While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ที่มาของเนื้อและหนังสัตว์ .. the things, we need to think twice


คำเตือน คุณต้องใช้ความกล้าหาญในระดับสูงสุดที่คุณมี เพื่ออ่านและดูวีดีโอในบทความนี้ให้จบ .. 
link ในข้อความ มีไว้เผื่อว่าวีดีโอไม่ขึ้น คุณก็กดไปดูตาม link ได้นะครับ
เรา พึงพอใจกับรสชาติของอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ เพราะมันปรุงได้หลากหลาย ได้ทั้งความอร่อย ได้ทั้งรสนิยม
เรา พึงพอใจกับเครื่องหนัง เพราะมันนุ่ม หรูหรา ดูดี มีราคา
ก่อนที่มันจะสร้างความพึงพอใจให้เรา ผมว่ามันคงยุติธรรมดี ถ้าเราจะได้รู้ว่า มันมีที่มายังไง นี่อาจเป็น ความจริงที่ทำให้ไม่
สบายใจ แต่การที่เราไม่รับรู้ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น เราควรพอใจอย่างไม่รู้ชัดหรือรู้ให้ชัดเจนแล้วจึงพึงพอใจดี 
ผมอยากเชิญชวนคุณๆ ทุกท่าน ร่วมรับรู้ไปกับผม แล้วค่อยดูว่า คุณยังพึงพอใจกับสิ่งเหล่านี้รึเปล่า หากคุณยังพึงพอใจ ผม
ก็เคารพความคิดของคุณ
ความจริง ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกดีนักกับการเขียนเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา .. มันแค่ รู้ แล้วเลยต้องเขียน ให้คนที่ผ่านไปผ่านมา ได้รู้ด้วยกัน .. ผมจะเลิกกินเนื้อสัตว์เลยไหม ก็อาจไม่ แต่ผมคงกินมันน้อยลง ใส่ใจในคุณค่าของมันให้มากขึ้น เพราะมันเป็นอีกชีวิต ที่ผมไม่อยากหลอกตัวเองว่า เสียสละเพื่อเรา ผมว่าไม่ใช่ เพียงแต่มันเกิดขึ้น เป็นอยู่ และดำเนินไป ให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง ซึ่งแต่ละคน จะรู้ได้ก็ด้วยตัวเองนั่นแหละ

เรามาเริ่มกันกับ ชีวิตของไก่เนื้อ เป็นวีดีโอจากต่างประเทศ ความยาว 7-8 นาที แต่คุณไม่จำเป็นต้องฟังมันรู้เรื่องหรอก ดูภาพเอาก็พอจะเข้าใจ เมืองนอกกับบ้านเรามันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ไก่พวกนี้เกิดในฟาร์ม โตในฟาร์ม .. เรามาดูส่วนที่ยากกันดีกว่า .. เมื่อโตพอ พวกเขาจะจับใส่ลัง ส่งโรงฆ่าไก่ ขั้นต้น เอาขาไก่แขวนกับรางราวที่เคลื่อนที่ได้ ผ่านน้ำที่มีกระแสไฟฟ้าช๊อตให้ไก่สลบ ผ่านเครื่องเชือดคอไก่ ให้มันตาย ซึ่งบางทีมันยังไม่ตาย (คุณอาจคิดว่าเป็นแค่ reflect action หลังสมองตายแล้วก็ได้ ถ้าจะทำให้คุณสบายใจ) จะมีเพรชฆาตมือสองเชือดอีกที ไม่ใช่เมตตาครับ แค่จะให้เลือดไหลออกมา ได้เลือดไก่ จากนั้นผ่านเครื่องถอนขน ผ่านเครื่องตัดคอ ตัดขา ผ่าท้อง ออกมาเป็นชิ้นส่วนที่เราได้กินกัน .. เอาล่ะ เราเก่ง เราสร้างเครื่องจักรที่จะฆ่าได้ครั้งละมากๆ ในคราวเดียว กับคนก็คงเป็นปืนตระกูล M, chaingun, nuclear
ต่อกันที่เนื้อหมู ไปที่ โรงฆ่าหมู กันเลยครับ ที่นี่ค่อนข้างหรูหรา ดูสะอาด แต่ที่ๆ ดูไม่สะอาด วิธีการก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เริ่มจากการช็อตหัวหมูตัวที่ต้องการฆ่า ซึ่งมันยังไม่ตาย ยังดิ้นพราดๆ อยู่ จากนั้นเอาโซ่มัดขาข้างหนึ่งแขวนขึ้น แล้วแทงที่ต้นคอให้เลือดพุ่งออกมา มันเหมือนท่อประปาแตก เรารู้ว่าหมูยังรู้สึกตัว ยังเจ็บปวดอยู่ เพราะการดิ้นที่เห็น ตอบสนองกับพฤติกรรมในแต่ละขั้นตอนที่เราปฎิบัติต่อ และเราต้องการให้หัวใจยังสูบฉีดอย่างรุนแรง เพื่อให้เลือดพุ่งออกมาให้มากที่สุด คุณคิดว่าไง โหดร้ายไปไหม นั่นแหละเรา เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกระบวนการ .. จากนั้นเอาใส่เครื่องถอนขน ซึ่งลวกน้ำร้อนแล้วปั่นขนออก เอาขึ้นมาใช้มีดขูดขนที่เหลือออกอีกที คนพูดเขาว่า หนังหมูก็เหมือนหนังมนุษย์ อืม .. แล้วก็ผ่าท้อง เอาเครื่องในออกมา ชำแหละเป็นชิ้นส่วน ส่งขาย สุดท้ายมาอยู่ในจานเรา
อันนี้จะรวมเอาทั้งหมู ไก่ วัว มาให้คุณดู เริ่มกันตั้งแต่คลอดออกมาเลยทีเดียว มันคือ ชะตากรรมของอาหาร ที่เรากินเข้าไป .. ในฟาร์มปกติทั่วไป สัตว์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานจะถูกฆ่า ในวีดีโอนี้ เริ่มจากฟาร์มหมูก่อน ลูกหมูที่ไม่ผ่านการคัดเลือก จะถูกฆ่าโดย ซ๊อตหัวบ้าง ยิงหัวบ้าง ที่ดูโหดกว่า คือจับฟาดหัวกับพื้น พวกมันอาจโชคดีกว่าตัวที่ต้องอยู่ต่ออีก 6 เดือนในที่แคบแค่พอดีตัว แล้วโดนฆ่าอย่างโหดเหี้ยมกว่า
ฟาร์มไก่ไข่ จะคัดเลือกเอาเฉพาะลูกไก่ตัวเมีย ลูกไก่ตัวผู้จะถูกฆ่าโดยเอาใส่เครื่องปั่นทั้งเป็น หรือแค่ใส่ถุงดำใหญ่ๆ มัดปากถุงให้ขาดอากาศตายเอง หรือเอาไปเลี้ยงปลาแบบเป็นๆ อย่างในวีดีโอของคนไทยที่เราเห็นกันเมื่อหลายวันก่อน ที่ผู้เลี้ยงทำท่ามีความสุขเสียเหลือเกิน โอเค ผมก็รู้ว่ามันจำเป็นต้องทำลาย แต่เรามีวิธีการที่เมตตากว่านี้ไหม .. จากนั้นไก่ตัวเมียจะถูกตัดปลายปาก เพื่อไม่ให้จิกกันได้ในระหว่างเติบโต แล้วเลี้ยงในกรงขนาดพอดีตัว อยู่อย่างนั้นตลอดชีวิต ไม่มีที่ให้เดิน ไม่มีที่ให้ขยับปีก จนกว่าจะไม่สามารถผลิตไข่ได้ตามความต้องการ ก็ถูกฆ่าทิ้ง บางที่อาจเลี้ยงแบบมีสถานที่ให้เดินไปมาได้กว้างขวาง แต่มันก็จบแบบเดียวกัน
ไก่เนื้อ ก็ถูกเลี้ยงแบบเดียวกัน เมื่อโตก็ถูกจับส่งโรงฆ่า ดูวีดีโอเองเถอะครับ ผมเองก็งงๆ อยู่ว่า มันต้องผ่านกระบวนการที่โหดเหี้ยม รุนแรง ขนาดนั้นเลยหรือ
ในฟาร์มโค ลูกวัวจะถูกฆ่าด้วยการยิงหัว ถูกเชือดคอ ถูกแยกชิ้นส่วนออกมาเป็นเนื้อลูกวัวแสนอร่อยให้เรากิน วัวเนื้อจะถูกจำกัดพื้นที่แค่พอยืนได้ มีการตัดหางกันแบบสดๆ การขนย้ายไม่มีความเมตตาใดๆ การฆ่าก็เชือดคอกันสดๆ ปล่อยให้เลือดไหลออกมาแบบที่ทำกับหมู ให้รู้ตัวกันทุกวินาที เลือดไหลหมดแล้วก็ยังดิ้นอยู่ได้ คุณว่ามันโหดเหี้ยมไปไหม เมื่อตาย ก็เอาไปชำแหละ ออกมาเป็นเนื้อวัวให้เราได้กินกัน คุณชอบกินเนื้อวัวรึเปล่า
ปลาทะเล มาจากการลากอวนเสียส่วนใหญ่ การขนส่งก็อัดๆ กันมา ปล่อยให้ดิ้นรนจนตาย โลมาที่ติดอวนก็ถูกฆ่า อย่างที่เห็น ในขณะที่ปลาเลี้ยง ยิ่งแย่ยิ่งกว่า พวกมันถูกเลี้ยงในพื้นที่แออัด แต่ ด้วยความที่มันเป็นสัตว์เล็ก การตอบสนองน้อยกว่าสัตว์ใหญ่ เราจึงใส่ใจปฎิกิริยาตอบโต้น้อยกว่า ซึ่ง ถ้าว่ากันตามจริง มันก็มี 1 ชีวิตเหมือนๆ กับเรา
จะเห็นได้ว่า การฆ่าส่วนใหญ่ที่คนต้องการเห็น คือการฆ่าอย่างมีเมตตาที่สุด เช่น ใช้ไฟฟ้าช๊อตให้สลบแล้วค่อยเชือด ใช้ปืนลมยิงหัวแล้วเชือด เท่าที่ดูวีดีโอเหล่านั้นมาแล้ว คุณตัดสินใจเองแล้วกันว่าโอเคไหม ข่าวดีคือ ในเมืองไทยใช้วิธีเหล่านั้นราว 5 เปอร์เซนต์เท่านั้น นอกนั้นยังเป็นวิธีแบบเก่าอยู่ เช่น บิดคอไก่ให้ตาย จับฟาดให้คอหัก หรือเชือดคอตัดหลอดเลือดหลอดลมกันสดๆ หมูก็แทงคอกันทั้งๆ ที่หมูยังรู้ตัวดีอยู่ วัวใช้ฆ้อนปอนด์ทุบหน้าผากหรือทุบคอก่อนเชือด ซึ่งคนทำมักจะบอกว่า นี่เป็นวิธีการที่ทารุณน้อยที่สุดแล้ว คุณคิดว่าไง

ยังมีอีกเรื่อง ที่ผมอยากจะข้ามมันไป เพราะกระทบกระเทือนประเพณีการฆ่าทางศาสนาอิสลาม แต่ก็ทำใจให้ข้ามไปไม่ได้จริงๆ เพราะเราเห็นกันอยู่ว่าในท้องตลาด มีผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ของอิสลามมากมาย ที่ระบุว่าฆ่าด้วยวิธีการแบบฮาลาล มันสะอาด ปลอดภัย และเป็นการฆ่าแบบมีเมตตา ผมเคย รู้แค่นั้น และไม่ได้คิดอะไรต่อ จนถึงวันนี้ ที่ได้ดูวีดีโอนี้


นี่คือ การฆ่าแบบฮาลาล ซึ่งชาวอิสลามจะกินเนื้อสัตว์จากการฆ่าแบบนี้เท่านั้น (link นำไปสู่วีดีโออันเดียวกันแต่มีคำบรรยายภาษาอังกฤษ .. ดูมัน ดื่มด่ำกับมัน ถ้าคุณไหว) .. มันเป็นการเชือดแบบที่สัตว์ยังมีสติรับรู้ 100 เปอร์เซนต์ ไม่มีการทำให้สลบ ปล่อยให้ดิ้นพราด เลือดไหลไปเรื่อยๆ จนหมดตัว เป็นการทำให้ตายอย่างช้าๆ และน่าจะทรมาณกว่าทุกวิธีที่เราเห็นมาก่อนหน้านี้ .. ผมคงไม่มีวันเข้าใจความเชื่อของพวกเขา และเชื่อตัวเองว่าจะไม่มีวันกินเนื้อสัตว์ที่ผ่านการฆ่าแบบฮาลาลอีก อยากรู้ต่อแบบเคลียร์ๆ ไปตาม link นี้ เจาะลึกถึงฮาลาล จากบอร์ดพันธ์ทิพย์
มาต่อกันที่เรื่องหนังสัตว์ จากการรณรงค์กันมาหลาย 10 ปี มันก็ได้ผลพอสมควร ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่มองเห็นความโหดร้ายและน่ารังเกียจ ของการเอาขนสัตว์มาผลิตเสื้อผ้ากันมากขึ้น แต่มันยังไม่หมดไป จาก 3 วีดีโอแรก ผมเริ่มจะไปไม่เป็น แต่เขียนทั้งทีก็ให้มันครอบคลุมไปเลย เราจึงควรพูดถึงเรื่องนี้กันด้วย
เมื่อสัตว์มีขนและหนัง มันคือความงามของธรรมชาติ คือชีวิตที่โลดแล่นไปในโลกที่เราเห็นว่าสวยงาม เราจะเห็นสัตว์ที่ไร้ชีวิต ไร้ขนหนัง เติมเต็มความงามให้กับโลกได้ยังไง ผมคิดไม่ออก .. และเราเป็นคนเมื่อ 3-4 พันปีก่อนหรือ จึงจะหาผ้าที่ทอจากพืชหรือใยสังเคราะห์มาใส่ไม่ได้ ผมมองดูคนที่ใช้หนังสัตว์หรือขนสัตว์ประดับประดาตน พลางคิดถึงชาวป่าเมื่อหลายพันปีก่อน ใช้หนังสัตว์ปิดจู๋ เต้นกันโทงๆ กลางทุ่ง ประมาณนั้น .. แล้วคุณรู้สึกยังไงกับภาพเช่นนั้น มันช่างดูมีรสนิยมเสียเหลือเกินไหม
แรกเริ่มของยุคใหม่ มันเป็นการล่าสัตว์จากธรรมชาติ โดยใช้กับดัก  ผมแนะนำให้ดูวีดีโอ จาก link ตัวอักษรที่เป็นตัวเต็ม อาจจะยาวหน่อย ให้เลื่อนไปที่นาทีที่ 28 เป็นต้นไป คุณจะเห็นการดักสัตว์ด้วยกับดักตามสมัยนิยม ได้เห็นความทุรนทุรายก่อนตายของพวกมัน แล้วค่อยกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า เราต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ เราต้องการขน หนัง เขา ของพวกมันมาประดับร่างกายเรา ประดับบ้านเรา ด้วยการแลกกับสิ่งที่พวกมันต้องเผชิญ จริงรึเปล่า .. มาดูความแกร่งในใจของคุณกัน ว่าคุณสามารถดูมันให้จบโดยไม่ต้องร้องไห้ได้ไหม
ทุกวันนี้ เราก็ยังมีคนล่าสัตว์กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กับดัก การใช้อาวุธปืน ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นอีกแล้ว คนเหล่านั้น อาจเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน เป็นการแสดงความเก่งกล้า .. ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกได้ ว่ามันเก่งที่ตรงไหน มึงแน่จริง ลองล่าด้วยมือเปล่าสิ ไม่ต้องมีมีด มีปืน แล้วผมจะกราบนับถือ
ถัดมา จึงเป็นยุคของ ฟาร์มขนสัตว์ เป็นการเพาะพันธุ์ ให้เกิด เติบโต และตายในที่จำกัด อยู่ในกรงแคบๆ ที่เป็นลวด เดินบนลวดตาข่ายคมๆ นอนบนมัน เป็นแผล ดิ้นรนหาทางออก บ้างก็ตายอยู่ในนั้น ลูกสัตว์ขาหลุดร่วงลงในร่อง ช่วยตัวเองไม่ได้  .. ดูให้จบนะ คุณจะได้ตัดสินใจได้ว่า มันคุ้มค่าไหม เมื่อเปรียบเทียบกัน ระหว่างชีวิต กับสินค้าราคาแพง ที่ใส่แล้วก็ไม่ได้ทำให้คุณเป็นคนดีขึ้น แต่ดูแย่และน่ารังเกียจในสายตาของคนปกติ ที่มีคุณธรรมในระดับพื้นๆ
ผมว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป การล่าสัตว์หรือการมีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์มาประดับอยู่บนตัว อาจได้รับการยอมรับว่าโก้หรู เมื่อ 30 ปีก่อน หรือนานกว่านั้น ในวันนี้ หากเราเอาเรื่องพวกนี้มาอวด มันจะทำให้ผู้เห็น รู้สึกดูถูกทันทีกับความเป็นอนารยชนของคุณ
หนังจรเข้ เชิญชมวิธีการกัน อันนี้เป็นของในไทย ส่วน อันนี้เป็นของนอก ให้เห็นกันชัดๆ คุณยังปลื้มกับหนังจรเข้ของคุณอยู่ไหม
ในเมื่อวันนี้ เราสามารถผลิตเครื่องนุ่งห่มจากเส้นใยของพืช จากเส้นใยสังเคราะห์  เรามองย้อนกลับไปยุคหินที่มนุษย์ต้องห่อหุ้มร่างกายด้วยหนังสัตว์และเข้าใจความจำเป็นของพวกเขา เรา ในวันนี้ ต้องเบียดเบียนผิวหนังของสัตว์เพื่อความจำเป็นอะไรไหม เรารู้จากโบราณคดีว่าระดับศีลธรรมของโลกปัจจุบัน สูงกว่าสมัยโบราณโน่นมากๆ แล้วเราควรจะกลับไปคิดและรู้สึกในระดับศีลธรรมของยุคนั้นไหม
เรามีโปรตีนจากพืช ที่สามารถทดแทนเนื้อสัตว์ได้ เราช่างโชคดีที่มีอาหารให้เลือกกินมากมาย มีสมองอันสร้างสรรค์ คิดเรื่องกินให้หรูหรา หลากหลายได้สารพัด .. แล้วความจำเป็นอยู่ตรงไหน ย้อนกลับไปในยุคเริ่มแรกของอารยธรรมมนุษย์ เรากินเพราะความจำเป็นเท่านั้น วันนี้ เรากินเพื่อความสุข มันคงดี ถ้าความสุขของเรา ไม่ใช่ได้มาจากความทุกข์ทรมาณของสัตว์ต่างสายพันธุ์
คิดถึง ชีวิต .. อีกกี่ชีวิต ที่ต้องดิ้นรน ร้องโหยหวน เจ็บปวดจนขาดใจตาย พวกเขาพูดภาษาของเราไม่ได้ บอกเราไม่ได้ว่า ไว้ชีวิตฉันเถอะ ฉันก็รักชีวิตของฉันนะ ฉันก็มีลูก มีครอบครัวเหมือนคุณ .. พวกเขาต้องตาย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพึงพอใจของเรา (ไม่ใช่เพื่อความอยู่รอด เข้าใจตรงกันนะ มนุษย์) คุณว่ามันโอเคไหม คุณว่ามันแฟร์ดีแล้วหรือเปล่า เราได้รับสิทธิอันชอบธรรมที่จะทำกับชีวิตอื่นอย่างนั้นไหม ตั้งแต่เมื่อไหร่
ถ้าเป็นเราบ้างล่ะ ถ้ามันเป็นอย่าง
ยุคกรีกโบราณ อย่างเรื่อง 300 ที่มีพื้นฐานจากเรื่องจริง เด็กที่ไม่แข็งแรงต้องถูกฆ่า เพราะไม่คุ้มค่าที่จะเลี้ยงดู
ยุคมายา ที่มีการแหวกอก ควักหัวใจ ออกมาสังเวยเทพเจ้า ด้วยคนที่ไม่ใช่พวก เพื่อให้การเพาะปลูกอุดมสมบูรณ์
ยุคนาซี ที่ผู้มีอำนาจเลือกฆ่าเผ่าพันธุ์ที่ไม่ต้องการได้ตามความพอใจ เพราะคิดว่าชาติพันธุ์ของตัวเองดีที่สุด
วัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณ เอาคนแก่เฒ่าไปปล่อยป่า เพราะทำประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว และกลายเป็นภาระ
ถ้าวันหนึ่งข้างหน้า คุณถูกบอกว่า ได้โปรดเถอะ เสียสละชีวิตของคุณเพื่อให้มนุษยชาติได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ คุณว่า มันจะยุติธรรมดีแล้วรึเปล่า .. คุณแน่ใจไหมว่า เรื่องทำนองนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีกในโลกอันแสนสวยงาม น่าอยู่ ของคุณ
ถ้า .. วันนี้ เราคิดว่า มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะฆ่า ทำลาย โหดร้าย กับสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์ได้ .. วันนึงเราจะทำกับสปีชีส์เดียวกันเอง เพื่อความคุมปริมาณและคุณภาพ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนที่มีสิทธิอยู่ ได้เช่นกัน อย่างนั้นใช่ไหม
คุณอาจเกิดคำถามขึ้นในใจ แล้วจะให้กูกินอะไร จะกินอะไรก็กินไปเถอะครับ ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่า กว่ามันจะมาเป็นสิ่งที่เราเอาเข้าปากไป มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง เท่านั้นเอง.

ไม่มีความคิดเห็น: