While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บทสรุปของการบรรลุธรรม


level ในการบรรลุธรรม มันสำคัญไหม ผมว่าไม่นะ แต่บางที เราคงอยากรู้เหมือนกัน ว่าเราไปถึงไหนกันแล้ว ยังเหลืออีกไกลแค่ไหนกว่าจะหลุดพ้นไปได้ ท่านแยกไว้เป็น 4 ขั้นด้วยกัน จากคนธรรมดาอย่างเราๆ ก้าวขึ้นไป
ขั้นที่ 1 - โสดาบัน : มีความเข้าใจเรื่องความเจริญหรือความเสื่อม ว่าขึ้นอยู่กับศีลธรรม ไม่ใช่ความงมงาย (เช่น การเสริมดวง ฮวงจุ้ย) แต่ยังตัดอารมณ์ (รัก โลภ โกรธ หลง) และกามราคะ ไม่ได้
ขั้นที่ 2 - สกิทาคามี : เบื่อหน่ายในอารมณ์ ในกาม จะลดลงมาก แต่ยังไม่หมด ไม่หายไปจริงๆ
ขั้นที่ 3 - อนาคามี : ตัดอารมณ์ กามราคะได้หมดแล้ว
ขั้นที่ 4 - อรหันต์ : ตัดความยินดีในรูปฌาน อรูปฌาน ความฟุ้งซ่าน ความถือตน ความไม่รู้จริง ทำลายพันธนาการได้ทั้งหมด ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก  
ข่าวดีคือ level มันลดลงได้นะ ถ้าเราละเลยการพิจารณาสภาวธรรม ผมกะเอาอรหันต์เลยไหม ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้น แค่เป็นคนที่มีความฟุ้งซ่านมาก ถ้าไม่ทำอะไรกับความคิดตัวเองเลย ก็เกรงว่าจะเป็นบ้าสักวัน
ข่าวดีอีกอย่าง เราไม่จำเป็นต้องบรรลุไปทีละขั้นนะครับ บางคน ข้ามไปเลยก็มี และการบรรลุผ่านแต่ละขั้น ก็ไม่มีกำหนดเวลาด้วย อาจเป็นวินาที นาที วัน เดือน ปี หรือทั้งชาติ เพียรปฏิบัติครับ แล้วจะเกิดผล
ส่วนที่เขาเล่าๆ กันว่า จะเห็นแสงวาบหรืออะไรอื่นๆ อันนั้นเป็นด้านฌานนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผลข้างเคียงที่ได้จากการบรรลุฌาณก็มีมากอยู่ ที่ต้องทำความเข้าใจคือ ฌานเกิดจากการฝึกสมาธิ สมาธิช่วยประคับประคองจิตในขณะฟุ้งซ่าน กับช่วยให้สามารถพิจารณาสภาวะได้ชัด ไม่วอกแวก
ตัวสมาธิเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้บรรลุธรรมได้อย่างแน่นอนครับ .. แต่คุณอาจได้ หูทิพย์ ตาทิพย์ เห็นความคิดคนอื่น ล่องหนหายตัว ถอดจิต ระลึกชาติ บลาๆๆ อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องนะครับ ซึ่งถูกจัดไว้เป็นผลข้างเคียง มิใช่ประเด็นหลักในการหลุดพ้น

วิถีปฏิบัติ
1. ทาน - วัตถุทาน วิทยาทาน อภัยทาน ธรรมทาน
2. ศีล - 5 / 8 / 227
3. ภาวนา
1. สมถภาวนา - มีผลแค่ทำให้กิเลสตัณหาสงบ
2. วิปัสสนาภาวนา - ขุดกิเลส รู้ทันสภาวไตรลักษณ์ (ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน) ที่จิตเข้าไปเกี่ยว ที่กายไปรับสัมผัส ดูการเกิดดับของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน ในสิ่งที่รักชอบยินดี เมื่อเห็นความแปรปรวน เปลี่ยนแปลง หายไป ความเศร้าจะต้องตามมา เห็นชัดๆ บ่อยๆ จะปล่อยวางเอง

ห่วงโซ่แห่งกิเลส
- กิเลสตัณหา เกิดจากความหลง จะดับความหลง ต้องดูไตรลักษณ์ ถ้าเห็นไตรลักษณ์ ความหลงจะหยุด ความโลภจะไม่เกิด
- ความหลง มักทำให้เห็นตรงข้ามกับความจริง  เห็นความเที่ยงในสิ่งที่ไม่เที่ยง เห็นความสุขในกองทุกข์ (ไม่เห็นทุกข์ซ่อนอยู่) เห็นตัวตนในสิ่งที่ไม่มีตัวตน 
- เมื่อหลงแล้วจะมีอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น
- เมื่อมีความยึดมั่นถือมั่น ก็มีความอยากที่จะให้สิ่งที่ตนเองยึดติดอยู่นั้น คงอยู่ไปตลอด แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกสิ่งนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีใครไปกำหนดบังคับให้เป็นไปตามความต้องการได้
- อย่ายึดติดกับสุข เมื่อสุขหมด ทุกข์จะตามมา เกิดความเดือดร้อน วุ่นวายใจ
- สุขทุกข์ รู้ให้ทันแล้วปล่อยวาง อย่าไปยึดติด อย่าไปยินดียินร้าย อย่าไปอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันจะทุกข์
- ให้พิจารณาอยู่ตลอดเวลา ถ้าฟุ้งซ่าน ให้กลับลงสมถ จนหยุด ค่อยวิปัสสนาต่อ

อืม การเอา heavy metal ยัดหู แล้วพิจารณาสรรพสิ่งไปด้วย ก็สร้างความบันเทิงได้ไม่เลว ช่วยได้นะครับ สำหรับคนที่ฟุ้งซ่านมากๆ

ไม่มีความคิดเห็น: