While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บันทึกคนกับหมา July 2014 / Tue. 29 July, 2014


     Contents :
Happy Birthday, Bach
for my memory
เด็กดื้อๆ
บ้านร้างหลังถัดไป
เมื่อต้นไม้กลายเป็นลูกรัก
อาบน้ำ หมาใหญ่-หมาเล็ก
ตัดหญ้าตอน 5 ทุ่ม
นอนกับหมา
Happy Birthday, Bach : 22 July, 2014
วันนี้เป็นวันเกิดลูกชายที่เหลืออยู่คนเดียวของผม 11 ขวบแล้วครับ แต่เราก็ไม่ได้ฉลองอะไรกันเป็นพิเศษ เขากินได้แค่อาหารหมาเป็นหลัก และเกือบจะเป็นทั้งหมดที่ได้กิน นอกเหนือจากยาที่ห่อด้วยฟาร์มเฮาส์ .. ต้องห่อครับ มันมี 4 เม็ดครึ่งต่อมื้อ ตอนเช้ากับเย็น ห่อแล้วยัดเข้าไปแค่ครั้งเดียวจบ ผมจะได้ไม่ต้องเช็ดน้ำลายที่ท่วมมือหลายๆ รอบ
แต่ .. เขาก็มักจะนอนท่าหมอบอยู่ตรงทางออกจากห้อง มองตาปรอยตอนผมกินข้าว พอได้ยินเสียงรวบช้อนเขาก็จะผลุดลุกขึ้นมานั่งมองอย่างจดจ่อ ทำน้ำลายยืดๆ ด้วย  คนเป็นป๊าเลยต้องหาอะไรนิดๆ หน่อยๆ ให้บ้าง พอหายอยาก มันน้อยจริงๆ ครับ และต้องแน่ใจว่าไม่เป็นพิษกับบ๊าคแน่ๆ ด้วย .. ให้มากไม่ได้ ผมก็อยากให้เขาอยู่กับผมนานๆ หมาแก่ๆ เป็นโรคไต โรคหัวใจ บอบบางมากครับ ผิดนิดผิดหน่อย ก็คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย จะให้อะไรหมากิน ก็เสียเวลานิดหน่อยหาอ่านดูก่อนว่า หมากินอะไรไม่ได้บ้าง นะครับ
พักนี้ บ๊าคดูแข็งแรงสดชื่นดี  หลังจากท้องเสียมาเกือบ 10 วัน จนผมต้องกลั้นใจหยุด Baytril เพราะเกรงว่าไตจะพังเสียก่อน แล้วมันก็แปลก พอหยุดยา ก็หยุดถ่ายไปเช้านึง หลังจากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายเป็นปกติภายใน 3-4 วัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่ช่วงที่ท้องเสีย เขาก็ยังกินเอร็ดอร่อย อยากกินโน่นนี่ ผมเลยไม่เครียดเท่าไหร่
for my memory
ความจริง ผมไม่ได้เขียน diary มาเสียนาน เขียนบ้างก็คงดี .. เรื่องราวของเรากับคนที่เราผูกพัน อีก 10-20 ปี กลับมาอ่าน เราคงรู้สึกดีใจที่วันนี้เราเขียนมันไว้ ผมว่านะ (ในกรณีที่ ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่) ..
ผมว่าคนเรา มีเรื่องมากมายที่ไม่ได้อยากจำ แต่ก็มีบางเรื่องที่เราอยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีวันลืม .. ตอนอายุน้อยๆ ผมอยากจำทุกอย่าง เขียนไดอารี่ไว้เป็น 10 เล่ม วันดีคืนดีคงต้องเผาทิ้ง เผื่อตาย ใครมาเจอคงอายเขา ไอ้น้องชายเขาว่า ไม่มีใครมานั่งแกะลายมือมึงหรอก อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผมยังอ่านมันไม่ค่อยจะออก ..
เมื่อก่อน เวลาที่นึกอะไรได้บางส่วน ผมมักจะพยายามคิดถึงส่วนที่เหลือให้ออก .. พออายุมากขึ้น บ่อยครั้ง ผมมักจะปล่อยความคิดนั้นๆ ไป ลืมก็ดี ไม่ลืมก็ดี แต่บางเรื่องเราก็ไม่อยากให้เป็นไปตามยถากรรมจริงๆ ครับ
เด็กดื้อๆ
เท้าความถึงคราวก่อน ที่ไปโรงพยาบาลกันมา แล้วคุณหมอสั่งยาให้มาหยอดตา ราวทุก 6 ชั่วโมงก็ว่าได้ .. เขาจะตลกมากครับ พอเห็นผมหยิบขวดยากับทิชชู่ ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่เขาจะลุกหนีทันที วิ่งเหยาะๆ ไปมุดใต้บันไดบ้าง ใต้โต๊ะคอมบ้าง บางทีก็มุดเข้าไปใต้เตียงครึ่งตัว เป็นงานสิครับ ต้องลากตัวออกมา ถ้าอยู่ท่านั่งชันศอกก็จะง่ายหน่อย แต่บ๊าครู้เช่นกันว่ามันง่าย เขาเลยพยายามเอนตัวนอนลงไปข้างๆ .. กรณีนี้ ผมก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ค่อยๆ เขี่ยขี้ตาออกแล้วหยดของใหม่ลงไป จับพลิกแล้วทำอีกข้างอย่างเดียวกัน
การจับพลิก คือการบอกเขาว่า เอ้าพลิก พร้อมกับจับ 2 ขาหน้าช่วยเหวี่ยง เขาจะให้ความร่วมมือโดยเหวี่ยงครึ่งตัวหลังไปในทิศทางเดียวกัน ดีครับ แค่ต้องบอกให้รู้ตัวก่อน เพราะการจับขาหน้าเขา บางทีก็เพื่อลากเขาเข้าหา หลังจากที่เขาพยายามถีบตัวห่างออกไป .. ถ้ารีบๆ เช่นตอนเช้าหรือเที่ยง บางทีผมก็ขำไม่ออกเหมือนกันครับ แต่เขาก็จะอ้อนจนผมด่าไม่ลง โดยการเอาหัวถูๆ มือ แล้วแสดงทีท่าให้รู้ว่า ไม่ชอบเลยครับป๊า ไม่ทำได้ไม๊ .. ผมก็จะบอกเขาว่า ต้องใส่ลูก ป๊าก็ไม่ชอบ แต่ถ้าไม่ใส่เดี๋ยวมองป๊าไม่เห็นนะ เขาก็ทำท่ายอมรับได้ แต่คราวต่อไปก็ลุกหนีอีก ..
ตามฉลากและในเนท ocluvet ต้องใช้ติดต่อกัน 6-8 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย คิดว่าพอครบ 2 เดือน คงต้องไปฟัดกันที่โรงพยาบาลอีกรอบ ไม่รู้คุณหมอธนิกาจะกลับมาทำงานแล้วหรือยัง บอกตามตรงว่าผมมั่นใจคุณหมอท่านนี้มากกว่าท่านอื่นๆ .. ส่วนยาอีก 3 อย่างที่เหลือ คงต้องดูตามอาการ .. บางที ที่ผมมองดูเขา ผมก็สงสารเขานะ ต้องเจออะไรเยอะเลย แต่ตราบใดที่เขายังมีความสุข ผมก็ไม่มีวันยอมปล่อยเขาไปแน่ๆ
บ้านร้างหลังถัดไป
เมื่อวันอาทิตย์ ผมตั้งหลักเตรียมซักผ้า อาบน้ำให้บ๊าค ตั้งแต่ 8 โมงกว่า กะว่าเหมาะตอนไหนก็เอาวะ เพราะเราไม่ได้อยู่กันตามลำพัง และเจ้านี่ไม่เอาใคร ต้องระวังเป็นพิเศษ ความจริงเขาก็ไม่ใช่หมานิสัยแย่นะครับ กับตัวผม เขาขี้อ้อน น่ารักทีเดียว
แต่เนื่องจากไม่มีช่วงว่างของเวลาเหมาะๆ บ๊าคเลยต้องแกร่วรอไปก่อน .. ผมโดนคุณอา 2 ท่านชวนไปตัดกิ่งไม้บ้านคุณอาอีกคนใกล้ๆ นั่นแหละครับ ความที่คุณอาเจ้าของบ้านเสียไปแล้วหลายปี น้องๆ ทำงานกรุงเทพกันหมด ก็ให้แม่เขาไปอยู่ด้วย ซึ่งผมก็คิดว่าดีแล้ว .. บ้านที่ไม่มีคนอยู่ กลับมาเดือนละครั้ง ต้นไม้เลยโตกันตามประสา ร่มครึ้มเสียจนแทบจะระหัว
มะขามใหญ่หน้าบ้านแผ่กิ่งก้านกว้างใหญ่ ปลายกิ่งบางส่วนโน้มเกือบถึงดิน มะม่วงและชมพู่ก็แย่งกันขยายอาณาจักร ทั้งเบียด ทั้งพุ่งขึ้น จั๋งมีทั้งใบดีและใบแห้งกอใหญ่ กล้วยที่ปลูกไว้ชายคลองเป็นระยะๆ ก็คล้ายจะเป็นป่ากล้วย มีเถาวัลย์เถาใหญ่เกือบหัวแม่มือเลื้อยขึ้นต้นขี้เหล็ก ซึ่งขี้เหล็กเองก็มีต้นเล็กต้นน้อยงอกสูง 2-3 เมตรแล้ว เพิ่มมาหลายต้น
คือ ผมก็ชอบนะ มันร่มรื่นดี เดินไปดูๆ บ้านให้เขาบ้าง แต่ไม่มีเวลาทำให้เหมือนกัน ส่วนใหญ่เลยดูความเรียบร้อยทั่วไป กับตัดหญ้าบริเวณโรงรถไปจรดถนน (ก็ปาเข้าไป 2 เย็น-มืดแล้วครับ) และนี่คืองานที่คุณอาอีก 2 ท่านชวนทำบ่ายวันอาทิตย์ ถางป่า .. เราเริ่มงานกันราว 11.30 ท่านไปเล่นต้นโมกข์ชายคลองของผมก่อน มันสูง 2 เมตรกว่าแล้ว ท่านตัดครึ่ง ผมใจสลายเลยครับ แต่ก็ไม่อยากขัดใจ ท่านว่ามันสูงไป ดูรก .. ไปต่อที่ตะขบที่ผมเพิ่งไล่ชั้นล่างไป ไล่สูงขึ้นไปอีก ก็ดูโปร่งดีครับ โล่งเกินไป .. แล้วจะไปเล่นบุหงาส่าหรีต่อ คราวนี้ผมไม่ยอมครับ บอกเสียงแข็งว่า ไม่ได้ ลูกรัก ท่านก็ไม่ฝืนใจนะ แต่อาจรู้สึกว่าผมงี่เง่า มันเกะกะใหญ่โตเกินไปแล้ว ผมก็ตั้งใจจะแต่งกิ่งอยู่ครับ แต่ผมขอตัดแต่งเองแล้วกัน
เมื่อต้นไม้กลายเป็นลูกรัก
ผมมีบุหงาส่าหรี 3 ต้น ปลูกอยู่บนหลุมฝังศพลูกๆ ของผม 3 คน ผมจะเรียกชื่อแต่ละต้นด้วยชื่อของแต่ละคน เพราะเขาคือเนื้อเยื่อและน้ำหล่อเลี้ยง ผมถูกอยู่แล้ว ไม่ต้องถามใคร  อีกอย่าง ต้นไม้มีอารมณ์นะครับ ความใส่ใจของผู้ปลูก แม้แต่การพูดคุย มีผลต่อการเจริญเติบโตของเขา .. และผมจะหวงนะ ห้ามใครยุ่ง ผมจะแต่งกิ่งอะไรของผมเอง
เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ลูกแม็กซ์เกือบไม่รอด รากินรากบริเวณโคนต้น ใบร่วงไปเรื่อย ทีแรกผมคิดว่าผลัดใบ เฮ้ย ผลัดเกินเหตุไปแล้ว เกือบหมดต้น ผมเลยมานั่งอ่านๆ ในเนท ถามๆ แม่บ้านที่ทำงานด้วย เลยได้วิธีที่ชาวสวนยางเขาใช้ในการแก้ปัญหามาครับ ..
เดิมที ผมโกยดิน หญ้า สุมโคนไว้ ตั้งใจให้เก็บความชื้นหลังการรดน้ำ กลับกลายเป็นชื้นเกินไปจนรามาอาศัย .. ผมยังถามคุณอาว่า ตามวัด ตามโรงเรียนเขาปลูกกันไหม ท่านว่าไม่เคยเห็นเลยนะ ท่านก็ชอบ ว่ากลิ่นหอม ใบสวย ทรงสวย ผมคิดว่าที่เขาไม่ค่อยปลูกกัน อาจเพราะเป็นต้นไม้ที่บอบบาง ดูแลยาก ที่ผมเจอบ่อยๆ คือแมลงเจาะกิ่ง กินเนื้อไม้จนกิ่งหักลงมาเลยน่ะครับ มดก็ชอบ ราก็ชอบ เพลี้ยขาวอีกล่ะ แต่เพลี้ยขาวนี่เจอมดแดงเข้าไปก็หายหมดครับ มดแดงจะกินเพลี้ยเป็นอาหาร
สำหรับงานนี้ของผม วิธีการคือขุดรอบโคนให้ลึกจากพื้นราบราว 3-4 นิ้ว รัศมีราวฟุตครึ่งจากโคน อาจลึกกว่านี้ได้ ให้เห็นว่าเป็นปลวกหรือรากันแน่ ขุดไปเจอมดเล็กๆ เพียบเลยครับ กิ้งกือก็มี ไส้เดือนก็มี งานนี้บุญบาปช่วยไม่ได้แล้ว ไล่แล้วนะ ไปสิ (เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาห้ามพระขุดดิน) จากนั้นเอา S85 กับยากำจัดราที่ใช้ตามสวนผักน่ะครับผสมน้ำ ตามสัดส่วนที่เขาระบุ แล้วราดให้น้ำเจิ่งอยู่ในหลุมที่เราขุดเลยครับ มันจะค่อยๆ ซึมลงไปเอง ไม่ต้องกังวล .. ลูกแม็กซ์รากยังไม่ยุ่ย ไม่ผุ น่าจะพอมีหวัง ..
จากนั้น ผมก็ทำแบบเดียวกันให้คอฟฟี่และแคนดี้ด้วย หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูกแม็กซ์แตกยอดเล็กๆ ตามกิ่งแน่นไปหมด ผมดีใจที่สุดน่ะครับที่เขารอด .. 2 สัปดาห์ถัดมาก็ออกดอกเต็มต้น จนผีเสื้อนับสิบบินว่อนไปรอบต้นยามเช้า ผมมักจะแอบสูดหายใจแรงๆ ตอนพาบ๊าคไปเดินเล่นและขับถ่ายตอนเช้า .. ปัจจุบัน กลับมาแตกกิ่งใหญ่ๆ เต็มต้น จนต้องแต่งกิ่งบ้างแล้วครับ กิ่งมากเกินไป ต้นจะโทรมครับ เป็นต้นไม้ที่น่าทึ่งครับ พอเราตัดเขาจะแตกยอดอ่อนที่โคนใบ แล้วออกช่อดอกทันที เรียกว่าอั้นปุ๊ป แตกปั๊ปเลยครับ
ความจริงบุหงาส่าหรีเป็นไม้ยืนต้น ดอกมีกลิ่นหอมเย็นตอนกลางคืน ออกดอกตลอดปี แต่ตอนเช้าที่ยังไม่โดนแดด กลิ่นก็ยังมากอยู่ สดชื่นและสวยงามมากครับ .. ยามดึก ตี 1 ตี 2 ผมก็มักจะไปยืนใกล้ๆ สูดกลิ่นหอมหวานเข้าปอด อากาศบ้านนอก ยามดึกก็เหมือนยามเช้าแหละครับ ทำไมต้องดึก ก็เช้าๆ มันรีบนี่คุณ ไม่ค่อยมีเวลาดื่มด่ำกับอะไรมากนัก ขนาดกาแฟของผม ยังเป็นกาแฟดำชงใส่ตู้เย็นไว้ เช้ามายกซดให้ร่างกายมันรู้ว่ากินกาแฟแล้ว เท่านั้นแหละครับ ..
คุณอาเคยถามผมว่า ชอบดอกไม้สีขาวเหรอ เห็นมีแต่ไม้ดอกสีขาว ผมตอบท่านว่า ชอบไม้ยืนต้น กลิ่นหอมเย็น ซึ่งต้นไม้ลักษณะนี้ก็มักมีดอกสีขาว และไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ..  ไม้เลื้อยชนิดเดียวที่ผมชอบคือเล็บมือนาง อันนี้ก็น่าทึ่งครับ ดอกเขาจะสีขาวแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชมพู จนเป็นสีแดง หอมมากเช่นกันครับ
หมาตายแล้วก็ไม่ใช่ตายเลย ยังต้องดูแลกันอยู่ดีแหละครับ เพียงแต่น้อยกว่าตอนเขายังอยู่ คงเหมือนคนที่ตายไปแล้ว เราก็ไม่ได้ลืมว่าควรแบ่งเวลาใส่ใจเขาบ้าง เราไม่มีทางพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนหรอกว่าวิญญาณมีจริงไหม การจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่ได้สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ มันเป็นการระลึกถึงความผูกพันที่เคยมี เพราะเราเป็นคน มีจิตใจที่ไม่หยาบกระด้างจนเกินไปนัก เท่านั้นเอง
พอราวๆ เที่ยงกว่า ผมก็หาโอกาสเลี่ยงงานมาเอายาให้บ๊าคหลายรอบ รอบแรกให้ vetmedin + ocluvet, รอบ 2 ให้ cyclosporine, รอบ 3 ให้ genta eye, รอบ 4 ให้ tear naturale … คุณอาๆ ท่านคงว่าผมนี่มันอู้น่าดู เท่านั้นยังไม่พอ ความคิดจิตใจของผม มันอยู่แต่ว่า ต้องอาบน้ำให้บ๊าค พอราวๆ บ่ายโมง ผมก็บอกคุณอาว่า ผมขอถึง 4 โมงนะ จะไปอาบน้ำหมาต่อ ไม่รู้ท่านคิดอะไร แต่ท่านก็ว่าได้ๆ .. ความจริง เห็นหน้างานแล้วก็ตอบยากครับ ถ้าคนกำลังดีๆ คงใช้เวลาไม่มาก แต่ผมไม่ใช่ มันเป็นป่าย่อมๆ ไปแล้วด้วยสิ
อาบน้ำ หมาใหญ่-หมาเล็ก
ก็ลุยกันไปเรื่อยๆ ขนาดช่วยกัน 3 คนยังเหนื่อยแทบขาดใจ จะให้ผมไปทำคนเดียวคงไม่ไหว .. พอสัก 4 โมงคุณอาท่านก็ไล่ให้ไปอาบน้ำหมา เหลือจั๋งอีกกอ กับมะขามเล็กๆ อีก 2-3 ต้น ผมเดินกลับบ้าน 4 โมงเป๊ะ ไม่มีใครมีนาฬิกา ผมงงมากว่าคุณอาท่านประมาณเวลาถูกได้ยังไง .. ผมจัดการอาบน้ำให้ตัวเองก่อน เพราะเกรงว่าทั้งฝุ่นทั้งเหงื่อจะไปทำให้บ๊าคสกปรกไปด้วย จัดการตัวเองภายใน 5 นาที แล้วรีบไปกวาดบ้าน พาบ๊าคไปฉี่ แล้วฟอกแชมพู ล่ามทิ้งไว้ตรงที่อาบน้ำน่ะแหละ มันต้องหมักไว้ด้วยน่ะครับ เขาก็นั่งดูโน่นดูนี่ ส่วนป๊าวิ่งเข้าบ้านมาถูพื้น หาไม่ หมาสะอาดตัวชื้นๆ จะเลอะอีกครั้งด้วยพื้นที่มีฉี่แห้งบ้าง น้ำลายแห้งบ้าง ในขณะที่ทำก็คอยโผล่ดูว่าเขายังนั่งเฉยๆ ดีอยู่ไหม ผมรู้สึกตลกดี เวลาลมโชยๆ แล้วเขาเชิดหน้าดมกลิ่นลม เขาคงได้กลิ่นที่คนไม่มีทางสัมผัสได้ หมา จมูกดีจนน่าอิจฉา
จากนั้นก็ไปล้างตัว พอเดินไปหาบอกเขาว่า มา ล้างกันดีกว่า เขาจะทำท่าดีใจ รีบเดินมาตรงจุดที่จะล้างตัวทันที จากนั้นก็ใช้มือปาดน้ำตามขนออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอผมหันไปล้างขนออกจากมือ เขาก็วิ่งไปรอตรงที่แห้งๆ ผมก็เดินตามมา กางผ้าเช็ดตัวแล้วเรียก มา เช็ดตัว เขาก็จะหันมาหา นั่งเรียบร้อยให้เริ่มเช็ดหน้าตา หู ใต้คางลงไปถึงอก หลังคอ ลำตัวด้านล่าง ซอกขา แล้วไล่มาที่หลังกับด้านข้าง ต่อด้วยขา แล้วก็เท้ารวมถึงซอกนิ้วทั้งด้านบน ด้านล่าง ผมจะเช็ดขาหน้าก่อน พอเสร็จ เขาจะรู้แล้วหันหลังมาให้เช็ดเท้าหลัง พยายามถูๆ จนแห้งที่สุด โดยใช้ผ้าเช็ดตัวสลับทั้ง 2 ด้าน แล้วหวีผม หล่อเลยครับ
คุณอามาที่ครัวแล้ว ผมเลยไม่กล้าปล่อยให้วิ่งเข้าบ้านไปเอง กลัวเขาจะไปรบกวนคุณอา (กัดน่ะครับ) เลยเอาเข็มขัดสวมแล้ววิ่งตามเขามา ปกติ เวลาเช็ดตัว ผมจะเอาเข็มขัดออก เพราะช่วยให้เช็ดบริเวณคอได้สะดวกและแห้งกว่า เขาจะรู้ขั้นตอนดีครับ พอหวีผมเสร็จเขาก็จะกระโดดวิ่งเข้าไปที่ของตัวเอง แล้วรออยู่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เอาไม้กั้น บางทีผมก็จะทำความสะอาดหวี แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวของเขาน่ะแหละ เลือกตรงแห้งๆ ซึ่งไม่ค่อยมี เช็ดสายจูงกับเข็มขัดให้หมาดๆ แล้วค่อยเข้ามาเอาไม้กั้น เขาก็จะผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตรงปากประตู แต่ไม่ออกมา ดีครับ รู้ขอบเขตของตัวเอง ถ้าคนทุกคนรู้เรื่องนี้ ก็คงดี
มัน ... 5 โมงครึ่งแล้ว ผมกำลังจะหันไปหาผ้า หลังจากให้บ๊าคกินมื้อเย็นแล้ว พาไปขับถ่ายเรียบร้อย มืดก็ไม่ต้องกังวลแล้ว คุณอาท่านว่าจะไปตัดกล้วย ผมก็ตามไปกะว่าจะช่วยถือ ยาวครับ แล้วก็โน่น นั่น นี่ กว่าจะเสร็จเรื่อง 3 ทุ่ม ผมก็ไม่ไหวแล้วครับ ผมบอกบ๊าคว่า พรุ่งนี้ค่อยเช็ดหูได้มั๊ยลูก เขาก็ว่าไม่มีปัญหาป๊า .. แน่ล่ะ แค่บอกว่าเช็ดหูกันมั๊ย เขาก็ทำหูกระดิกด้วยความรู้สึกคันๆ แล้วลุกไปซ่อนทันทีในที่ๆ พอจะหาได้ จะลากมา ก็ทั้งหนัก ทั้งไกล ต้องใช้ขนมล่อทุกที
ด้วยความที่บ๊าคอยากกินขนมหมาหอมๆ เขาก็โดนผมหลอกจับเช็ดหูทุกครั้งแหละครับ พอผมเปิดกระปุก เขาก็จะผงกหัวมอง ผมก็จะวางที่พื้นใกล้ๆ ตัว เขารู้ครับ บางครั้งไม่ลุก ต้องเรียกหลายๆ ที บางทีต้องยื่นไปใกล้ๆ ให้ได้กลิ่นยั่วใจ พอเขาลุกมากินก็จับขาเขาไว้ แล้วบอกให้นั่ง ก็ไม่ง่ายหรอกครับ จะเดินหนี แต่ผมไม่ปล่อยมือ พักนึงก็ต้องยอมนั่ง ทีนี้ก็จับให้นอนเอาหัวพาดตัก เสร็จป๊าหล่ะ
ขนมหมา .. มันหอมจริงๆ นะ ผมยังอยากกินเลย ลองกัดดู กัดไม่เข้าครับ บิสกิตหมาของ sleeky น่ะ ผมเลยลองเลียๆ ดูแทน แล้วก็กังวล มันมีรสเค็มครับ ผมเลยให้วันละชิ้นเท่านั้น ตอนหลอกให้ลุกมาให้หวีผม คือนอนหวีมันก็ได้ แต่ไม่สะอาดเท่า .. ถ้าคุณหมอรู้ ต้องด่าผมยับแน่เลย คุณหมอบอกว่าให้กินอาหารหมาอย่างเดียว แต่ผมน่ะ มองว่ามันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาควรได้ เลยแอบๆ ให้ครับ
ตัดหญ้าตอน 5 ทุ่ม
มันเป็นวันจันทร์ที่ 21 .. เมื่อเช้า ผมตั้งใจว่าเย็นนี้ต้องตัดหญ้าตรงที่บ๊าควิ่งเล่นและทำธุระส่วนตัวสักที หน้าฝนหญ้าโตเร็วมากครับ 3-4 วันก็สูง 3-4 นิ้ว เท้าบ๊าคไม่ต้องเลอะดิน แต่ก็เปียกถึงหลังเท้า ถึงฝนไม่ตกก็จะมีน้ำค้างชุ่มๆ ยามเช้า .. ตอนเย็นกลับไป คุณน้าแวะมากินข้าวเย็น จะไปทำก็ใช่ที่ กินข้าวแล้วก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนเกือบ 3 ทุ่มท่านก็กลับ เอาล่ะ ได้เวลาเริ่มงานของผมแล้ว
ต้องเช็ดหูหมา วันนี้มีดิ้น ผมก็ขู่ว่าเดี๋ยวตีเลย ได้ผลแฮะ ไม่กล้าดิ้นมาก เช็ดหูเสร็จก็ดูเท้า ขนข้างใต้ยาวแล้ว เล็บก็เริ่มยาว ก็จับเล็มๆ ขนก่อน แล้วตัดเล็บ พ่น nanowound ปราบราที่ยังไม่หายสักที ผมซื้อแบบ 50 ml เดือนหนึ่งก็ใช้ 4-5 ขวด คิดว่าน่าจะไปเกือบหมื่นแล้วมั๊ง มันนานมากจนคิดว่า โกนขนมันทั้งตัวเลยดีไหม คือจุดที่เห็น พ่นไป มันก็ค่อยๆ หายครับ แต่มันก็มีไปโผล่ที่ใหม่อีก แชมพู malasab ผมก็ใช้ แต่ได้แค่อาทิตย์ละครั้ง แทนที่จะเป็นทุก 3 วัน เพราะมีครั้งหนึ่งช่วงแรกๆ ที่เขาเป็น ผมจับอาบน้ำกลางสัปดาห์ แต่ดันให้กินก่อน ไปอึเรียบร้อย เขาคงเหนื่อยเกินไป ฟุบลงไปเลยครับ ผมอาจต้องลองใหม่โดยจับอาบน้ำก่อนกินอาหาร
จบเรื่องบ๊าค ก็กวาดบ้าน หวีผม เอาชามกับถังน้ำของเขาไปล้าง ทุ่งหญ้าล่ะ 5 ทุ่มแล้ว .. มีไฟนี่หว่า กลัวอะไร ผมเดินไฟออกไปเมื่อปีที่แล้ว ใช้หลอดประหยัด 24 วัตต์ สูงจากพื้นราว 170 เซนต์ พอเห็นหัวงูตัวเล็กๆ ล่ะครับ มีประโยชน์มาก เพราะบ๊าคจะไม่ยอมฉี่บนพื้นปูน จะฉี่บนดินและหญ้าเท่านั้น นอกจากจะมีกลิ่นของหมาตัวอื่น เมื่อพื้นดินที่พ้นไปจากปูนชุ่มไปด้วยน้ำ นี่จึงเป็นทางออก จำได้ว่าใช้ไฟฉายอยู่หลายวัน เพราะเย็นมาก็มืดเร็ว ไม่รู้จะไปทำตอนไหน ยุงก็มากเกินทน ในที่สุดก็ต้องทนกับยุง ทำอยู่ 2 ชั่วโมงจึงสำเร็จ ที่ดีคือใช้ได้คุ้มจริงๆ
ไปตัดหญ้ากัน ดึกแล้วก็จริง แต่ความที่บริเวณนั้นเป็นบ้านนอก แต่ละบ้านไม่ได้อยู่ติดๆ กัน จึงไม่ต้องกลัวใครจะเอาอะไร
เขวี้ยงใส่ (เนื่องจากคงเขวี้ยงไม่ถึง) เสียงก็ไม่ได้ดังเต็มที่นัก เพราะใช้ความเร็วรอบเพียงครึ่งเดียว มันต้องใช้ฝีมือพอสมควรทีเดียวครับ คือพอเริ่มเชี่ยวชาญ ผมจะตัดหญ้าแบบถาก ปาดถึงหน้าดินเลยครับ คุณภาพงานเหมือนเอาจอบขยันถาก หญ้าจะขึ้นช้ากว่า แต่จุดนี้ต้องการสนามหญ้าที่มีความสูงราวครึ่งนิ้ว มันเลยเป็นงานละเอียด และช้า แต่ถึงอย่างไรก็เร็วกว่ากรรไกรมากครับ ปีที่แล้วผมใช้กรรไกร เหนื่อย เหงื่อท่วม และปวดขา แล้วต้องตัดทุก 3-4 วัน คิดดูเถอะว่า มันทรมานขนาดไหน
ด้วยความที่กลัวใบมีดของเครื่องตัดหญ้า เลยไม่กล้าซื้อเครื่องตัดหญ้ามาใช้ .. รู้น้อยเลยกลัวไปเอง (จงรู้ให้มากๆ จะได้ไม่ต้องกลัวอะไรที่ไร้เหตุผล) สรุปว่าใบมีดที่ให้มากับเครื่อง ยังอยู่ในซองเรียบร้อยดี ผมใช้กระปุกเอ็นครับ มีความปลอดภัยสูง และงานเนี๊ยบกว่า ซื้อเอ็นเหลี่ยมมาขดใหญ่ ก็จัดการได้จนถึงหญ้าขนแหละครับ เพียงแต่ใช้ความเร็วรอบสูงๆ และถ้าหญ้ามันสูงมากก็ตัดครึ่งก่อน ค่อยเก็บโคน .. ที่เจ็บใจ พนักงานที่ไทวัสดุแนะนำกระปุกเอ็นสีแดง ราคาราว 8 ร้อย ผมมาดูในเนท ใช้งานแบบเดียวกัน แต่คนละยี่ห้อ ราคาราว 4 ร้อย ผมก็พยายามหลอกตัวเองว่า ของมันคงดีกว่ากันมั๊ง คุณภาพ วัสดุ ความคงทน ผมคงไม่ได้ถูกแหกตาเอาค่าคอมหรอกน่า
ก่อนหน้านี้ ผมเคยจ้างเขามาตัดครั้งนึง งานหยาบมากครับ ไอ้ผมก็เป็นคนไม่ชอบจู้จี้ แค่บอกว่าให้ตัดตรงไหนบ้าง พอเสร็จงาน ไม่ประทับใจเอามากๆ แต่ก็ยังยอมรับได้ว่า จ้างเอา สะดวกดี พออีกครั้ง พวกให้นั่งรอครึ่งวัน แล้วไม่โทรบอก นั่งรอกันไป เขาเป็นคนงานที่วัด ว่างแค่วันอาทิตย์ ผมก็ว่างแค่วันอาทิตย์ ไม่สะดวกยังพอว่า ให้เสียเวลารอนี่ผมรับไม่ได้ อารมณ์เสียครับ โชคดีที่ก่อนหน้านั้นลองดูข้อมูลคร่าวๆ ในเนทมาแล้ว เลยตัดสินใจซื้อเครื่องตัดหญ้าเอง ทำเอง ถึงจะเหนื่อย แต่ก็ได้ความพอใจ .. ทำไมไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า มันก็สะดวกดี แต่สารพิษตกค้างล่ะ ละอองฟุ้งกระจายและกลิ่นที่หลงเหลือ เห็นบ้านอื่นๆ เขาฉีดกัน เร็วช้าหญ้ามันก็ขึ้นอยู่ดี ผมคิดว่ามันอันตรายเกินไป
กลับมาที่สนามหญ้าน้อยๆ ของลูกบ๊าค ผมแต่งกายเต็มยศเหมือนเวลาต้องลุยกับหญ้าขนและเศษหิน ทั้งๆ ที่รู้ว่าตรงนี้งานเบาและไม่มีก้อนหินแน่ๆ แต่ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าครับ ทีแรกคิดว่าทำบริเวณเดียว ก็ราวๆ 3x4 ตารางเมตร พอตัดเสร็จ มันเห็นสลัวๆ เลยไปต่อ ดินเปียกก็จริง แต่หญ้าที่ตัดก็ช่วยให้เดินต่อได้ไม่เลอะเทอะ ผมก็ตัดไปตลอดแนวชายคลองด้านขวา มีบานไม่รู้โรยป่า กับหญ้าอะไรไม่รู้ สูง 5-6 นิ้วเป็นแพกว้าง กวาดไปเรื่อยๆ ตัดง่ายครับ .. การตัดหญ้ามันสนุก เหวี่ยงไปมันก็ขาด ไม่เหมือนเอาจอบถาก กว่าจะได้สักตารางเมตร เป็นหมาหอบแดด ถ้าได้ลองจะประทับใจ .. อาบน้ำเข้าบ้านมาตอนเที่ยงคืนครึ่ง แม่เขาว่า เดี๋ยวเขาก็ด่าแม่เอาหรอก ผมคิดในใจ ถ้าแม่รับได้ก็โอเค แต่ไม่ได้พูดออกไปครับ เกรงว่าท่านจะบ่นยาวๆ
นอนกับหมา
เสร็จเรื่องก็เข้าวันที่ 22 แล้ว วันเกิดลูกบ๊าคพอดี เวลาผ่านไปเร็วนะ 11 ปีที่อยู่ร่วมกันมา เขาหยิ่งมากๆ ไม่เคยพูดกับผมแม้แต่คำเดียว .. ผมไม่อาจคาดเดาว่าเราจะเหลือเวลาอยู่ร่วมกันอีกมากเท่าไหร่ ผมแค่ตั้งใจว่าจะทำให้มันเป็นช่วงเวลาที่ดี .. ผมจำได้ว่า ลูกหมาคลอดตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า ออกมา 8 ตัว ตายไป 3 ไม่รู้บ๊าคออกมาตอนไหน เพิ่งเป็นพ่อคนครั้งแรก เลยมัวแต่ตื่นตระหนกจนไม่ได้จดไว้ว่าใครเป็นใคร โผล่ออกมาเวลาไหน ถือเสียว่า 22 แล้วกัน หยวนๆ นะลูก
พักนี้ ผมไม่ได้ปูที่นอนยางพาราให้เขา มันเป็นการพับครึ่งแล้วเอาผ้าหุ้มไว้ถาวร จากนั้นเอาผ้าปูที่นอนที่ซื้อมาเป็นเมตรๆ น่ะครับตัดพอดีด้านหนึ่ง เหลือชายไว้ราว 10 นิ้ว เพื่อปูด้านบนอีกชั้น ทับชายไว้ด้านล่าง แล้วใช้ผ้าปูที่นอนสำเร็จรูปขนาดเตียงเดี่ยวห่อรอบอีกที เอาเทปใสแปะไว้ไม่ให้หลุด เวลายกขึ้นยกลงจากเตียงของผม (ที่ไม่ได้ใช้นอนแล้วครับ กลายเป็นที่วางของ) ผมซักให้เขาอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้าทำแล้วพวกไม่นอน ผมก็ขี้เกียจเป็นนะ และมันเสียอารมณ์ว่ะ
ผมเลยชวนเขามานอนเสื่อด้วยกัน เป็นการปูเสื่อลงไปก่อนแล้วปูทับด้วยผ้านวม จากนั้นเอาผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ปูทับอีกที นอนด้วยกันอย่างนี้มา 2 อาทิตย์แล้ว นึกๆ ก็สงสาร แก่แล้วหลังก็ไม่ดี มานอนแบบนี้จะทรมานเปล่าๆ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าป๊าทำให้แล้วกัน .. ความจริงนอนอย่างนี้ก็อบอุ่นดีครับ ผมจะปูไว้ให้เขาก่อน เขาจะไปนอนตรงกลางเลย .. อ้าว แล้วป๊าจะนอนตรงไหนวะเนี่ย พอผมจะนอน ผมก็จะบอกเขาว่า ให้ป๊านอนด้วยนะ ขยับไปหน่อยสิ ไม่ขยับครับ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ผมก็จะค่อยๆ ดันตัวเขาไป มันกว้างราวเมตรครึ่ง ผมมีที่ให้ตัวเองราว 1 ฟุตครึ่งก็ตกขอบ แต่เขาสบายดีแล้ว ผมก็ไม่อยากรบกวนมาก การได้นอนใกล้ๆ ได้ลูบตัวเขา กอดกันบ้าง อบอุ่นดีครับ.



ทำสวนกันครับ (พฤหัสบดีที่ 24 July 2014)
พักนี้ขยันมากครับ เมื่อวันอังคารตัดหญ้าริมถนน เพราะตั้งใจว่าจะตัดกิ่งมะม่วงที่ระสายไฟ ผมมองๆ ดูอย่างชั่งใจ ว่าจะเรียกไฟฟ้ามาตัดดีไหม แต่ดูท่ามันจะยุ่งยากวุ่นวาย กิ่งยังเล็ก แค่ปลายกิ่งยื่นไปใกล้นิดหน่อย น่าจะจัดการเองได้
เลยตัดหญ้า 1 เย็น วันถัดมาก็ตัดกิ่งมะม่วง พ่อเขามาช่วยขนทิ้งด้วย ลูกบ๊าคเรียนรู้แล้วว่า ถ้าป๊าเปลี่ยนเป็นชุดจับกังคือจะไปทำสวน เขาก็ไม่ได้โวยวาย แค่บอกว่าป๊าไปตัดหญ้านะ เขาก็จะ เออๆ ไปเหอะป๊า ตอนแรกๆ สิครับ กลับมาแล้วเปลี่ยนชุด เขาคิดว่าจะไปข้างนอก ร้องตามใหญ่โต ยิ่งกว่าแม่ผมอีกครับ ไปไหนไม่ได้ โวยน่าดู
วันนี้ ผมก็เตรียมจัดการกับบุหงาส่าหรี 3 ต้น ที่เล็งไว้หลายวันแล้ว ตัดไปอย่างพิถีพิถัน แต่ละกิ่งก้านสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อของลูกเราทั้งนั้น แต่มันรกมาจริงๆ ผมไล่ด้านล่างจนโปร่ง ให้เขาพุ่งขึ้นข้างบนแทน สูงเกือบถึงหลังคาบ้านแล้วครับ ตอนเก็บกิ่งไปทิ้ง ผมกอดกิ่งก้านไว้แน่น รู้สึกโหยหากับสัมผัสที่เคยมีต่อพวกเขา .. ชักเศร้าไปแล้ว จบเถอะเนอะ.

ไม่มีความคิดเห็น: