While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565

หมาของพ่อ (to memorise)

ไอ่เพชร ไอ่พลอย เป็นผู้หญิงทั้งคู่ เจ้า 2 ตัวนี่ ลุงตี๋อุ้มมาให้พ่อตอนน้ำท่วมปี 2555 เพราะคุณอาคุยกับพ่อและลุงตี๋ไว้ว่าอยากได้หมาสัก 2 ตัว เอามาล่ามโรงรถบ้านเขา ที่มีบ้านร้างหนึ่งหลัง รถยนต์ 3 คัน จอดทิ้งไว้หลังเจ้าของเสีย กับบ้านที่ไม่ได้อยู่ประจำอีกหลัง ซึ่งอยู่ถัดจากบ้านผม 

วันนั้นเจ้าของหมากับลุงตี๋อุ้มมาหาพ่อคนละตัว ถามเอาหมาไหม พ่อก็รับไว้ ตอนมายังตัวเล็กๆ อายุไม่กี่เดือน  และนั่นคือชื่อที่พ่อตั้งให้ ผมยังถาม หมาชื่อเพชรพลอยเนี่ยนะ พ่อว่าตั้งชื่อเป็นมงคล จำง่ายดี ไอ่ตัวขาว-น้ำตาลเลยได้ชื่อเพชร ส่วนน้ำตาลล้วนได้ชื่อพลอย

เมื่อรู้ว่าพ่อเอาหมามาเลี้ยงเพิ่ม ผมไม่เห็นด้วยและบอกให้เอาไปคืน เพราะเราเลี้ยงกันมาเยอะมากแล้ว การเลี้ยงหมามันไม่ได้แค่เอาข้าวให้กินแล้วจบ ยังมีเรื่องฉีดวัคซีน ทำหมัน อาหารการกิน ป่วยไข้ต้องดูแล หมามันมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกนึกคิด มีแววตา กิริยาท่าทางตอบโต้กับเรา มันจึงมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหมาเข้ามาด้วย ผมไม่สบายใจและคงทนดูไม่ได้ ถ้าจะเอามาเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ แต่พ่อยืนยันว่าจะเลี้ยงเอง อาจกลัวเสียหน้าที่รับหมาเขามาแล้วเอาไปคืน มันเลยกลายเป็นหมาของพ่อตั้งแต่นั้นมา

ผมได้เห็นหมาถูกเลี้ยงแบบล่ามมาตั้งแต่ผมจำความได้ มันน่าสงสาร เป็นวิถีชาวบ้านยุคเก่า ที่ต้องการเลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้าน ไม่อยากให้มันไปเที่ยวไหน ผมคุยกับพ่อว่าอย่าล่ามมันเลย สงสารมัน เมื่อเห็นตรงกัน เราก็ปล่อยมันอยู่อย่างอิสระ

เริ่มต้น พ่อไม่ได้คิดจะเลี้ยงในบ้านแบบลูกๆ ผม แต่ด้วยความที่มันยังเล็กมาก พ่อเลยให้มันไปนอนในกรงเก่าของบ๊าคตอนเด็กๆ อยู่หลายวัน (ซึ่งย้ายไปไว้ข้างครัวบ้านคุณอา เพื่ออนุบาลลูกหมาอีกรุ่น หลังคุณอาผู้ชายเสีย) เป็นกรงขนาด 1.2x3 เมตร ที่ผมเข้าไปนอนกับหมาได้สบายๆ

พ่อจุดยากันยุงให้ทั้งคืน แต่ยุงเยอะจนเอาไม่อยู่ มันก็แหกปากร้อง เลยให้เข้ามานอนในบ้านตั้งแต่นั้นมา กลางวันก็วิ่งไปทั่ว เดินเข้า-ออกบ้าน แล้วแต่อารมณ์มัน แต่ไม่เคยอึฉี่ในบ้าน ถ้ากลางคืนทนไม่ไหวจะร้องขอออกไป แล้วเราก็ได้เห็นกันอยู่ทุกวัน จนเคยชิน

ผมไปค้นเรื่องน้ำท่วม น่าจะราวเดือนกันยา-ตุลา เจ้า 2 ตัวนี่คงเกิดกรกฎา เป็นช่วงหมาเกิด ค๊อฟฟี่แคนดี้กับรุ่นบ๊าคก็เกิดเดือนนี้ ไอ่ทอมเกิดธันวา หมาๆ จะผสมพันธุ์ช่วงต้นฝนกับต้นหนาว ท้อง 2 เดือนก็คลอด

เจ้า 2 ตัวนี่ทันได้เจอน้ำตาล ไอ่เสือ ค๊อฟฟี่ บ๊าค แต่ผมจำภาพตอนมันเป็นลูกหมาไม่ได้เลย ช่วงนั้นคอฟฟี่เริ่มอาการไม่ดี ผมเลยมัวแต่ใส่ใจลูกตัวเอง 2-3 เดือนหลังจากมันมา คอฟฟี่ก็ตายด้วยมะเร็งปอด บ๊าคเป็นหมาตัวสุดท้ายที่ผมเลี้ยงอย่างลูก ตายด้วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหลังจากนั้นราว 2 ปี ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับผม

ผมเลยไม่เคยคลุกคลีกับไอ่เพชร ไอ่พลอย เพราะไม่อยากไปผูกพันกับพวกมัน พ่อจะเป็นคนให้ข้าว อาบน้ำ พาหาหมอ จับทำหมัน ส่วนผมจะป้อนยา ฉีดวัคซีน ทำแผล ใส่ยา(ถ้าไปโดนอะไรมา) ผมจะแค่ดูว่ามันมีความสุขตามสมควรแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ ผมก็จะบ่นคนเลี้ยง

ผมไม่ตัดเล็บให้ มันเคยชินของมัน และไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้มัน เคยจับตัดเล็บสั้นๆ ไปที มันทำท่าเหมือนเดินไม่เป็นไปเลย ผิดกับร๊อตไวเลอร์ ถ้าไม่ตัด โคนเล็บจะอักเสบ บวมแดง เลยต้องจับตัดเล็บให้สั้นเสมอ

ด้วยความเป็นหมาหูตั้ง เลยไม่มีปัญหาเรื่องขี้หูด้วย นานๆ จับดูทีก็ไม่มีอะไร แต่ครั้งนึงต้องรีบจัดการให้ เพราะหมัดเข้าไปเกาะอยู่เป็น 10 ตัว ยาหยดก็ใช้ไม่ได้ เพราะมันงับคองับหลังเล่นกัน เลยไปจบที่ยากิน ivermactin นั่นแหละ ถ้าเป็นหมาหูปิดแบบร๊อต ต้องเช็ดกันทุกอาทิตย์หลังอาบน้ำ ไม่งั้นหูอักเสบ

เจ้า 2 ตัวนี่ ผมพูดคุยด้วย มันรู้เรื่องทุกอย่าง แต่จะทำตามไหมก็เป็นอีกเรื่อง ฉลาดจนน่าแปลกใจ ทั้งที่ไม่ได้สอนอะไรจริงจัง แต่คนบ้านผมคุยกับหมาเหมือนคุยกับคนนะ เวลาปกติมันจะไม่เข้าหาผม เว้นตอนทำสวนนั่งพัก มันจะเดินหูหลุบหูลู่เข้ามาหา ผมจะลูบๆ หัว กดตัวมันหมอบข้างๆ ลูบหัวลูบตัวมัน บางทีเดินมาล้มตัวนอนพิงขาแบบอ้อนกันเลย ผมเห็นพวกมันเป็นหนึ่งในครอบครัว แต่ไม่เคยรับเป็นลูก เพราะไม่อยากให้มีใครมาแทนที่ลูกๆ ผม

 

ตอนเด็กๆ มันมักจะเล่นซนกันทั้งวัน อันเป็นปกติของหมาเด็ก แต่ไม่เที่ยวไกล มันจะวิ่งอยู่ในบริเวณบ้าน ล่าเหี้ย งู นก หนู แมวไปเรื่อย มีอยู่ครั้งมันเฝ้าแมวตั้งแต่ดึกๆ ถึงสายๆ อีกวัน ผมไปเจอก็ไล่มันไป แล้วไล่แมวด้วย คาดว่าแมวคงเกาะกิ่งไม้มาทั้งคืนจนตะคริวกิน ต้องเอาไม้เคาะกิ่งข้างๆ ให้มันโดดหนี ผมก็กลัวมันโดดสวนไม้ลงมา แมวมีเขี้ยวเล็บที่น่ากลัวกว่าหมามาก

มันยังเคยไล่เหี้ยเข้ามาหาบ๊าคในบ้าน ตัวเท่าขา ผมกำคอไม่มิด กว่าจะจับออกไปปล่อยได้ เหนื่อยแทบตาย เมื่อเจอเหี้ย มันจะช่วยกันล้อม ผมเคยต้องเก็บซากเหี้ยตัวยาวเกือบ 2 เมตร ลูกเหี้ยยาว 2 ฟุตนี่เจอบ่อย ผมเคยเห็นมันล้อมงูสิงยาวเกือบ 2 เมตร ไอ่เพชรจะงับกลางตัว สะบัดแล้วปล่อย 2-3 ครั้งก็ไส้ทะลัก งานนั้นมาใกล้ๆ กัน 2 ตัว เสร็จไอ่เพชรทั้งคู่ แล้วไปจบที่ผมต้องสงเคราะห์ให้พวกมันพ้นทุกข์

ส่วนไอ่พลอย ผมเคยเห็นมันดักงูสิงตัวใหญ่เท่าข้อมือผม กระโดดไปมาอยู่หน้างู พองูฉก มันก็กระโดดหลบ ครั้งนั้นผมลากพลั่วใหญ่เข้าไป เพราะเห็นไกลๆ ไม่รู้งูอะไร พอเห็นเป็นงูสิง รู้ว่าไม่มีพิษ ก็ยืนดูว่ามันจะทำยังไงกัน มันเร้ากันพักใหญ่ พองูได้ช่องหนี ก็พุ่งลงชายคลองไป

พอเริ่มแก่ตัวมันก็ไม่ค่อยเล่นกัน ลูกๆ ผมก็เป็นอย่างนั้น มันไม่เล่นฟัดกันเหมือนตอนเด็กๆ อีก

พ่อค่อนข้างตามใจพวกมัน ทั้งเรื่องทั่วไปและเรื่องกิน จนบางทีผมก็บ่น ตามใจจนเสียหมา ถ้าหิว มันจะเดินมาหาพ่อ ขอข้าวกินโดยมองหน้า ส่ายหาง พอพ่อบอกกินข้าว มันจะทำท่าดีใจ ยิ้ม ส่ายหางรัวๆ ไอ่พลอยจะกินไม่มาก ไอ่เพชรมักมากินต่อ มันเลยอ้วนปั่ก เพราะกินเยอะแล้วไม่ค่อยได้ใช้พลังงาน ส่วนไอ่พลอยผอมเพรียวเพราะวิ่งทั้งวัน อาหารที่พวกมันกินเหลือจะมีนกมากินต่อ บ้างโฉบมา บ้างเดินกินกันเลย เชื่องขนาดผมเดินผ่าน มันแค่เดินหลบ เมื่อก่อนไอ่เพชรไอ่พลอยมีไล่ นานเข้าก็มองเฉยๆ ปล่อยมันกินกันไป ถ้ายังเหลืออยู่อีกก็สาดลงบ่อเลี้ยงปลา

ทั้งคู่ค่อนข้างดุกับคนแปลกหน้า ถ้าเข้ามาในบริเวณบ้าน จะล้อมเห่า โดนงับไปบ้างก็มี ขนาดบาทหลวงยังโดน(ในชุดปั่นจักรยานออกกำลัง) แต่กับญาติไม่เป็นไร ผมก็งง มันรู้ได้ยังไงว่าใครญาติ มอเตอร์ไซค์ก็ไล่ ที่อาจผ่านบ้านผมจะมีแค่บ้านญาติอีกหลังกับบ้านพักครู ซึ่งยังมีทางเข้าอีกทางเป็นวงกลม รถผ่านน้อยมากต่อวัน นานๆ เจอทีคงคิดว่าสัตว์ น่าไล่กวดกระมัง จริงๆ ควรห้ามกันแต่เด็ก แต่ผมก็ออกมาทำงานทุกวัน และพ่อก็ไม่ใช่คนที่ว่างและพร้อมจะให้เวลากับการเลี้ยงหมา

ไอ่พลอย เป็นหมาที่ใส่ใจมนุษย์มากกว่าไอ่เพชร ขยันและช่างสำรวจ เป็นเรื่องปกติของเจ้านี่ ที่วันๆ จะวิ่งไปทั่วบ้านผมถึงบ้านอา ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ในพื้นที่เกือบ 2 ไร่ ผมว่าคงไม่มีตารางนิ้วไหนที่มันไม่เคยเหยียบ เหนื่อย เบื่อ ก็มานอนบนโต๊ะหน้าบ้านที่สูงเกือบเอวผม แต่มันกระโดดขึ้น-ลงจังหวะเดียวสบายๆ หรือที่พื้นหน้าโต๊ะทำกับข้าว มองโน่น มองนี่ หลับ พอตื่นก็ไปอีก ส่วนไอ่เพชรมักนอนใต้โต๊ะ อ้วน ขาสั้น โดดไม่ขึ้น

กลางคืนบางทีก็ขอออกตอนผมจะไปอาบน้ำ(ห้องน้ำอยู่นอกบ้าน) นอนๆ อยู่ ลุกพรึ่บมานั่งมองหน้า ผมมักจะบอก ไม่ให้ออก กลับไปนอน มันก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ถ้าเชื่อคือเดินคอตกกลับไปขึ้นที่นอน ไม่เชื่อคือนั่งจ้องหน้า ทำท่าจะออกให้ได้ หรือรอจังหวะผมเปิดประตูแล้ววิ่งลอดขาผมไปเลย

ผมกลัวมันปวดฉี่ปวดอึต้องอั้นไว้ ก็จะปล่อยมันไป หายไปพักใหญ่ก็กลับมา การขอเข้าบ้านของมันคือ ยืนรอหน้าประตู มองประตูแล้วมองหน้าผม ให้เปิดประตูให้หน่อย บางทีกลับมาก่อนผมเข้าห้องน้ำเสียอีก บางทีมานอนรอผมอาบน้ำอยู่บนโต๊ะ พอเห็นผมเปิดประตูห้องน้ำ ก็วิ่งนำไปยืนรอหน้าประตูบ้าน มองหน้าผมสลับกับมองประตู

ถ้าผมเสร็จแล้วยังไม่มา ผมจะตะโกนเรียก 2-3 ครั้ง ยืนรอพักนึง ถ้ามาหลังจากนั้น มันจะมาเกาะหน้าต่างร้องหงิงๆ ให้เปิดบ้านให้ ผมมักดัดนิสัยเอาแต่ใจของมัน โดยทำเป็นไม่สนใจ มันก็ไปกระโดดขึ้นโต๊ะหลังห้องพ่อ ร้องให้พ่อเปิดประตูให้ พอได้ยินเสียงพ่อลุก มันจะวิ่งไปยืนรอหน้าประตูหลังครัว แล้ววิ่งกุกกักเข้ามาขึ้นที่นอนมัน

เจ้านี่จะตื่นตี 5 พร้อมพ่อ มันก็ขอออกละ ไปสำรวจบริเวณบ้าน แล้วค่อยกลับเข้ามานอนต่อ ส่วนใหญ่ตอนเช้า ผมมักเจอมันนอนอยู่บนโต๊ะหน้าบ้าน เพิ่ง 2-3 อาทิตย์นี้เองที่มันยังนอนบนที่นอนของมันในบ้าน อาจเพราะอากาศเย็นขึ้น

ไอ่เพชร จะใส่ใจมนุษย์น้อยกว่า และไม่ค่อยออกไปไหน เจ้านี่มักจะนอนทั้งวัน เช้ากับเย็นถึงวิ่งไปกับไอ่พลอย บางทีจะปิดรั้ว เรียกไม่มา ผมก็รออยู่นั่น พักใหญ่ได้ยินแม่คุยกับพวกมันอยู่หลังครัว มันไปอ้อมกลับมาทางบ้านพักครูที่เราไม่ได้ทำรั้วด้านข้างไว้

กลางคืน นานๆ ครั้งไอ่เพชรถึงจะออกไปกับไอ่พลอย มันติดต้องนอนกับพ่อแม่ พอพ่อเข้าห้องสัก 2 ทุ่ม มันจะมองแต่ไม่ตามเข้าไป พ่อเรียกก็ไม่เข้า บางทีดึก 4-5 ทุ่มแม่เข้าห้องก็จะเรียกมัน มันก็ไม่เข้า ถ้ามันจะเข้า มันจะไปนอนอยู่หน้าประตู รอให้ผมมาเจอ เมื่อถามจะเข้าห้องเหรอ มันจะลุกทันที ส่วนไอ่พลอยจะไม่เข้าไป นอกจากฝนตกหรือมีเสียงฟ้าร้อง

มันจะกลัวฝน ฟ้า พายุ เสียงประทัด กันทั้งคู่ ลูกๆ ผมก็กลัว มากบ้างน้อยบ้าง หมาหูดีกว่าเรามาก เสียงไกลๆ คงคล้ายมาจุดประทัดอยู่ข้างหูกระมัง ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่ มันจะเดินเข้ามาหาในพื้นที่ผม ที่ไม่ได้กั้นห้อง แต่มีขอบเขตที่มันรู้ว่าห้ามเข้า(ตั้งแต่ตอนบ๊าคอยู่) ยืนมองหน้าว่าจะด่ามันไหม เมื่อบอกเข้ามาสิ กลัวเหรอ มันก็จะมานั่งตัวสั่นใกล้ๆ หรือนอนหมอบข้างๆ ไม่ก็มุดไปใต้เตียง

เมื่อราวต้นเดือน ตอนเย็นพ่อแม่ไปงานศพญาติ ฝนมา ฟ้าร้องเบาๆ พวกมันเข้าบ้านกันไปแล้ว ผมก็หมดห่วง ยังทำอะไรอยู่นอกบ้าน พอเข้าห้องมาแทบกรี๊ด ไอ่พลอยมันกลัวจัด โดดขึ้นไปตะกุยหัวนอนผม แถมทำผ้าแพรขาด(ผ้าห่มผม) ผมด่า มันก็ไปนอนสลดอยู่

ก่อนหน้านี้มันเคยขึ้นมาครั้งนึงตอนตี 2 ผมหลับ ไม่รู้ว่าฟ้าร้อง มันก็โดดขึ้นมาปลายเตียง ผมรู้ตัวมันก็โดดลงไป พอให้เข้าไปหาพ่อ มันจะไปนอนขดข้างหัวเตียงพ่อ ส่วนไอ่เพชรจะนอนปลายเตียง เป็นที่ประจำของแต่ละตัว แต่ไอ่เพชรจะหวงห้อง หวงพ่อแม่ มันมักขู่ไอ่พลอยแล้วเดินเข้าหาด้วยท่าทีคุกคาม ผมจะเอาขากันไอ่เพชรไว้(ดีที่มันไม่เคยงาบ) ให้ไอ่พลอยเข้าไปทางหัวเตียงได้ พอลงนอนแล้วก็แล้วกัน แต่ล่าสุดไอ่เพชรไม่ยอมลุก ไอ่พลอยเลยต้องไปนอนตรงหน้าตู้ปลายเตียงแทน ไอ่พลอยมักยอมให้ไอ่เพชรเสมอ ไอ่เพชรก็ได้ใจไปเรื่อย

พ่อบอกว่าถ้าฟ้าแรง มันก็ขึ้นที่นอนกันทั้งคู่เหมือนกัน คงอยากอยู่ใกล้พ่อแม่ให้มากที่สุด พ่อจะไล่มันลงมานอนที่พื้น หรือไล่มันออกมานอกห้องเลย มันก็จะเดินเข้ามาหาผม ซึ่งผมเข้าใจว่า หมากลัว มันจะหาคนที่ไว้ใจที่สุดที่มันคิดว่าพึ่งพาได้ก่อน การโดนไล่ออกมาค่อนข้างได้ผล มันจะไม่อยากขึ้นเตียงอีก ถ้าไม่กลัวจัดจริงๆ แล้วหมาไม่มีเจ้าของจะทำยังไง

อาหารหมาพอกินได้ แต่ไม่กี่วันก็เบื่อ แล้วไม่แตะอีกเลย ไข่ต้ม ไข่เจียว ไม่กิน แล้วอะไรที่หมาไม่กิน พ่อก็เปลี่ยนอาหารให้(ซึ่งไม่ถูกต้องนัก) กลายเป็นพวกมันกินข้าวกับไก่รวนบ้าง กับข้าวคนบ้าง พวกปลาหรือเนื้อสัตว์ แต่ไม่กินผัก ไม่กินขนม ผิดกับลูกๆ ผมที่ได้กินแต่อาหารหมา ขนมหมา นานๆ จะได้ชิมอาหารคนสักครั้ง แค่ข้าวเปล่าบ๊าคยังอร่อยเสียเหลือเกิน ในขณะที่ไอ่ 2 ตัวนี่จะเล็มกินกับก่อน ข้าวมักเหลือทิ้งๆ ขว้างๆ

ผมมักจะซื้ออาหารหมาแบบถุง 8 โลมาใส่ทัพเปอร์แวร์ไว้ ให้พ่อคลุกไปกับข้าวให้มันกิน วันแรกๆ มันก็กินแบบน่าอร่อย หลายวันเข้าไม่กิน พ่อก็เลิกให้ ผมเคยตักใส่ชามไว้ในบ้านเผื่อดึกๆ หิว มันก็กินไม่กี่วัน ต้องทิ้งช่วงพักใหญ่ค่อยให้ใหม่ มันก็จะกิน วนๆ ไปอย่างนี้

 

นานๆ ไอ่เพชรจะลำไส้อักเสบสักครั้ง เริ่มจากไม่กินข้าว บางทีอ้วกออกมาเป็นหญ้าหรืออาหารที่ยังไม่ย่อยแล้วเลิกกิน สัก 2 มื้อพ่อก็พาหาหมอ ฉีดยา เอายามากิน ไอ่พลอยไม่เคยเป็น ที่มันต้องหาหมอคือไปกัดกับหมาข้างบ้าน หูแหว่ง อีกทีกัดกับไอ่เพชร ซึ่งแปลกเพราะไม่เคยกัดกัน งานนั้นแม่บอกไอ่เพชรเริ่มก่อน ตอนไปรับแม่ที่รถ ไม่รู้ไอ่เพชรเครียดอะไร แต่มันได้แผลตื้นๆ ไอ่พลอยต้องหาหมอ แผลใหญ่ยาว เลือดไหลไม่หยุด ส่วนผมก็นั่งทำแผลใส่ยา จับป้อนยากันไป

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ไอ่พลอยไม่กินข้าวเย็น วันที่ 9 ไม่กินทั้งวัน 10 ก็พาหาหมอ ตรวจอึเจอลำไส้อักเสบ หมอให้น้ำเกลือ ฉีดยา ให้ยามากิน 3-4 วัน แต่เย็นๆ มันก็เริ่มกินได้ละ พ่อว่ามันคงหิว มาขอกินข้าว ไอ่นี่ปกติไม่ค่อยเป็นอะไร ช่วงป่วยมันก็จะหงอยๆ อ้อนๆ หน่อย หลังจากวันนั้นมา ตอนเช้าผมก็จะดูมัน จิ้มๆ หัวมันบนโต๊ะหน้าบ้าน ถามมัน เป็นไง โอเคไหม แต่ถ้ามองตากัน มันจะหลบ คงยังไว้ใจไม่พอ

เวลาพ่อแม่จะออกไปไหน มันต้องมาส่งหน้าบ้านทั้งคู่ แต่ตอนกลับจากข้างนอก ไอ่พลอยจะเป็นคนแรกที่วิ่งไปรับที่รถ ไอ่เพชรค่อยตามมาเมื่อมั่นใจว่าใช่ ส่งเสียงหงิงๆ ส่ายหางแบบตื่นเต้นดีใจเหลือเกิน บางทีออกไปแถวบ้านไม่ถึง 10 นาที ดีใจเหมือนไปเป็นวัน ถ้าพ่อแม่ไปต่างจังหวัด มันจะนอนรอหน้าบ้านจนดึกถึงจะยอมเข้าบ้าน ผมบอก พ่อไม่กลับ กลับพรุ่งนี้ เข้าบ้านเหอะ มันก็ไม่เชื่อ นี่คงบ่งบอกว่ามันติดพ่อแม่มาก อยากให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา เพิ่งไม่กี่อาทิตย์มานี่เอง ที่บางวันมันจะมารับผมที่รถ ส่งเสียงร้องดีใจ ให้จับๆ หัว ก่อนหน้านั้นมันแค่มองว่ากลับมาละ หรือเดินมาดูหน้าโรงรถ อ่อ กลับมาแล้วเหรอ แต่ไม่เข้าหา

ถ้าพ่อแม่ไปหาหมอ ผมมักอยากให้หมาอยู่ในบ้าน จะได้ไม่ต้องห่วงมัน ไอ่เพชรไม่มีปัญหา ไอ่พลอยสิไม่เคยยอมเข้า มีอยู่ครั้งผมอุ้มมันโยนเข้าบ้าน แล้วปิดประตูขังไว้ ค่อยไปทำงาน หลังจากนั้นมันจะระวังตัวเสมอ ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วผมเข้าใกล้ตอนเช้า บางทีวิ่งหนีผมเลย

เพิ่งจะสักเดือนมานี่เอง ที่ไอ่พลอยเข้าบ้านเร็ว ผมจะถึงบ้านราว 5.30 บางวันมันนอนอยู่ในบ้านแล้ว ก็มารับหน้าประตูบ้าง นอนกระดิกหางให้บ้าง บางวันยังไม่เข้าบ้านก็วิ่งมารับที่รถ ส่งเสียงดีใจ ให้จับๆ หัว พอผมบอก ไป เข้าบ้าน มันก็วิ่งเข้าไป

ผมไม่อยากคิดว่ามันเป็นลาง มันอาจแค่เริ่มแก่ วิ่งเพ่นพ่านเหนื่อย เพลีย อยากนอนเร็วขึ้น หรืออากาศร้อน เข้าบ้านเราจะเปิดพัดลมให้ ซึ่งก่อนหน้านั้นมันมักไม่ยอมเข้า จะมืดแล้วยังเดินเพ่นพ่าน ไม่ก็นอนอยู่บนโต๊ะหน้าบ้านที่ประจำของมัน จนทุ่มสองทุ่มยุงเยอะๆ ถึงจะยอมเข้าบ้าน เจ้านี่ติดที่นอน มันจะนอนกับพื้นพักเดียว พอหายร้อนก็ขึ้นที่นอน ซึ่งผมจะซักให้เมื่อมันเลอะพอควร ไม่ได้เก็บซักทุกอาทิตย์แบบที่ทำกับลูกผม

ส่วนไอ่เพชร วิ่งเล่นเสร็จมันก็เข้าบ้านเลย นอนกลางบ้านบ้าง มุดไปใต้ที่แม่บ้าง หรืออยู่หลังที่พ่อนั่งดูทีวี วันๆ ไม่ค่อยออกไปไหน นอกจากมีอะไรน่าสนใจ เช่นลงไปตะลุยรอบบ่อกันจนตัวเปียกทั้งคู่ คาดว่าเจอลูกเหี้ย จะล้อมจับ หรือพ่อแม่ไม่อยู่ มันจะไปนอนใต้โต๊ะที่ไอ่พลอยนอน หรือที่โรงรถ รอพ่อแม่กลับ

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 2565 พ่อแม่ไปวัดเช้าแบบทุกอาทิตย์ มันก็ไปส่งเหมือนเคย ไอ่พลอยยกขาไหว้ ไอ่เพชรเอาหน้าถูมือ เมื่ออาทิตย์ก่อนไอ่พลอยตามแม่ไปถึงวัด ไปตะกุยประตูวัดจะเข้าด้วย พ่อไล่ไม่กลับ อาจเพราะมันไม่ค่อยสบาย เลยอยากอยู่ใกล้พ่อแม่มากกว่าปกติ

วันนี้ผมตื่นมาก็เห็นไอ่พลอยนอนอยู่หน้าแทงค์น้ำ ยังแปลกใจที่ไม่นอนบนโต๊ะ คงร้อน พ่อแม่กลับมาเที่ยงกว่า(ปกติบ่ายสาม) สักบ่ายโมงผมเริ่มตัดหญ้า เห็นไอ่พลอยเข้ามานอนกลางบ้าน หน้าบันได ผมยังถาม พลอยร้อนเหรอ แล้วเปิดพัดลมให้ ปิดบ้านทุกด้าน กันหมามาเกะกะ เพราะใช้ใบมีด อันตราย

ราวบ่าย 3 พ่อเปิดประตูครัวมาหุงข้าว (ผมนอนแผ่อยู่หน้าบ้านพักเหนื่อย) ไอ่พลอยเดินตามพ่อออกมา มองไปทางบ้านอา แล้วเดินไปทางหลังครัว นั่นคือภาพสุดท้ายที่ได้เห็นไอ่พลอยตอนเป็นๆ

ผมไปตัดหญ้าหลังบ้านอาต่อ ไม่เห็นมัน เข้าใจว่ามันกลับไปนอนในบ้านละ หลังนอนพักครู่ใหญ่ ก็อยากดูดงหญ้าขนมุมสุดว่าต้องตัดหรือยัง เห็นไอ่พลอยนอนอยู่ข้างขนุนต้นที่ 2 ผมงงๆ เดินไปหามัน ถามพลอยมานอนทำไรตรงนี้ มันไม่ตอบโต้ จับๆ ไป มันตายแล้ว ตัวแข็งแล้ว น่าจะราว 4.40 pm ไม่มีร่องรอยทุรนทุราย ไม่มีน้ำลายฟูมปาก ท่าเหมือนนอนหลับ แต่ลิ้นห้อยออกมาครึ่งหนึ่งและออกสีดำ ตัวแข็งจนขยับไม่ได้ เปิดปากเก็บลิ้นเข้าไปไม่ได้ ยังไม่ถึง 2 ชั่วโมงจากที่เห็นล่าสุด โดนอะไรเข้าไป

ผมเก็บของกลับบ้าน ถามแม่ พ่ออยู่ไหม ไอ่พลอยมันตายแล้ว ทั้งพ่อแม่ตกใจ เมื่อกี้มันยังดีๆ อยู่เลย ทีแรกพ่อคิดจะไปฝังบ้านอา แต่ผมคิดว่าหมาบ้านเราก็ควรฝังบ้านเรา เมื่อตกลงใจว่าจะฝังถัดจากบ๊าค ผมก็ใช้จอบขุดเบิกปากหลุม ทำไปหน่อยก็เหนื่อย พักครู่นึงก็ไปเอาพลอยกลับบ้าน กลัวว่าเหนื่อยกว่านี้จะยกมันไม่ไหว ทั้งๆ ที่พ่อบอกว่าล่าสุดที่ไปหาหมอ(อาทิตย์ก่อน) มันหนัก 13-14 โลเท่านั้น

ผมสำรวจทั้งตัวอีกรอบ หาร่องรอยบาดแผล งูกัด ไม่เจออะไรเลย ไม่มีแผลสักที่ ทีแรกคิดว่าโดนวางยา แต่เย็นๆ คุณอาโทรมา ว่าถ้าโดนยาจะน้ำลายฟูมปาก ก็ไม่ใช่ แค่ลิ้นดำมาก อาจเป็นพิษงูเห่า มันคงไม่ไหว ลงนอน แล้วตาย  ไอ่เพชรวิ่งตามมายืนดู แล้วเข้ามาดมๆ ไอ่พลอย ผมได้แต่บอกมัน พลอยตายแล้ว เพชรกลับบ้านไป เหมือนมันจะรู้มันวิ่งกลับไป

ผมยกไอ่พลอยมาใกล้ๆ ที่จะฝัง เรียกมัน พลอย กลับบ้านกัน วางมันไว้ที่ร่ม แล้วพยายามขุดดินต่อ ผมขุดเบิกปากหลุมจนได้ยาว 1 เมตร กว้าง 70 เซนต์ ลึกสักคืบ ก็เหนื่อยมากจนรู้ว่าทำต่อไม่ไหวแน่ พ่อนั่งดูอยู่ เลยบอกพ่อ เรียกคนงานวัดมาช่วยเถอะ นี่ร่างกายผมแย่จนไม่มีปัญญาขุดหลุมฝังหมา ตอนบ๊าคก็ฝังเองไม่ไหว แต่นั่นผมเพิ่งรอดตายมาได้เดือนกว่า

คนงานมา 2 คน ขุดไปได้ราว 80 เซนต์ ก็เจอหินก้อนใหญ่ ไปต่อไม่ได้(คงลงไว้ตอนปิดบ่อ) จากที่จะเอาลึกถึงเอวก็ต้องเอาแค่นั้น พลอยมันผอม คงไม่เป็นไร ผมเอามันลงหลุมเอง จัดท่าให้ดี หันหัวไปทางบ๊าค ขาไปทางคลอง ด้านขวาลง เอามือตะกุยดินกลบไปพอมิดตัว แล้วให้คนงานทำต่อ

เกือบ 8 ปีที่ไม่มีหมาตาย ทำให้ผมลืมวิธีฝังหมา กว่าจะนึกได้ก็ดึกแล้ว ลูกๆ ผมจะได้สายประคำคล้องคอไปคนละเส้น ห่อตัวด้วยผ้าปูที่นอน นี่ผมฝังไอ่พลอยไปตัวเปล่าๆ นั่งดูเขากลบดิน ยังไม่เสร็จผมก็น้ำตาร่วง คนงานก็อยากคุยกับผมจัง คุยไปเช็ดน้ำตาไปแบบนั้น

ผมสงสัยว่าไอ่พลอยจะรู้ไหมว่ามันตาย มันคงลุกขึ้นงงๆ ว่ากูไม่เคยมานอนแถวนี้ ดมๆ หมาที่นอนอยู่ โดยอาจไม่รู้ว่าเป็นตัวเอง วิ่งกลับมานอนบนโต๊ะหน้าบ้านเหมือนเดิม รอกินข้าวเย็น แล้วคงจะเดินมาดูบ้าง ว่าเราทำอะไรกันอยู่ มันคงเห่าคนแปลกหน้า แล้วคงแปลกใจที่ไม่มีใครดุมัน

พ่อบอกว่า คนจะรู้ตัวว่าตายก็ 3 วัน งั้นเราให้ข้าวมันกินอีก 3 วันเถอะพ่อ พ่อเขาก็จัดให้ตามนั้น ผมเชื่อว่าวิญญาณมีอยู่จริง ผมเลยยังคุยกับมันตามปกติเมื่อเดินผ่านที่มันนอน เอาที่นอนลงวางให้มันตอนเย็น

.. เมื่อวาน มันยังวิ่งไปรับผมที่รถอยู่เลย .. เมื่อวันพฤหัสมันก็เข้าไปสำรวจสวนกระท่อมข้างบ้านกันทั้งคู่ จนผมกลัวเขาจะด่าเอา แล้วก็อ้อมไปกลับมาทางบ้านครูโน่น

คืนแรกราวตี 1 ผมก็ได้ยินเสียงเล็บเท้ามันกุกๆ ครั้งนึงตรงกลางบ้าน เหมือนตอนมันลุกจากที่นอนมัน ผมมั่นใจว่าหูไม่ฝาด เป็นคืนที่ยากเหมือนตอนบ๊าคจากไป ผมกับพ่อกินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ ถึงจะเป็นหมาของพ่อ ผมก็ร้องไห้ไปเรื่อยๆ อยู่ดี

มันเป็นคืนที่ฝนตกหนักแต่หัวค่ำ เช้ามาดินกลบหลุมที่พูนเป็นเนินด้านบน สไลด์ไปทางหางมันสัก 2 คืบ ราวจะเปิดปากหลุมให้มันกระโดดขึ้นมา งงครับ ตอนเขากลบก็เห็นขึ้นไปเหยียบให้ดินแน่นแล้ว แต่เขาทำก็ไม่ดีเท่าเราทำเองหรอก ตอนเย็นผมเลยแต่งหลุมใหม่ ไปเอามะเฟืองมาให้พ่อปลูกให้มัน

คืนที่ 3 ตามตำรา ผีเสื้อกลางคืนตัวใหญ่เข้ามาบินในห้องเหนือหัวผม 2-3 รอบให้ผมรู้ชัดๆ แล้วหายไปเลย ตอนบ๊าคตายใหม่ๆ ก็มีผีเสื้อมาบินวนเหนือหัวตอนเช้า ใครจะคิดว่ามันปกติก็ตามแต่ แต่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผมแค่ 2-3 ครั้งในชีวิต มันไม่ปกติสำหรับผม

เรื่องกลัวหมาๆ จะโดนงูกัดนี่ผมกลัวมานาน จึงพยายามตัดหญ้าให้มันโล่งๆ เพราะทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งหมา เพ่นพ่านไปทั่ว คนก็ไม่ยอมใส่บูท แล้วก็พลาดจนได้ อาจเพราะความชรา หูตาไม่ไวเท่าเก่า ความคล่องตัวน้อยลง สิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ ในขณะที่มันยังแข็งแรงดี ทั้งๆ ที่ผมตัดหญ้าจนเกือบหมดแล้ว

ผมยังคิดว่าไอ่เพชรน่าจะตายก่อน เพราะไอ่พลอยดูแข็งแรงกว่ามาก คิดว่าพวกมันจะอยู่ดีๆ อย่างนี้อีกสัก 5-6 ปี ค่อยแก่มาก แล้วป่วยจนต้องดูแลกัน ผมเพิ่งเผลอเรียกไอ่พลอยว่าลูกเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง

ไอ่เพชรดูหงอยไปมาก มันแค่ออกไปอึฉี่หน้ารั้ว แล้ววิ่งเข้าบ้าน มันไม่วิ่งไปทางบ้านอา ไม่เดินไปทางที่เคยเดินไปกับไอ่พลอย (ที่ไม่ได้ไกลไปกว่าบ้านด้านขวาที่เป็นญาติกัน กับบ้านด้านซ้ายที่หมาเขามานอนบ้านผมทุกวัน) เดี๋ยวนี้พ่อเรียก เพชรไปนอนกันลูก มันก็เดินตามเข้าห้อง และอ้อนมากกว่าเดิม ผมคิดว่ามันคงเหงาที่พี่น้องมันหายไป ผมถามมัน เขาว่าหมาเห็นผี จริงเปล่าวะ เห็นไอ่พลอยรึเปล่า มันไม่ตอบ แต่ผมต่างหากที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ไอ่พลอย

ไอ่หมีหมาตัวใหญ่สีดำข้างบ้าน ชอบแอบมานอนใต้โต๊ะทำกับข้าวทุกวัน อาจเพราะบ้านเขามีเด็ก เสียงดังมันรำคาญ มันจะสนิทกับไอ่พลอยมากกว่าไอ่เพชร วันที่ฝังไอ่พลอย มันก็มาดมๆ หลังจากวันนั้น ผมเห็นมันเหมือนเดินหาว่าหายไปไหน แล้วผมก็ไม่เห็นมันหลายวัน จนวันก่อน มันเดินเข้ารั้วมา แล้วลงเถือกไถกับหญ้าด้วยท่าทางเหงาๆ

แล้วผมก็กลับมาเดินจงกลมสวดสายประคำให้หมาอีก ถ้าผมไม่ทำ ใครจะทำให้มันล่ะ เลยลามปามไปนั่งสมาธิอีก เพราะอยากเห็นของละเอียด แต่การฝึกสติมานาน ทำให้สมถะยากกว่าเก่า

ผมพาลนึกถึงไอ่น้ำตาล หมาของคุณอาผู้ชาย หลังท่านเสียมันก็อยู่กับเราต่อ แล้วมันก็หายไปเป็นเดือนๆ จนเราคิดว่ามันไปตายที่ไหนแล้ว คืนหนึ่งฝนตกหนัก ผมพาบ๊าคออกไปฉี่ เจอมันนอนขดอยู่ข้างประตู โดนกัดมาเละ ทั้งดินทราย กลิ่นเลือดคลุ้ง ยุงรุมเป็นพัน ผมล้างตัวมันให้สะอาดอย่างเร็วๆ เช็ดตัว ห่มผ้า ล่ามไว้ จุดยากันยุงให้ บอกมันถ้ารอดถึงเช้าไปหาหมอกัน เช้ามามันยังไม่ตาย พ่อพาไปหาหมอ ต้องเย็บเกือบ 20 แผล อยู่กับหมอเป็นอาทิตย์ เพราะต้องล้างแผลฉีดยาทุกวัน เราให้หมอทำหมันมันเลย จะได้ไม่ไปติดสาวที่วัดอีก

พอได้กลับบ้าน เราก็ล่ามมันไว้กับเก้าอี้ในบ้าน ตรงปากประตู มันก็จะนอนบนเก้าอี้นั่น อึฉี่พ่อพาไป เมื่อหายดีค่อยปล่อย มันก็วิ่งไปมา หายไปบ้างแต่ไม่นาน มันอยู่กับเราได้ปีกว่า(10 กรกฎา 2555 - 5 พฤศจิกา 2556) ก็ไปโดนยาเบื่อแถวบ้าน ผมเห็นมันนอนตายอยู่ข้างครัวบ้านอาตอนเที่ยง มันคงคิดถึงพ่อมัน หลังคุณอาเสีย ยังมีหมาอีกรุ่นที่น้องๆ ยังไม่ทันพาทำหมัน สรุปว่าโดนยาเบื่อตายหมด รวมแม่มันด้วย ในปีเดียวกัน เพราะเราไม่ล่าม แล้วมันไปถึงหัวถนน ช่วงนั้นหมาแถวบ้านผมตายกันเยอะมาก เพราะโดนยาเบื่อไอ้เหี้ยนั่น คนสาปแช่งมันทั้งบาง แต่มันก็ยังอยู่ดี ผมรอดูวาระสุดท้ายของมัน ถ้าผมไม่ตายก่อน คงได้เห็น

หลังจากนั่งงงไปวันสองวัน ผมตัดหญ้าเกือบหมดแล้ว เหลือแค่หย่อมเล็กๆ ที่ทำให้เดินไปดูแล้วเจอไอ่พลอยนอนตายอยู่ ทำไมหมาโดนงูกัดตายได้ รับไม่ได้กับความตายกระทันหัน มันวิ่งไปทั่วเกือบ 10 ปี แล้วก็กลับมานอนหน้าบ้าน สลับไปอย่างนี้ทั้งวัน นี่หายไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง เมื่อความเศร้าใจกลายเป็นความแค้น ความคิดที่จะล้างแค้นก็เกิดขึ้น

ผมศึกษาวิธีดักงู การใช้แร้วต้องรู้จุดท่ี่งูเลื้อยผ่าน ผมไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดนั้น ลอบดักปลาใช้ในน้ำ นี่มันอยู่บนบก แล้วจะจับหนูมาใส่ลอบได้ยังไง ผมจะต้องทำกรรมกับหนูเพิ่มอีก การวางตาข่ายจึงน่าจะได้ผลกว่า

สิ่งที่ต้องใช้คือข่ายดักปลากับไม้ซีกค้ำต้นไม้ ผมจัดไม้ซีกมา 100 อันยาว 80 เซนต์ เพราะประเด็นคือไม่ต้องขึงตึง ปล่อยชายมันให้หย่อนๆ กองอยู่ที่พื้น งูเลื้อยผ่านจะติด ผมปักไม้ลงดินไปสัก 20 เซนต์

ข่ายดักปลาล๊อตแรกผมซื้อแบบ 3 เซนต์ เอ็น 0.2 สูง 90 เซนต์มีตะกั่วถ่วง กางได้ยาว 15-20 เมตร เอามา 5 อัน แต่พบว่ารูมันเล็กไป เลยซื้อเพิ่มแบบ 5 เซนต์มาอีก 3 อัน เป็นเนื้อเปล่า เอ็น 0.15 ยาว 180 เมตร ทั้งหมดพันกว่า เพื่อชำระแค้น

ผมวางไป 3 จุด บริเวณที่เจอศพไอ่พลอย

1. โพรงใต้บ้านพักครู ที่ทำคล้ายห้องแถว อีกฝั่งเป็นบ้านญาติผมซึ่งเขาอยู่ประจำ เล่าว่าเจองูออกมาบ่อยๆ ผมขึงตลอดแนวที่เป็นโพรง กะว่ามึงออกมา มึงตาย และต้องตายอย่างทรมาณด้วย

2. เนินโคนสะเดา มีโพรงคางคกหลายโพรง ล้อมมันไปทั้งเนิน อันนี้ 1 อาทิตย์ผ่านไป เจองูสิงยาวเกือบ 2 เมตรมาติดตายอยู่หนึ่งตัว เล่นเอาผมถอดใจเพราะสงสารมัน

3. รอบกองที่เราทิ้งกิ่งไม้ใบกล้วย มีเนินด้านหลังที่ผมเคยเจอคราบงูสีดำเมื่อปีก่อน พ่อเผาก่อน แล้วผมล้อม กะว่ามันเลื้อยผ่าน มันต้องติด แต่ผ่านไป 2 อาทิตย์ไม่มีอะไรติด ผมเลยรื้อออกตัดหญ้าอีกรอบ

ทำไมไม่ทำก่อนหน้านี้ ก็มันวิ่งมา 10 ปีแล้วไง ผมกับพ่อแม่ก็เดินไปทั่ว ไม่เคยเห็นหัวงู หรือเพราะตัดหญ้าหมด มันโล่งไป งูหนีไม่ทัน ส่วนหมาก็ล่วงวัย ความคล่องแคล่วลดลง เลยพลาด ไม่ว่ายังไง ผมก็จะฆ่างูอยู่ดี เลยซื้อฉมวกเพิ่มอีก 4 อัน แบบแบนน่าจะแทงได้ง่ายกว่า ไม่ต้องมีเงี่ยง ตอนดึงออกจะได้ไม่ยาก

กลายเป็นความคับแค้นใจ ที่ล้างแค้นไม่ได้ เดิมผมไม่ฆ่างูไม่มีพิษ จะไล่ๆ มันไป แต่เมื่อคืนก่อนเจองูเหลือมยาว 2 ฟุต แรกเห็นมันสีคล้ำจัด ดูคล้ายกะปะ ผมถือด้ามไม้กวาดในมือ ก้มมองให้ชัด มันฉกใส่ ผมของขึ้นทันที เลยซัดไปก่อนค่อยดูให้ชัด เดี๋ยวนี้เย็นๆ ผมก็จะลากฉมวกกับพลั่วเดินหางูไปทั่ว แทนไอ่พลอย.

ไม่มีความคิดเห็น: