While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เผชิญหน้ากับมะเร็ง / Fri. 24 Oct., 2014



มื้อดึกเมื่อคืน ข้าวปั่นที่เติมปลาและอุ่น ปั่นใหม่อีกรอบ คงทำให้บ๊าคอร่อยพอสมควร ป้อนง่ายขึ้นครับ ไปฉี่อย่างเดียวแล้วเดินนำกลับเอง เดินไปนอนข้างหัวเตียง อะตามใจ เห็นเขาลุกไปเองไหวก็ดีใจแล้วครับ ผมไม่พยายามไปวุ่นวายลากเขาไปไหน แค่นอนที่เดิมของตัวเอง เผื่อเขาหนาว จะเข้ามาหาอกอุ่นๆ ของป๊า (ฝันไปเหอะ)
ตี 5 ลุกมายัด ulsanic เขายังอยู่ที่เดิม แต่กลับข้าง ดูหายใจปกติ แต่เหมือนจะเจ็บหรือระแวง ตกใจตอนผมถึงตัว ไม่เป็นไรลูก ผมไปนอนต่อ ตื่นอีกที 6.10 vetmedin+ยาประดง+น้ำ ต้องอัดน้ำบ้างแล้ว  ผมไปกินข้าวของตัวเอง เอาข้าวให้หมาของพ่อ แอบชงกาแฟสักหน่อย .. ไม่ลืมเอา aluminium hydroxide แช่น้ำในแก้วเป๊ก  ตักอาหารเขาออกมาจากตู้เย็น วางไว้บนเตียงก่อน แล้วมาเอาสายคล้องอกใส่เตรียมไว้ อ้อมไปออกด้านข้าง
ปูผ้าเช็ดเท้าแล้วเปิดประตูให้กว้างสุด น่าจะสักเมตรครึ่ง(กันเซไปชนครับ) เอาที่กั้นออกก็ยังนอนอยู่ ผมเข้าไปหา รั้งสายจูงขึ้นหน่อย เขาก็ดันขาหน้าขึ้นได้ ดูเหมือนขาหลังไม่มีแรง แต่เมื่อสอดมือเข้าไปประคองใต้ท้อง เขาก็ลุกได้ไม่ยาก การเดินดูดีกว่าเมื่อคืนมาก สงสัย neurontin แน่ๆ อย่างอื่นไม่มีอะไรนี่หว่า น้ำตาลก็เพิ่มให้มา 2-3 วันแล้ว แต่ตอนนี้ผมตัดกลูโคสแบบหลอดออก เติมข้าวกล้องในอาหารแทน
บ๊าคนำผมไปหลังบ้านเหมือนเดิม เดินไปเดินมาพักนึง ก็อึได้ก้อนกระจิ๋ว แข็งเป้ง อะไรวะเนี่ย เขายังเดินต่อ ยังมีหยุดสนใจดูนั่นนี่ ดูดีนี่ แล้วไปอึจริงข้างต้นหลิว ออกมาเยอะพอสมควร ผมก็ชวนเข้าบ้านละ เดี๋ยวจะเหนื่อยเกินไป เขายังมีโยกโย้ ก็ให้อีกหน่อย วันนี้ให้เดินนำไปแล้วลองผ่อนน้ำหนักให้เดินเอง ก็พอได้นะ 2 ก้าวเซ ป๊าช่วยก็ได้ ..
ตอนจะเข้าห้อง ทำท่าจะสะดุดตรงประตูอีก พื้นบ้านมันสูงจากพื้นรอบบ้านราว 2-3 นิ้วน่ะครับ ตอนดีๆ เขาจะกระโจนเข้าไปเลย ตอนนี้แค่ยกเท้ายังสะดุด .. ผมยังไม่เอาสายจูงออก ช่วยเขาเดินเข้ามา จนนั่งเรียบร้อย ค่อยเอาออก มันเอาเข้าเอาออกยาก แต่การใส่ทิ้งไว้ น่าจะทำให้ไม่สบายตัวมากๆ ไม่น่าจะดี
ให้น้ำเกลือก่อนแล้วกัน เพิ่งเดินมาเหนื่อยๆ กินเลยเดี๋ยวอ้วก ขณะให้น้ำเกลือ ผมมาโหลดรูปลง notebook ไว้หน่อย น้ำเกลือหมดก็ตั้งหลัก กินข้าวกันบ๊าค ลุกขึ้นง่ายกว่าที่คิด ไม่พยายามเอนตัวลง ไม่สะบัดขัดขืน  ผมว่าเขาเข้าใจนะ ว่าผมกำลังพยายามทำอะไรๆ เพื่อเขาอยู่ ..
พลางนึกระแวง เมื่อเช้าเขางับมือผม คือปกติก็งับแหละครับ แต่เป็นแบบไม่ตั้งใจ ตอนป้อนข้าวป้อนยา ถ้า... มะเร็งขึ้นสมอง เขาจะไม่รู้เรื่อง การงับอาจเป็นกัด ถ้าป้อนอะไรไม่ได้ก็ตายแน่นอน หรือ เมื่อถึงตอนนั้นก็ฉีดยาให้หลับไปเลย จะได้ไม่ต้องทรมานมากนัก ก่อนไป ... ไว้คิดอีกที เวลายังมาไม่ถึง กินข้าวกันก่อน
เช็ดปาก เช็ดหน้าตา กับพื้น แบบแห้งๆ ก่อน แล้วแบบเปียกอีกรอบ สะอาดแน่นอน ไปล้างชามเขา อาหารเหลวๆ ถ้าปล่อยแห้งจะจับกรังมาก ได้เวลายาเช้า แล้วไปห้องน้ำ กลับมาทำไมเหลือเวลาเยอะวะ กูลืมอะไรรึเปล่าเนี่ย ..
ลืมพ่นยา ดีนะที่นึกได้ การพ่น nanowound วันละ 2 ครั้ง ดูเหมือนจะได้ผลดีกว่ามาก .. ไปทำงานก่อนนะลูก เที่ยงเจอกัน .. ปรากฎว่าผมลืมอีกเรื่อง ลืมกินยาของตัวเอง เพื่อนโทรมาถามความเป็นไป แล้วถามว่ามึงกินข้าวกินยายัง จำไม่ได้ว่ากินหรือยังอะดิ นั่งนึกอยู่พักใหญ่ค่อยมั่นใจว่ายัง โชคดีที่เอามาไว้ที่ทำงานอย่างละแผง เลยกินไปตอน 10 โมง
เที่ยงกลับไป ผมไม่ตะโกนเรียกเขา แค่เปิดไฟดู ผมไม่ได้ลากฉากกั้นปิดมา 2-3 วันแล้ว เหตุผลแรก เขาแย่จนเกินกว่าจะลุกมาโวยวายหรือสนใจอะไร เหตุผลหลัง อากาศถ่ายเทได้ดีกว่า .. สภาพเขาประหลาด อยู่ท่าหมอบ แต่แขนยืดออกมา หัวก็เอียงๆ ผมจับหัวดูก่อน ถามว่าเป็นไงมั่งลูก โอเคมั๊ย ไม่ต้องกินยาเที่ยงเนอะ เดี๋ยวกินข้าวกัน ผมเปลี่ยนชุดแล้วไปกินข้าวของตัวเอง พร้อมๆ กับแช่ aluminium hydroxide ไว้ด้วย ตักข้าวใส่ถ้วย เอาวิตามินที่เตรียมแยกใส่กระปุกเล็กเทใส่อีกถ้วยรอไว้
กินเสร็จยังเคี้ยวไม่หมดก็เดินมาใส่สายคล้องอกให้ เที่ยงนี้ต้องช่วยครับ เขายันขาหน้าขึ้น แล้วมันก็ลื่นไปข้างหน้า ผมเลยสอดมือไปใต้อกกับใต้ท้อง ช้อนตัวเขาให้พยุงตัวขึ้นมาได้ ออกจากประตูมา เขาก็ยืนชั่งใจอีกหน่อย คงกลัวล้ม ผมก็บอก ไม่เป็นไร ไปเหอะ ป๊าคอยช่วยอยู่
บ๊าคก็เดินไปฉี่ใส่ coffee ก่อน ไปใต้ต้นแสงจันทร์ ย้อนมาด้านซ้าย เจอเสาคอนกรีตที่พาดไว้เป็นทางเดินไปสะพาน บ๊าคก็หยุด เหมือนไม่มีแรงยกขาข้าม ปกติเขาจะกระโดดข้ามไปเลย แต่ก็ข้ามไปได้(มันสูงสัก 6 นิ้ว) พาเดินวนไปตอมะพร้าว ย้อนมาข้างกอกล้วย จะอึละ มีตดด้วย ขยับไปมาแล้วก็นั่งแผละลงไป พอลุกได้ก็ขยับอีกพัก อึได้เยอะเลย ผมก็ช่วยรั้งไว้สุดใจ กลัวนั่งทับอึตัวเองน่ะครับ
พาเข้าบ้าน ส่งถึงที่ เขาเอาก้นลงก่อนแล้วอยู่ท่านั้น ก็ดี จะได้เอาสายคล้องอกออกง่ายหน่อย เอาออกแล้วก็ยังนั่งอยู่ ผมก็บอกให้เขานอนไป พลางช่วยจัดขาหน้าให้ ค่อยหมอบได้ .. อืม อาการแย่กว่าเมื่อเช้าเยอะเลย neurontin คงออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ไม่เป็นไร กินข้าวกันลูก แล้วจัดขาให้ชันศอกขึ้นหน่อย ผมชันขาซ้ายให้เขาพิงไว้ เดี๋ยวจะหลับแบบอาหารคาปาก ยัดวิตามินไปก่อนแล้วตามด้วยอาหาร 1 ถ้วยใหญ่ เกือบจะกินครึ่งทิ้งครึ่ง
หมดจนได้ แบบบ๊าคยังเบลอๆ แต่ก็ไม่ได้สำลักอะไร เก็บชามไปแช่ เอาทิชชู่เปียกมาเช็ดปากเช็ดหน้าเช็ดพื้น หมดเวลาแล้ว ขออีกนิดน่า ยังไม่ได้หยอด ocluvet เลย ตอนยกหัวขึ้นหยอดอีกด้าน เขาร้อง อ้าวเจ็บตรงไหนเนี่ย ก็ทำอยู่บ่อยๆ ป๊าต้องไปแล้ว จับหัวเขย่าทีนึง ปิดประตูบ้าน แล้วรีบกลับมาทำงาน
เย็นกลับมา เขาก็ยังอยู่ที่เดิม ผมยัด ulsanic ก่อน ค่อยไปเปลี่ยนชุด เวลาเป็นสิ่งมีค่า จริงที่สุดแล้วครับ .. ถามเขาว่า อยากไปฉี่ยัง รอเดี๋ยวนะ เขาพลิกตัวขึ้นมาอยู่ในท่าหมอบ ยกหัวดู .. อากาศยังร้อน รออีกเดี๋ยวดีกว่า เดี๋ยวบ๊าคเหนื่อยตาย ผมไปล้างชามที่ทิ้งไว้เมื่อเที่ยง เอาข้าวให้หมาพ่อ บรรยากาศกำลังดีละ
ผมอ้อมมาเข้าประตูหน้าบ้าน ใส่สายคล้องอก จะยกตัวเขาต้องบอกก่อน ให้รู้ตัว .. ป๊าช่วยนะ เขาจะได้เกร็งตัวหน่อย หรือตรงที่เจ็บอยู่ จะได้เตรียมรับความเจ็บ .. ออกมาได้ก็ไปยืนฉี่ข้างโอ่งใหญ่ อ๊ะแปลก ปกติเขาต้องเก็บไว้ไปฉี่ประกาศอาณาเขต ฉี่พอใจแล้วก็เดินนำผมไปหลังบ้าน ผมคิดว่าไปไม่ไหวเสียอีก แรกๆ เป๋เลยครับ พอเดินไปสักพักก็ปรับตัวได้ ดูดีขึ้น แต่ไม่ถึงขนาดปล่อยมือได้ ผมก็ประคองไปเรื่อยๆ ก่อนอึยังมีไปนั่งพักขาก่อนด้วยนะ
อึได้ดี เดินต่ออีกพัก ทำท่าจะยืนไม่ไหวแล้ว ผมก็ให้ยืนพักสักครู่ ไม่รีบร้อน แล้วชวนเข้าบ้าน .. ผมเคยเห็นที่โรงพยาบาล เป็นโกลเด้นล่ะมังถ้าผมจำไม่ผิด เขาใช้สายคล้องอก แล้วมีอีกอันเป็นสายคล้องสะโพก ก็สามารถช่วยพยุงได้ทั้งด้านหน้าด้านหลัง ผมเคยใช้ผ้าลองกับบ๊าคครั้งหนึ่ง ตอนที่กระดูกสันหลังอักเสบ เขาเดินไม่ถนัด ยิ่งแย่เข้าไปอีก คราวนี้มีก้อนเนื้อที่ขาหนีบ จะทำให้เจ็บรึเปล่า แต่ถ้าเดินไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องลอง
หมาเป็นมะเร็งหรือคนก็เหมือนกัน เซลล์มะเร็งจะดึงโปรตีนไปใช้เร็วมาก ในขณะที่ร่างกายผลิตให้ไม่ทัน และผู้ป่วยก็กินไม่ค่อยได้ ร่วมกับการย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีสี จะเกิดสารตัวหนึ่งซึ่งเซลล์มะเร็งชอบมาก (ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว อ่านมากจนรวน) เขาจึงให้เลี่ยงไปใช้แค่ปลา ไก่ เป็ด ที่มีเนื้อสีขาวแทน
อีกเรื่องคือเซลล์มะเร็งมันทำงานโดยไม่ใช้ออกซิเจน เขาเลยบอกให้ออกกำลังเพิ่มขึ้น หายใจลึกๆ จะได้ดึง O2 เข้าไปมากๆ ซึ่งว่ากันตามจริง คนหรือหมาป่วย จะไปเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาออกกำลังมากๆ ก็ได้แต่นอนเป็นส่วนใหญ่กันทั้งนั้น
สารต้านอนุมูลอิสระให้ใส่เข้าไปมากๆ (มะเร็งเป็นอนุมูลอิสระตัวหนึ่ง) ปัญหาอยู่ที่ร่างกายเอาเข้าไปแล้ว ดึงใช้ได้มากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่ สุดท้ายต้องขับออกมา จึงต้องรู้ขนาดที่เหมาะสม พวกวิตามินนั่นหล่ะ
พวกกรดอมิโนจำเป็นที่ต้องเอาจากโปรตีน ร่างกายก็ไม่เก็บไว้ ขับออกวันต่อวัน ผ่านไต ทุกอย่างที่เข้าไป มันก็ต้องผ่านไตออกมาทั้งหมดแหละ ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตเลยยิ่งลำบาก และบ๊าคได้เปรียบคนอื่นตรงที่ มีทั้งโรคหัวใจและโรคไต เลยมันส์เข้าไปอีก
วันนี้ต้องหุงข้าวให้ตัวเองกิน ตั้งหม้อเสร็จก็ได้เวลา ยาประดง+vetmedin ค่อยให้น้ำเกลือ พ่นยา หวีผม กวาดบ้านเสร็จ ก็เป็นเวลามื้อเย็นของบ๊าคพอดี ต้องเตรียมขนมปังด้วย ผมหิวชิบหาย เลยแอบกินเศษขนมปังของบ๊าคไปบ้างก่อน ค่อยจัดยามาให้บ๊าค กรอกน้ำตาม ถึงจะไปกินข้าวของตัวเองได้
มีอะไรอีกไหม หมุนไปมา ลืมอะไรรึเปล่า ให้ยาครบแล้วนะ หวีผม พ่นยา หยอดตา ทำครบแล้ว เหลือต้องเตรียมอาหารของบ๊าค ขอป๊าพักสักครู่นะ แล้วไปทำอาหารสูตรเดิม วันนี้ไม่ต้องแกะปลา ลดเวลาได้เยอะ ต้มข้าวกับผักไปเรื่อยๆ จนพอใจ ทำตามขั้นตอนไปจนเสร็จตอน 4 ทุ่ม ..
เหนียวตัวและอยากอาบน้ำ แต่ก็ไปนอนกอดบ๊าคอยู่พักใหญ่ หลับไปงีบนึงด้วย อาบน้ำแล้วง่วงชิบหาย ให้บ๊าคกินก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมเนี่ย มื้อนี้มีแต่วิตามิน ไม่มีเงื่อนไขเรื่องเวลา กินเลยคงดีเนอะ

ไม่มีความคิดเห็น: