While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ว่าด้วยเรื่องของผีฝรั่ง

ตั้งแต่ที่น้องชายผมบอกให้ลองดู the conjuring และ annabelle ผมก็หามาดู แล้วติดใจสงสัยว่า หนังผีมันมีอะไร คนที่ชอบดู เขาชอบอะไร เลยไปหาหนังผีฝรั่งมาอีกเป็น 10 เรื่อง จากนั้นก็มาอ่านๆๆ ในเนท จากเคสที่เขาว่าเกิดขึ้นจริงอีกหลายวัน สรุปคร่าวๆ ว่า
ผีฝรั่ง มักมีที่มาที่ไปชัดเจน มีวัตถุประสงค์เด่นๆ เช่น
1. ผีพยาบาท
2. ผีที่เคยเป็นคนที่ฝักใฝ่ในศาสตร์มืด
3. ลัทธิบูชาซาตาน
4. ปีศาจของแท้และดั้งเดิม (ย้อนไปยุคที่ถูกถีบลงมาจากสวรรค์หลังก่อกบฎโน่นเลย)
รูปแบบ
1. ผีที่สิงอยู่ตามสถานที่ ไม่เข้าไปในที่นั้น มันก็ไม่ทำอะไรเรา
2. สิงอยู่ตามวัตถุต่างๆ ก็จะติดอยู่กับวัตถุนั้น ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนมือไปอยู่กับใคร
3. สิงมนุษย์ อันนี้เป็นปีศาจแท้ๆ เสียส่วนใหญ่
วัตถุประสงค์หลัก
1. ผีพยาบาท มักจะล้างแค้นแล้วจบ ถ้าเป็นการล้างแค้นเพื่อตัวเอง แต่ถ้าทำเพื่อคนที่เกี่ยวข้องมักไม่จบ เช่น ลูกตัวเองถูกฆ่า ก็จะพยายามทำให้เด็กอื่นต้องตายด้วยเรื่อยๆ
2. กลุ่มผีที่เคยชั่วร้ายมาก่อน เคยฆ่าเพื่อความสุขในการเห็นคนอื่นทนทุกข์ ตายแล้วก็จะยังทำเหมือนเดิมกับเหยื่อที่หลงมาเข้าทาง มักเป็นอดีตฆาตกรโรคจิต พ่อมดแม่มดฝ่ายมืด (ฝ่ายสว่างจะเป็นพวกที่ใช้ยาสมุนไพรรักษาผู้คนในสมัยโบราณ หรือรู้ ในเรื่องที่วันนี้เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์พื้นฐาน)
3. พวกบูชาซาตาน มักมีความเชื่อเรื่องการขายวิญญาณเพื่อแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่าง และจะลามปามไปถึงการเอาวิญญาณคนอื่นไปให้ซาตานด้วย เหมือนเก็บแต้มเร็วๆ ทำนองนั้น
4. ปีศาจแท้ๆ ต้องการวิญญาณอย่างเดียว อันนี้เป็นความเชื่อแบบคริสต์กับศาสนาโบราณแถบยุโรป คงต้องการได้พรรคพวกเพิ่มขึ้นล่ะมัง
วิธีแก้
1. ทำให้เขาบรรลุวัตถุประสงค์ หรือช่วยให้เขาหลุดจากเรื่องที่เขาติดค้าง
2. ขังเขาไว้กับอะไรสักอย่าง ประมาณว่า สะกดวิญญาณ
3. ขับไล่ คุณลองนึกๆ ดูดีๆ จะเห็นว่า ทุกศาสนามีความเชื่อเรื่องการไล่ผี แม้แต่ศาสนาคริสต์
ตามความเชื่อของผมเอง ที่เป็นคาทอลิคแบบไม่เคร่งพิธีกรรม แต่เคร่งวิธีคิด ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า หากเราหันหลังให้พระเจ้า เราก็เปิดรับปีศาจ ตราบใดที่เราร้องหาพระเจ้า ภูติผีปีศาจจะไม่ยุ่งกับเรา ซึ่งปัจจุบัน ปีศาจค่อนข้างน่ากลัวกว่าในอดีต เพราะมันมักจะมาในรูปแบบของการล่อลวงให้คิด ให้เชื่อ ให้ทำ ในสิ่งผิด เมื่อทำบ่อยก็กลายเป็นชาชินจนไม่รู้สึกผิด และไปจบลงที่นรก ในขณะที่ศาสนาอื่น มีคติความเชื่อต่างกันออกไป เช่น ภพชาติ หรือหายไปเฉยๆ ... (ปีศาจยุคโบราณมักเป็นรูปแบบของการเข้าสิง ซึ่งผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าจริงหรือไม่ หรือแค่อาการทางประสาท ซึ่งดูเหมือนจะมีการทดสอบที่เข้มงวดร่วมด้วย ก่อนที่จะบอกได้ว่า มันบ้าหรือถูกผีสิงกันแน่)
สิ่งผิดที่ว่า โดยรวมก็เป็นเรื่องศีลธรรม คุณธรรม พื้นฐาน ทีนี้ นอกจากการสวดภาวนาทั่วไปแล้ว การฝึกสมาธิแบบพุทธก็ช่วยได้มาก ผมหมายถึงการจดจ่ออยู่กับลมหายใจอย่างเดียวน่ะครับ มันจะช่วยให้มีสติเร็วขึ้น เวลาที่เริ่มคิดไปในทางที่ไม่ค่อยดี ผมเคยรู้ว่าทางคริสต์เองก็มี แต่ผมไม่มีโอกาสศึกษา ส่วนเรื่องการใช้ถ้อยคำช่วยในการทำสมาธิ ถ้ายังไม่เคยเริ่ม ผมแนะนำว่าไม่ควรเริ่มแบบนั้น มันจะทำให้การฝึกช้าลง
สำหรับผู้ไม่มีศาสนา (Irreligion) พวกเขาสามารถอธิบายปรากฎการณ์ของพระเจ้า เทวดา ภูติผีปีศาจ จิตวิญญาณมนุษย์ ด้วยพฤติกรรมทางด้านจิตวิทยา การทำงานของสมอง กระบวนการคิด วิทยาศาสตร์ .. มันคงดี ถ้ามีคำตอบสำหรับทุกคำถาม ผู้คนคงไม่ต้องนับถือศาสนา
ในขณะเดียวกัน ผู้มีศาสนาก็ไม่ได้เชื่อตะพึดตะพือตามที่สอนๆ กันมาเหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกเขาพยายามใช้สิ่งที่ผู้ไม่มีศาสนาใช้ทั้งหมด มาเป็นองค์ประกอบในการทำความเข้าใจปรากฎการณ์ต่างๆ ด้วย ปัจจุบันวาติกันมีการให้การสนับสนุนการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์หลายด้าน .... เรื่องนี้ต่างจิตต่างใจ ศาสนาที่แตกต่างรวมถึงลัทธิใหญ่ๆ เช่น เต๋า ขงจื๊อ ให้ความคิดคล้ายคลึงในประเด็นหลัก แต่แตกต่างมากในเรื่องเล่าและรายละเอียด
เรื่องตลกส่วนตัวของผมคือ ผมไม่ชอบรออะไรนานๆ มันจึงทำให้เสียอรรถรสในการดูหนังผี ผมมักจะคิดว่า ทำไมกูต้องมานั่งรอให้มันเดินอ้อยอิ่งไปให้ผีหลอกวะ ซึ่งจุดนั้นเป็นการทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ร่วม คนที่ต้องการให้เกิดความกลัวขึ้นในใจไม่ควรข้ามมันไป แต่ผมมันแค่อยากรู้อยากเห็น ไม่ได้จะอยากกลัว เลยใช้เวลาในการดูหนังผีแต่ละเรื่องไม่มากนัก เพราะ forward ให้เร็วในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเสียมาก
ขอพูดถึงหนังผีเรื่องที่ผมรู้สึกว่าน่ากลัวสักหน่อย และผมดูแบบไม่ forward เพราะทำได้ดีจริงๆ
woman in black ภาค 1 - เรื่องราวค่อนข้างคลาสสิค เป็นผีคุณแม่ที่โดนพรากลูกไป กีดกัน กระทั่งการ์ดวันเกิดก็ส่งให้ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดราวปี 1883 พระเอกของเราโผล่เข้ามาไขปริศนาทีละเรื่อง ด้วยเรื่องราว บรรยากาศของบ้าน การเข้าถึงตัวบ้าน การโผล่ของผี สภาพแวดล้อม มันหลอนสุดๆ .. สุดท้ายพระเอกก็ช่วยให้ผีคุณแม่ได้พบผีคุณลูก ในตอนจบ ผีคุณแม่กลับมาทำให้พระเอกและลูกชายตาย แต่ก็ทำให้ครอบครัวของพระเอกได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง ตัวผมเองและคิดว่าทุกคนแหละ สุดท้ายก็ต้องการสิ่งนี้ การได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังพลัดพรากไปนานแสนนาน ผมจึงเข้าใจว่าผีคุณแม่ทำอย่างนั้นด้วยความขอบคุณ และมอบสิ่งที่ดีให้ เราเคยหาคำตอบกันไหมว่า ความตายน่ากลัวจริงหรือ มีอะไรที่ต้องกลัว
the conjuring - มีพื้นฐานมาจากคดีฆาตกรรมลูกตัวเอง 3 ศพ ในเวลาห่างกัน โดยคุณแม่ที่บูชาซาตาน ในหนังเรียกว่าแม่มด จากการรวบรวมข้อมูลของคนที่สนใจศึกษากรณีนี้อย่างจริงจัง พบว่า มีการตายที่ผิดธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่าในพื้นที่ของครอบครัวนี้ แต่สถานที่ถ่ายทำไม่ใช่สถานที่จริง และมันสวยมาก การสร้างบรรยากาศ หลอนแบบนุ่มนวล มีการขับไล่ผีตามความเชื่อของคาทอลิค (ในไทยผมไม่เคยรู้ว่ามีนะ) จัดเป็นหนังที่ควรพลาด
annabelle - เรื่องนี้เป็นผีที่สิงในตุ๊กตา โชคดีที่ผมไม่เคยชอบตุ๊กตาเลยแม้แต่ตัวเดียว .. ผีออกตัวแบบโฉ่งฉ่างมาก ถามว่าน่ากลัวไหม คนที่กลัวผีก็คงกลัวนะครับ แต่ผมตกใจมากกว่า อยู่ดีๆ มันก็วิ่งเข้าใส่แบบเนี้ย ยังงงอยู่เลยที่มันมายืนอยู่ โผล่มาจากไหนเนี่ย แม่งพุ่งใส่เฉยเลย น่าจะทำให้คนดูกรี๊ดได้ง่ายๆ เรื่องนี้น่าดูตรงที่มันทำให้เห็นว่า เรื่องอันตรายมากๆ เกิดจากความไม่ระมัดระวังเล็กๆ น้อยเท่านั้น เป็นเรื่องเผลอเรอที่ไม่ควรเกิด ผมโชคดีที่ไม่ต้องให้ผีช่วยสอนเรื่องพวกนี้ การเลี้ยงหมาช่วยได้มาก ในการต้องคอยระวังเรื่องความปลอดภัยให้พวกเขา ส่งผลให้ทั้งคนทั้งหมา หลายปีจึงจะได้แผลกันสักครั้ง
จบแล้วครับ คุณเลิกกลัวผีกันแล้วหรือยัง ความจริง ผีไม่ได้น่ากลัวเท่ากับความคิดของเราเองหรอกครับ เชื่อผมสิ.

ไม่มีความคิดเห็น: