอง ฝันครับ วางให้ก็ดมๆ แล้วเมิน ผมถามย้ำ 2 ครั้ง กินเองมั๊ย กินเองสิ ไม่กินป๊าป้อนนะ ได้คำตอบด้วยการขยับคางไปข้างๆ ผมก็จับยัดไปทีละคำจนหมด เออง่ายกว่าเมื่อเช้า แต่ก็เล่นเอาเหงื่อตก เช็ดปาก ขา พื้น เอาชามไปเก็บ กลับมาเอา aluminium hydroxide ยัดปากอีกที
ขณะเตรียมยาหลังอาหาร ผมหาครกเล็กๆ เจอแล้ว แต่ไม่มีสากเล็กๆ ว่ะ คงต้องใช้วิธีเดิม กรรไกร .. กลับมาป้อนยาหลังอาหาร พยายามป้อนน้ำ ทำได้นิดหน่อยพวกก็สำลัก อะ เลิก พอก็ได้ลูก
จะพ่นยาให้ ผมบอก ลุกไปตรงโน้น เขาอยู่ข้างหัวเตียง ที่มันแคบ ไม่สะดวก เขาก็เอาแต่ส่ายหางสั้นๆ ของเขา คะยั้นคะยอยังไงก็ส่ายหาง จนต้องไปเอาเข็มขัดมาสวมหัวเชิญ กระตุกเบาๆ แล้วพูดซ้ำ ดีที่ยอมลุกง่ายๆ  ผมบอกให้นอนกลางที่ว่างของห้อง ที่นี้ทำเป็นเด็กว่าง่าย แล้วผมจะด่าลงมั๊ยเนี่ย
พ่นยาเสร็จ จะหวีผมให้ก็ไม่ยอมลุก ผมเอาเท้าเขี่ยๆ เตะเบาๆ ไปหลายที ถึงยอมลุกให้หวีผมดีๆ ผมก็ไล่ไปนอนข้างหน้าต่างก่อน เขาก็เดินส่ายก้นไปนอน เอาล่ะกวาดบ้าน ล้างถังน้ำ อยากกาแฟมากๆ  ขอสักแก้ว พร้อมๆ กับเริ่มบันทึกต่อ
จะไปอาบน้ำตอน 3 ทุ่ม นึกได้ ไปเอา foggy อีกอันมาใส่น้ำ+น้ำส้มสายชู เช็ดเบาะนอนกับพื้นที่ตรงที่กิน เมื่อเย็นกับเมื่อเช้า ปลอดภัยกว่า สำหรับหมาที่ชอบเลียจู๋ตัวเอง .. ความจริงเขาไม่ได้เป็นโรคจิตหรอกครับ แต่บางทีฉี่มันหยดออกมา เขาก็พยายามเลียให้มันสะอาดน่ะ เป็นมานานแล้วตั้งแต่หายจากกระดูกสันหลังอักเสบเมื่อปลายปีก่อน เป็นปัญหาต่อเนื่องจากความเจ็บป่วยที่กระดูกสันหลัง .. ผมก็ไม่เคยว่าอะไรเขา ตอนลุกตอนเดิน บางทีมีฉี่หยดๆ ผมก็เอาทิชชู่เช็ดพื้น ซับจู๋ให้ .. มันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับปัญหาที่เราเจอกันอยู่ตอนนี้
บ๊าคอยู่ในท่าหมอบ มองผมเดินไปเดินมา ผมเลยต้องรายงานเขาว่า ป๊าไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวมา  บ๊าคจะเอาอะไรอีกหรือเปล่า ไม่ตอบ .. ตอนกลับมา เขาพลิกตัวมาพิงขาเก้าอี้ด้านหลังอยู่ ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้เอน ก็เอื้อมมือไปลูบๆ หัวหน่อย กะว่าเดี๋ยวจะลงไปนั่งด้วย เสียงฟ้ามาแต่ไกล เขาลุกพรวดพราดไปหมอบข้างหัวเตียง ผมว่า เขาคงคิดว่าตรงนั้นมันปลอดภัย เอะอะอะไรก็ไปหลบตรงนั้น นอกจากฟ้าแรงๆ ถึงจะมาเดินพันไปพันมา จนผมต้องลงไปนั่งด้วย จับเขานอนหมอบข้างๆ แล้วคอยลูบๆ พูดปลอบให้เขาสงบ น่ารักว่ะ ถ่ายรูปเก็บไว้อีก
นั่งเขียนเพลินจน 11.20 ถึงนึกได้ ว่ายังไม่ได้ให้ ulsanic ก็ว่า บ๊าคไม่เตือนป๊าเลยว่ะ ..  เวลาผมเปิดลิ้นชักยาของเขา แกะยาจากแผง หรือเปิดขวดยา เขาจะทำท่าตื่นตัวทุกที ผวาไปแล้วมั๊ง .. ผมยัดใส่ปาก พยายามอัดน้ำตาม  หกเรี่ยราดได้ทุกครั้ง ดื้อดีเหมือนกัน ต้องบอก กลืน เขาก็จะกลืนนะ
ผมหิวอีกแล้ว เห็นไข่ดาวแล้วก็อยากให้บ๊าคได้กินอร่อยๆ บ้าง ต้องหักห้ามใจ มีผัดคะน้า ลองดูซิ ผมดูดรสชาดออก แล้วเอาส้อมจิ้ม เดินมาก็เรียก บ๊าค มาลองนี่ดิ๊ วิ่งมาเลยครับ ส่งให้ก็งับไป งับๆ 2-3 ทีแล้วกลืน เอ้อ เข้าท่านี่ กินผักเป็น ท่าจะทำให้ความคิดเรื่องชีวจิตไม่ยาก แต่ต้องทำไงให้ผักไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว แค่ผักนึ่งกับปลานึ่งมันจะยุ่งยากอะไรกันนักหนา ด้วยความดีใจ ผมทำอย่างเดิมให้อีก 3 ชิ้น แต่คราวนี้กัดๆ แบบไม่ให้ขาดให้ด้วย บ๊าคงับก็กลืน ทำท่าอร่อยเหลือเกิน อะไรวะเนี่ย พอรู้ว่าหมดแล้ว ไม่ให้แล้ว คือผมบอก พอแล้ว ไปนอน เขาก็สะบัดไปขึ้นเบาะ ทำท่าสบายใจ
ผมตามมาหยอด ocluvet แล้วชวนไปฉี่ วันนี้ลุกเอง ไปฉี่ข้างแท็งค์น้ำกัน เมื่อกี้ ฝนตกปรอยๆ หญ้าเปียกหมดแล้ว ผมทำเองไม่ได้ก็ลำบาก หญ้าโตเร็วเมื่อได้ฝน อาทิตย์นึงยาว 3-4 นิ้ว จะไปจ้างเขามาตัดหญ้าทุกอาทิตย์ มันก็ดูเว่อร์ๆ ไปหน่อย บ๊าคขึ้นเบาะไปพักนึง ก็ลุกไปนอนใต้โต๊ะคอม หยอดตาขวดที่ 2 ได้พอดี จากนั้นก็ vetmedin แล้วเอาน้ำตาม ได้แค่ 10 cc หยอดตาขวดที่ 3 เอาล่ะหมดเรื่อง ไม่กวนแล้ว
ตอนป้อนน้ำน่ะ เขาจะทำตาเหลือกๆ มองหน้าสบตา คงอยากบอกอะไรมั๊ง เชื่อเหอะว่า ถ้าบ๊าคพูดได้ ความคิดของเราเรื่องนี้คงไม่ตรงกัน และบ๊าคต้องยอมป๊า ลุกไปนอนข้างหัวเตียงแล้ว ผมก็ควรนอนเหมือนกัน 12.30 pm แล้ว พรุ่งนี้ท่าจะยาว ไป ultrasound ตอน 2 ทุ่มที่สุวรรณชาด จะถึงบ้านกี่โมงกันหนอ

ไม่มีความคิดเห็น: