While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เมื่อหมาใหญ่อยากเล่นหุ้น ต้องรู้อะไร

โปรดทำใจ ผมเขียนบทความมาราว 190 กว่าเรื่องแล้ว เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่ใช้คำพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผม มันจะถ่อย สถุล พวกคุณหนูๆ ไปไกลๆ ตีนเลย อารมณ์ประมาณนี้ .. เรื่องนี้ เขียนให้คนที่ไม่รู้อะไรเลย อ่าน มันเป็นแนวทางในการศึกษาต่อ ในกรณีที่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ผมเริ่มเบื่อชีวิตที่ไร้จุดหมาย ไร้ความหวัง กูจะทำอะไรดี ที่มันเป็นชิ้นเป็นอันกว่าความสนใจสะเปะสะปะที่ผ่านมา หุ้นล่ะวะ ต่อให้เป็นง่อย ขอให้สมองยังอยู่ มือยังจิ้มได้ กูก็ยังหาตังค์ใช้ได้ อยากทำบุญทำทานก็ไม่ต้องมาคิดว่า เหี้ย กูอยากช่วย แต่ตังค์กูหมดแล้ว .. พูดกันจริงๆ อยากหาเรื่องทำแก้เซ็งน่ะครับ ไม่ได้ทำเพราะอยากรวย ผมไม่รู้จะรวยไปเพื่ออะไร (กลายเป็นหางาน แต่มันก็สนุกเกินกว่าจะถอย)
คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มหา download หนังสือที่เกี่ยวกับหุ้น ได้มาแล้วก็เริ่มดูคร่าวๆ เชี่ยแม่ม กูจะเริ่มตรงไหนดี เลยพักไว้ก่อน จนวันหนึ่งสถานการณ์มันบีบคั้น เออ ผมก็เว่อร์ไปงั้นแหละ คือมันเบื่อจัด กูต้องหาทางออกให้ตัวเองสักที โชคดีที่ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง เล่นหุ้นมา 20 กว่าปีละ เมื่อก่อนผมอคติกับหุ้นนะ เล่นเหี้ยไรกัน พาลหมั่นไส้มันไปด้วย สัสนี่ ชีวิตมันมีแต่หุ้นรึไงวะ วันนี้เข้าใจมันละ ห่า ผมแม่งถึงกับเก็บไปฝัน ท่าจะหนักกว่ามันอีก อ่อ บอกไว้เลย ผมเพิ่งเริ่มเล่นหุ้นด้วยเงินจริงมาได้ไม่ถึงเดือน เริ่มศึกษาได้ไม่ถึง 2 เดือน ถ้ารู้สึกดูถูกกันก็เชิญออกไป แต่ผมเชื่อว่าแนวทางที่รู้มามันถูกต้อง แค่ต้องทำให้ได้ ศึกษาให้พอ แล้วกูจะรอด!
ผมมันโง่เหี้ยๆ จริงๆ ผมเรียนหนังสือแค่ผ่าน เกเร กินเหล้าเมายา ไม่รักดี แถมจนด้วย ทำงานโรงงานเงินเดือนนิดเดียว พ่อแม่ก็ไม่มีสมบัติให้ผลาญ แทบจะเป็นแค่ฝันถ้าคิดจะเล่นหุ้น แต่ มันไม่ได้ไกลเกินฝันขนาดนั้น ขอให้เริ่มเหอะ ไม่ต้องรอให้มันพร้อม ผมเคยคิดว่า ลองอ่านๆ แม่มไปก่อน มีเงินสักแสนค่อยเปิดพอร์ท แต่คุณรู้ปะ มี 5 พันก็เปิดพอร์ทได้ละ และควรเริ่มเล่นด้วยจำนวนเงินที่คุณคิดว่า มันจะกลายเป็นศูนย์ได้โดยไม่ทำให้เดือดร้อน ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ถ้าเสือกรอให้มีตังค์แสนนึงแล้วเปิดพอร์ทเล่น แม่มก็ได้เจ๊งหมดแสนนั่นแหละ ทำไม ถ้ายังอยากรู้ก็อ่านต่อไป
ผมเริ่มด้วยการถามไอ่เหี้ยนั่น หุ้นมึงเป็นไง เราคุยกันต่ออีก 4-5 ประโยค คือแม่มฉลาด มันประเมินความสนใจของผมว่าควรเสียเวลาด้วยไหม พอเห็นสนใจจริง มันก็จัด โดยแนะนำหนังสือ 5 เล่มแรกให้ไปหาอ่าน! .. เหี้ย กูตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่ผมก็เชื่อมัน จากความที่รู้ๆ อยู่ว่า แม่มมีประสบการณ์ยาวนาน แม่มไปเข้าอบรมเรียนรู้จริงจัง ยอมเสียตังค์แพงๆ เพื่อเอาความรู้ และมันทำเงินได้จริง แบบมีหลักการ ไม่ใช่แบบแทงหวยแล้วลุ้นเอา
จากวันนั้นผมเลยจะเรียกมันว่าอาจารย์ แต่มันไม่รับผมเป็นศิษย์ งั้นมึงเป็นสิดพี่ละกัน และแล้ว ผมก็มีสิดพี่รองอีกคน อิสิดพี่เลยกลายเป็นสิดพี่ใหญ่ไป ส่วนอิสิดพี่รองนี่ มันคือเพื่อนอีกคนที่เล่นหุ้นมาได้ปีกว่า โดยมีพี่ใหญ่คอยแนะนำ มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์มากกว่าผม ผมก็ต้องให้เกรียติมันใช่มะ ไอ่ 2 คนนี้ล่ะ ที่คอยแนะนำสั่งสอนผมอยู่ และพวกมันบอกผมว่า อย่าเชื่อกู จงเชื่อกราฟ พวกคุณท่องไว้เลยนะ อันนี้สำคัญ แต่ขอให้รู้ไว้เลยว่า คนแต่ละคนดูกราฟแล้ว คิดไม่เหมือนกัน! เพราะงั้นฝึกให้เชี่ยว แล้วเชื่อตัวมึงเอง จะให้ใครมานั่งบอกทุกวัน ว่าให้ซื้อตัวนั้นตัวนี้ ไม่เกรงใจเขาเรอะ เขาต้องดูแลพอร์ทของเขา เราก็ต้องดูแลเงินของเราเอง
หนังสือที่ต้องอ่านก่อนเพื่อน เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจนะ ผมอ่านแล้วมีผลทางบวกเลยเอามาเล่า แบ่งกันรู้เนอะ .. หนังสือพวกนี้มีขายในร้านซีเอ็ดออนไลน์ ง่ายกว่า เชื่อกู กูไปเดินหามาละ ได้มาแค่ 3 เล่ม กูเดินหาเหนื่อย สั่งผ่านเนททีเดียว คุณจะได้ครบทุกเล่ม ส่งตรงถึงบ้าน ไม่ต้องเสียเวลา เวลามันเป็นของมีค่านะ มันมีราคาด้วย คุณเคยคำนวนเล่นๆ ดูรึเปล่าว่า 1 นาทีของคุณเท่ากับกี่บาท เอามาหาความรู้ดีกว่า อย่าปล่อยให้เปล่าประโยชน์ เสียดายว่ะ .. เด็กโรงงานก็งี้ จะขายของราคาเท่าไหร่ ก็ต้องคำนวนเอาคร่าวๆ จากค่าวัตถุดิบ ค่าเครื่องจักร ค่าแรงพนักงานคิดเป็นนาที อันนี้เป็นสันดานที่ได้มาจากการทำงานน่ะ
อ่ะ หนังสือที่ว่า
เล่มที่ 1 - คลีนิคหุ้นมือใหม่ ของ ภาววิทย์ กลิ่นปทุม เป็นการวางแนวคิดที่ถูก ถ้าจะกระแดะใช้ภาษาอังกฤษเผื่อใครชินหูกว่า มันคือ mindset .. เห็นหล่อๆ เนี๊ยบๆ อย่างนั้น แม่มเกรียนพอตัวเลยนะ ผมว่าเป็นหนังสือที่ดีมาก ควรอ่าน ไม่ว่าคุณคิดจะเล่นหุ้นหรือไม่ก็ตาม พูดถึงแนวทางการดำเนินชีวิตให้มีความสุขและทำมาหาแดกได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้น อะไรก็ได้ หาให้เจอ สิ่งที่ทำเงินได้และมีความสุขที่ได้ทำมัน จากนั้นพูดถึงคนเล่นหุ้น จะมี 2 แนว ตามด้วยวิธีการศึกษาหุ้นอย่างย่อ คือ คุณอย่าหวังว่าอ่านหนังสือเล่มนึงแล้วแม่มจะทำให้เล่นหุ้นได้ตังค์ ฝันกลางวันละมึง ..
2 แนวที่ว่าคือ
1.1   นักเก็งกำไร จะพูดให้หรูก็เรียกพวกเทคนิคอล คือเล่นหุ้นเอากำไรระยะสั้น อีพวกเซียนๆ แม่มเล่นวันเดียวจบ มันมีวิธีการที่น่าจะทำได้จริง ก็มันทำกันได้นิ่หว่า ผมรู้ละว่าต้องทำไง สิดพี่มันสอนมาแล้ว แต่ยังทำไม่ได้ ยังรู้ไม่มากพอ ยังโง่ ยังเจ๊งรายวัน
คนกลุ่มนี้เน้นศึกษาเทคนิคอล เป็นการฝึกดูกราฟ ดูเส้นเหี้ยห่าสารพัดสัตว์ที่ปรากฏอยู่ในกราฟ - แท่งเทียน, EMA, MACD, RSI, ATR, Volumn … สิ่งเหล่านี้มีความหมายให้ตีความ สนุกสัสๆ ล่ะ แต่ก็ต้องดูพื้นฐานประกอบด้วยนะ โอกาสเสียตังค์จะได้น้อยลง ผมไม่สนไง ขี้เกียจไง เลยเสียเยอะ ผิดพลาดไม่ต้องโทษใคร จงโทษความโง่และการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องของตัวเอง ซึ่งมันสามารถพัฒนาได้ด้วยความขยัน เรียนรู้ อดทน ฝึกฝน เข้าใจตรงกันนะ
มีเรื่องขำๆ .. EMA อ่านว่า อีเอ็มเอ พี่รองผมเรียก อีหม่า! .. MACD เขาเรียกกันว่า แม็กดี พี่รองมันเรียก เอ็มเอสีดี! กวนตีนสัสๆ ละ มันน่าจะไปเป็นครูเนอะ เด็กคงฉลาด ชาติคงเจริญ .. แต่ดีอะ ผมว่ามันทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น
ที่ผมอ่านเจอมามีอยู่อย่างที่น่าคิด การเล่นหุ้นคือการเล่นกับความคิดของคนอื่นๆ ในตลาด ดังนั้น จงเรียนรู้สิ่งที่คนส่วนใหญ่เรียนรู้ให้แตกฉาน ให้คิด ว่าพวกเขาดูกราฟแล้วคิดยังไง คิดแบบเดียวกับพวกเขา อย่าเสือกไปศึกษาเรื่องยากๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ศึกษากัน มันจะสวนกระแส อย่าสวนกระแส มันจะเจ๊ง ..
แต่ หุ้นทุกตัวมีเจ้า และเจ้าแต่งกราฟเป็น แต่งราคาได้ ทำ bid-offer ให้เป็นอย่างที่เราเรียนมาได้ เจ้ารู้ว่าพวกเรามองหาอะไร มันก็จะทำให้เรางับเหยื่อเต็มปากแล้วกระตุกเบ็ด ดังนั้น เรื่องถัดมาคือ ต้องคิดแบบเจ้า เดาใจเจ้าให้ได้ ว่ามันคิดจะทำอะไร ขอให้สนุก .. ไม่ต้องมาถามผมว่า อย่างไร นั่นคือสิ่งที่รอให้ผมเรียนรู้อยู่เหมือนกัน
1.2   นักลงทุนระยะยาว เรียกกันสั้นๆ ว่า vi มันคือ value investor เป็นการซื้อหุ้นเก็บ แล้วรอให้มันโตสร้างกำไร โดยศึกษาจากพื้นฐานของบริษัท ดูค่า DE, P/E, P/BV, ROE, ROA โน่นนั่นนี่ เช็ดแม่ กูจำไม่ได้แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร (แต่ช่างแม่ม กูรักเดย์เทรด มันตื่นเต้นเร้าใจยิ่งนัก)
จากนั้นมาดูกราฟหาต้นเทรน ซื้อตอนที่อีเส้นห่าพวกนั้นบอกว่า แม่มจะขึ้นแน่ละ ซื้อแล้วก็ทิ้งไว้ ไปขายตอนกราฟมันบอกว่า กูขึ้นมาสุดแล้วนะ กูจะลงแล้วนะ ระหว่างนั้นก็แดกเงินปันผลไป คือ มึงต้องรวยอะนะ ถึงจะซื้อได้ในปริมาณที่สามารถเห็นผล
การเล่นแบบนี้จะมีความแน่นอนกว่าการเล่นสั้นเยอะ แต่คุณต้องจิตใจหนักแน่นพอ ซื้อปุ๊ป มันอาจลงปั๊ป หรือมีขึ้นมีย่อในขณะที่ดีดตัวในเทรนขาขึ้น ไปศึกษาทฤษฏีดาวกับเอลเลียตเวฟต่อนะ
มันมีอีกอย่างที่ต้องรู้ไว้ .. หุ้น มีวงจรชีวิตของมันทุกตัว คุณอาจเติบโตไปกับบริษัทนั้นๆ รับเงินปันผล เป็นเจ้าของคนหนึ่งของกิจการ ผมยกตัวอย่างนะ เช่น หลังจากคุณซื้อ สมมุติ 40 บาทต่อหุ้น มันอาจจะโตไป 300-400% ในระยะเวลาหนึ่ง แล้วมันจะกลับลงมาที่ 40 บาทอีกที ดีไม่ดีต่ำลงไปอีก .. ที่คนส่วนใหญ่ทำคือ ขายเมื่อมันอยู่จุดสูงสุด แล้วค่อยซื้ออีกทีเมื่อมันเริ่มวงจรขาขึ้นรอบใหม่ หรือขายเมื่อมันจะย่อ แล้วซื้อใหม่เมื่อมันลงจุดต่ำสุดของการย่อแล้วจะขึ้นแน่ๆ .. อันนี้ก็แล้วแต่สะดวก
สิ่งนี้ พี่รองผมเรียก ปลูกผัก! .. ถ้าผักโตเร็วก็ดีไป สบายอก สบายใจ ถ้าผักหนอนแดกหรือไม่โตสักที ก็อดทนเอานะ เงินน่ะมันยังอยู่ดี ไม่ขาย ไม่ขาดทุน เงินไม่หายไปไหน ตราบใดที่มันเป็นหุ้นพื้นฐานดีด้วยนะ ไม่ได้ใช้ได้กับทุกตัว .. ถ้าทนรวยไม่ไหวก็ cut loss แม่ม เอาเงินไปลงทุนกับผักโตเร็วแปลงใหม่ดีกว่าไหม
เล่มที่ 2 - Daytrade Hunter เครื่องจักรผลิตเงินสด โดย กระทรวง จารุศิระ หมอนี่เป็นเจ้าพ่อเดย์เทรด .. การเดย์เทรดมันดียังไง มันตื่นเต้นดีไง ได้ลุ้นกันมันส์สัสๆ มันหาเงินได้รายวันด้วย (ถ้าไม่เจ๊งนะ) คนเก่งๆ แม่มใช้เวลาไม่มาก อาจแค่ 5-10 นาทีก็ได้ตังค์ใช้ และดีกับคนที่มีตังค์น้อยๆ เพื่อขยายพอร์ทให้โตเร็วๆ หนังสือเล่มนี้จะสอนเทคนิคและวิธีการทำให้เงินงอกเงยในระยะเวลาสั้นๆ
แล้วต้องใช้เงินสักเท่าไหร่ล่ะ อย่างน้อย 5 พันไง จะได้เปิดพอร์ทได้ .. ผมพูดจริง เล่นมาแล้ว โดยใช้เงิน 2 พันกว่า ได้มา 2 ร้อย ในเวลาครึ่งชั่วโมง ถ้าใช้เงินมากกว่านี้ล่ะ ถ้าใจกล้ากว่านี้ล่ะ ถ้าเจ๊งล่ะ ก็แล้วแต่จะคิด แต่อะไรที่ตัดสินใจทำไปแล้ว อย่าไปนึกเสียใจทีหลัง ชีวิตต้องดำเนินไป อย่าเสียเวลามานั่งจมจ่อมกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และห้ามลืมที่จะเรียนรู้มัน
ส่วนไอ้ที่เสียไปเกือบ 2 พัน กูไม่พูดถึงละกัน กล้าและโง่ไปนิด เสือกจัดหนัก ไอ้ที่ติดดอยอยู่ 8-9 พัน กูก็ไม่พูด กูโง่อะ ดูกราฟไม่ผ่านแล้วเสือกซื้อ มั่นใจว่ามันจะขึ้น ในขณะที่คนเก่งๆ เขาจะซื้อเมื่อมันเริ่มขึ้นจะได้ไม่เสียเวลาเลี้ยงดูมัน .. ต้องรอ ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่ต้องคิดร่วมกับการ cut loss (ตัดขาดทุน) ด้วยนะ การจมเงินไว้ จะทำให้เสียโอกาสกับหุ้นตัวอื่นที่สามารถสร้างกำไรได้ทันที ซึ่งอาจมากกว่าเงินที่เสียไป ของผมยังไม่ถึงจุด cut loss รอไปก่อน ต้องอดทน .. 7 เดือนกูยังทนมาได้ โลกนี้ไม่มีเหี้ยอะไรที่กูจะทนไม่ได้อีกแล้ว
ต้องลองเองนะ แล้วจะรู้ การที่จะทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน มันอยู่ที่ใจและความสามารถในการรับความเสี่ยง ความกล้า การมีแผนรองรับ สำคัญที่สุดคือความรู้และการสั่งสมประสบการณ์ .. เชื่อกู กูเรียนมา (ขอยืมคำพูดพี่รองหน่อยนะ ผมชอบจัง)
เล่มที่ 3 - เวฟ 3X ด้วยคลื่นเอลเลียต โดย รี สึนามิ เล่มนี้จะสอนการดูกราฟ หาช่องทางทำกำไรด้วยทฤษฎีคลื่นเอลเลียตกับไฟโบแนชชี ซึ่งผมอ่านจบละ เกทสัก 10% .. เชี่ย แม่มยาก ซึ่งผมต้องเข้าใจให้มากกว่านี้ให้ได้ สิ่งนี้ช่วยให้ผู้คนราว 20% ที่เพ่นพ่านอยู่ในตลาดหุ้น ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ไปหาอ่านกันนะ
แล้วอีก 80% ที่เหลือล่ะ หมดตัวไง ถอยไง คุณอยากเป็น 1 ใน 20 หรือ 1 ใน 80 ก็อยู่ที่ความพยายามของตัวคุณเอง อย่าโทษตลาด ทำไมคนอื่นอยู่ได้ล่ะ คุณลองไปดูเหอะ คนเก่งๆ ตอนนี้ เคยเสียแทบหมดตัวกันมาทั้งนั้น แล้วเขาทำไงถึงยังอยู่ได้ มันต้องสู้ไม่ถอย ศึกษาในสิ่งที่ถูก แค่นั้นเอง แค่นั่นเองงงง !
เล่มที่ 4 - Chart Pattern มันคือการเรียนรู้รูปแบบของกราฟนั่นแหละครับ อันนี้ผมหาซื้อไม่ได้ แต่หา download ได้ แต่ยังไม่ได้อ่าน (ลองหาคำว่า 10 ชาร์ตแพทเทิร์นเพื่อการวิเคราะห์หุ้น ของ smart investor) จริงๆ แล้วผมได้หนังสือหุ้นมาจากพวกบิทเยอะมากๆ ลองหากันดูนะ (อย่าง tt-torrent, ufocool เงี้ย) ถ้าคุณเก่งภาษาอังกฤษ ก็เล่นของนอกแม่มเลย ท่าจะดีกว่า แต่ผมโง่ภาษาอังกฤษว่ะ ขอเริ่มจากภาษาไทยให้มันพอรู้เรื่องก่อนเหอะ ของพวกนี้นะ ถ้าควายอย่างผมหาได้ พวกคุณก็หาได้ เพียงแต่หนังสือตีพิมพ์มันน่าอ่านกว่าเยอะ ซึ่งก็ไม่จำเป็นเลย ขอให้แม่มอ่านได้ ให้ความรู้ได้ก็พอละ ขอบคุณ โลกแห่งการแบ่งปัน (กูโลกสวย เรื่องลิขสิทธิ์อะไรกูไม่สน กูไม่ใช่คนดี จบปะ)
เล่มที่ 5 - มหัศจรรย์แห่งเทคนิค โดย สนธิ อังสนากุล พูดถึงทฤษฎีดาว การดูแท่งเทียน การใช้เส้นห่าเหวต่างๆ คือรวบรวมการใช้เครื่องมือทางเทคนิคมาให้ศึกษากันน่ะ สิดพี่บอกว่า เล่มนี้อ่านง่ายสุดละ อ่านอันนี้ก่อน เดี๋ยวจะท้อ เข้าใจความหมายของมันนะ คือให้เริ่มจากเล่มนี้ แล้วต่อด้วยเล่มอื่นอีก ไม่ใช่เล่มนี้เล่มเดียวจบ! ... ผมเริ่มอ่านไปบ้างละ แต่ยังไม่จบ ง่ายพ่อมึงสิ แต่เอาเหอะ ยากของผม อาจง่ายของคุณก็ได้ จะยากจะง่ายผมก็ต้องเข้าใจมันอยู่ดี งานนี้ไม่มีถอดใจ สู้แม่มแค่หมดตัว หมดก็หามาใส่ใหม่ สู้แม่มใหม่ กูจะโง่ทุกวันก็ให้แม่มรู้ไป
มีอีกเล่มที่อ่านแล้วดีมาก อันนี้คุยๆ กะสิดพี่แล้วมันบอก ลองอ่านดู เรื่อง full time trader ของครูไก่ เป็นรูปแบบของ mindset และสอนวิธีการเล่น เล่าให้ฟังว่าถ้าคุณคิดจะออกจากงานมาเล่นหุ้นหาแดก สิ่งที่ต้องทำคืออะไรบ้าง ก็เอามาใช้ได้ประโยชน์ได้เยอะ ถึงเราไม่คิดจะเล่นฟูลไทม์
ในขณะที่อ่าน 5 เล่มแรกยังไม่จบ อิสิดพี่มันก็บอกว่า อ่าน 5 เล่มนี้จบ ให้ต่อด้วยอีก 5 เล่มดังต่อไปนี้ ... โอ่ะ!!!
1. กูรูหุ้นพันล้าน
2. เคล็ดวิชาปออันปัน
3. หุ้นซิ่ง
4. Technical Analysis
5. Volumn Analysis
หา download มาได้หมดแล้ว ยกเว้น Volumn Analysis ไม่มีขายด้วย อับจนหนทางคงต้องเอาของนอก แล้วใช้ภาษาอังกฤษแบบควายๆ ตีความเอา .. อันนี้ไม่มีรีวิว เพราะกูยังไม่ได้อ่าน พอดีสิดพี่เปลี่ยนแผน เพราะเห็นว่าคุยด้วยแล้วผมไม่ค่อยเกท อันนี้เรื่องจริงนะคุณ อ่านให้ตายห่า ถ้าไม่ลงเล่น มันจะไปได้ช้ามาก แต่ถ้าลองเล่นแล้วอ่าน คุณจะเข้าใจมันเร็วกว่าหลายเท่า
ถ้ายังกลัวเสียตังค์จัด กลัวเสียเซลฟ์ ยังมีตังค์ไม่ถึง 5 พัน ผมก็มีทางออกให้ .. ไปเล่น click2win ดิ ไปตามลิ้งค์นะ ลงทะเบียนให้เรียบร้อย แล้วล็อคอินเข้าไป คุณจะเจอโปรแกรม streaming ที่ทุกโบรคเกอร์ต้องมี ต่อให้มันมีโปรแกรมเทรดของตัวเองที่หรูหราขนาดไหน ยังมี software สำหรับมือถือ ชื่อ streaming for android  ของ settrade ถ้าใช้ ios ก็หาเอาเองละกัน กูไม่รู้ กูใช้อะซัส (ผมไม่เคยเทรดด้วยมือถือเลยนะ เหี้ย แม่มอึดอัด ดูยาก ขอคอมกูเหอะ)
Click2win มันเป็นเกมส์เสมือน คือ ราคา, ticker, bid ,offer ของหุ้น ทุกอย่างเหมือนกับที่เคลื่อนไหวอยู่ในตลาดจริง แต่คำสั่งซื้อขายของเราและผู้เล่นคนอื่นจะถูกนำไปเก็บในอีกฐานข้อมูลหนึ่ง แยกต่างหากจากตลาดที่เล่นจริงเจ็บจริง มีตังค์ปลอมให้เราเล่น 5 ล้าน ซึ่งผมเรียกมันว่า เงินกงเต็ก!  สัส เยอะชิบหาย แต่ผมลองเล่นด้วยเงินที่ผมคิดว่าจะใช้เล่นจริงๆ นะ เข้าไปครั้งแรกผมก็งงแดกครับ เหี้ยไรวะเนี่ย ก็ลองจิ้มๆ ใช้ๆ ไป เดี๋ยวก็รู้เรื่อง รึถ้าคุณเป็นพวกอ่านคู่มือแม่มทุกอย่าง(เด็กดีนะนั่น) มันก็มีคู่มือให้ศึกษา แล้วคุณจะเข้าใจสิ่งที่คุณอ่านมา มากขึ้น เร็วขึ้น
ที่นี้ยังไงต่อ พี่ใหญ่แม่มเปลี่ยนแผนให้ผม มันบอกว่า
นี่คือวิธีที่จะทำให้มึงเก่งเร็ว (เผื่อพวกคุณอยากลอง หรือจะเอาไปลองดูแล้ววัดผล ว่าทำได้ดีขึ้นไหม ผม print มาเสียบใส่สมุดโน๊ตด้านหุ้นของผมเลยนะ) .. โดย แบ่งเวลาเป็น 2 ช่วง
1. ศึกษา เพื่อหากินใน DW เอาแม่ทุกตัวที่ค่าย 13 ออก มาศึกษา หาเทรนชัวร์ เพื่อ put หรือ call แนะนำให้เลือกเอามาแค่ตัวเดียว เล่นกับเงิน 2 หมื่น โดยลงเพียง 1 หมื่น อีกหมื่นไว้เติมหรือแก้เกมส์
คือผมเปิดพอร์ทด้วยเงิน 2 หมื่นน่ะ .. DW จากค่าย 13 จะเอาหุ้นใน SET50 มาออก ความหมายคือ ให้เอาหุ้นทุกตัวใน SET50 มาศึกษานั่นแหละ ก็มีอยู่ 50 ตัว ขอให้สนุกนะ ..
ค่ายอื่นๆ คือโบรคเกอร์อื่นก็มีออก DW แต่เท่าที่เห็น ค่าย 13 กับ 01 ความคล่องค่อนข้างสูง เมื่อความคล่องสูง โอกาสที่เงินจะโดนแช่ทิ้งไว้ก็น้อยลง ถ้าคุณไปเล่นตัวที่ไม่มีใครเล่น คุณก็เล่นคนเดียวไง ราคามันไม่ขยับอะ .. เดี๋ยวผมจะเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับ DW ตามที่ผมเข้าใจให้ฟัง เล่นไปหลายตัวละ ก็ไม่เลว เล่นไม่ง่าย แต่ได้ตังค์เยอะดี ในขณะที่ลงทุนต่ำกว่าหุ้นแม่บานเลย คือ ผมไม่มีปัญญาเล่นหุ้นแม่ตัวแรงๆ น่ะ สัส แพง นี่คือทางออกของผม
2. ศึกษาเพื่อให้ชินกับตลาดทุกวัน ดูกราฟวันละ 20 ตัว จาก A-Z จดว่าหุ้นไหนเป็น watch list (ต้องเฝ้าดู) มีสิทธิพุ่งยาว หุ้นในตลาดหัก SET50 ที่ต้องดูในข้อ 1 ออกแล้ว ก็จะเหลือประมาณ 400 ตัว (แต่มันมีกลุ่ม MAI อีกนะมึง รวมๆ ทั้งหมดแล้วก็ 700 กว่าตัว) ถ้าดูกราฟวันละ 20 ตัว ก็ 20 วันดูได้ครบ จะรู้จักกราฟหุ้นทุกตัว (แล้วกูจะจำได้ยังไง เออ มันก็คงจะคุ้นๆ มั่งล่ะน่า) และเนื่องจากดูแค่วันละ 20 ตัว จึงควรรู้ด้วยว่า หุ้นนั้นทำอะไร กำไรหรือขาดทุน มีปันผลไหม
ศึกษาให้ชินตลาด มันคือการนั่งดูกระดานไฟ ดูความเคลื่อนไหวของ ticker ซื้อขาย ดูการไล่ราคาขึ้น การกดราคาลง ของ bid-offer ทำความเข้าใจว่ามันคืออะไร มีความหมายอะไร กำลังบอกอะไรเราอยู่ สร้างทิศทางราคาได้ไหม อย่างไร
ทั้งนี้จะต้องรู้จัก trendline, แนวรับ, แนวต้าน, การ stop loss, การหาเป้า (จากกรอบอดีต จากต้านเก่า จากไฟโบ จากกรอบราคา) และหาหุ้นที่จะขึ้นเวฟ 3
ทั้งหมดนี่ เราจะมีความรู้ในการลงทุน 10% ต่อมา เราต้องรู้จักการลงทุนประเภทอื่นๆ option, tfex, forex, commo พอมีเงิน เราต้องรู้จัก asset allocation และฝึกเทรดไป ด้วยเงิน 2 หมื่น ตั้งเป้า ทำกำไรวันละ 2% ต้องเทรดให้ได้เดือนนึงเกินหมื่น
เนี่ย การบ้านผม ... ลองนะ แล้วจะรู้ว่า เวลาแม่มโคตรมีค่า และโลกนี้ มีแต่กูกับกราฟ แต่ก่อนที่จะดูกราฟแล้วสนุก คุณต้องเข้าใจมันก่อนว่า ไอ่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในกราฟ มันบอกอะไร เดี๋ยวผมเล่าคร่าวๆ เป็นแนวทางให้คุณไปหาทางศึกษาเบื้องลึกต่อกันเอาเอง
มาพูดถึง DW กันก่อน ใครๆ ก็พูดกันว่า มือใหม่อย่าไปแตะ DW เล่นหุ้นแม่ให้ชำนาญก่อน ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ผมไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ผมเลยต้องแตะมัน .. เอาเป็นว่า ผมแตะไปหลายทีละ ไม่เห็นแม่มน่ากลัวเท่าไหร่ สิ่งที่เขากลัวกันคือ gearing ratio มันคืออัตราทดจากความเคลื่อนไหวของหุ้นแม่ ตรงนี้ล่ะที่สัดส่วนการได้เสียจะมากกว่าหุ้นแม่มัน คิดเป็นเปอร์เซนต์นะ สมมุติหุ้นแม่บวกเพิ่มไป 1% อี DW มี gearing ratio 4% เราก็จะได้จากมันที่ 4%
DW ย่อมาจาก derevative warrants มันคือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ จบทฤษฏี มาเข้าทุ่งกันดีกว่า มันออกโดยโบรคเกอร์ มีคนทำราคาเป็น robot คงเป็นซอฟแวร์สักตัวมั๊ง ราคาของมันจะแปรผันตรงกับหุ้นแม่ ดังนั้นถ้าจะเล่นมัน ต้องดูหุ้นแม่ให้ออกว่าขาขึ้นหรือขาลง ห้ามเล่นตัวที่เป็น sideway คือไอ่ที่เลี่ยๆ ลากๆ อยู่ ไม่รู้แม่มจะเอายังไงน่ะครับ
สิ่งถัดมาที่ต้องดูคือวันหมดอายุ วันนี้ผมฟังๆ เขาว่าอี DW นี่เพิ่งเกิดมาได้ 5 ปีเอง ช่วงแรกๆ ชื่อมันไม่บอกเหี้ยอะไรเลย ใครจะเล่น ต้องไปหาข้อมูลเอาเองว่า มันจะหมดอายุเมื่อไหร่ อ่อมันมีการเสื่อมค่าด้วยนะ เรียก time decay อย่าเสือกถือนาน เงินหาย นอกจากแน่ใจว่ากำไรมันจะมากกว่า อันนี้เอาชื่อ DW ไปค้นหาในเนทนะ มันจะมีตารางบอกราคาเป็นวันๆ ไป
เดี๋ยวนี้ ชื่อของมัน ให้ข้อมูลพอสมควร เช่น CHG01C1607A ที่ผมเพิ่งได้ตังค์มา 200 จากต้นทุน 2 พันกว่า กี่เปอร์เซนต์ล่ะ ราว 7-8% ในขณะที่ทั้งวันหุ้นแม่มัน เคลื่อนไหวอยู่ราว 2% และต้องใช้เงินเกือบหมื่นเพื่อให้ได้เพิ่มมา 200 อะลองมาแยกความหมายของมันกันดีกว่า
CHG  คือชื่อหุ้นแม่ที่อ้างอิง ถ้าหุ้นแม่มันยาวกว่านี้ เขาก็จะตัดเอามาแค่ 3 ตัวอักษรแรก เว้น SET50 ใช้ S50 เคลียร์นะ
01      คือหมายเลขค่าย คือโบรคเกอร์ที่คลอดมันมา ไปหาอ่านต่อกันเอง แต่ละค่ายจะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกัน
C       มันจะมี C กับ P ให้เลือกแค่ 2 ตัว ความหมายของมันคือ
            C = call  ถ้าแน่ใจว่าหุ้นแม่ขึ้น เลือก call ราคามันจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับหุ้นแม่
           
P = put   ถ้าแน่ใจว่าหุ้นแม่ลง เลือก put ราคาจะสวนทางกับหุ้นแม่ คือมันยิ่งลง เรายิ่งได้กำไร แบบนั้น
16      ตัวเลขนี้บอกปีที่มันหมดอายุเป็น ค.ศ. คือปี 2016
07      เดือนที่หมดอายุ
A       รหัสซีรีย์ ช่างแม่ม มันเป็นเรื่องของโบรคเกอร์ ไมใช่เรื่องของกู
ทีนี้คุณลองไปที่โปรแกรม streaming ข้างบนจะมีเมนู market, ticker, quota, portfolio ผมใช้แค่นี้แหละ 555 ถ้าคุณมีพอร์ทจริง เราสามารถจัดหน้าต่างเองได้ตามความพอใจนะ แรกๆ ยังไม่ต้องครับ เพราะเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะต้องดูอะไร พอเริ่มรู้ค่อยมาจัดการมันก็ได้ หน้าตาที่คุณเห็นนี่จึงอาจจะต่างกับที่คุณใช้อยู่นิดหน่อย อย่าไปซีเรียส คือมันสะดวกผมน่ะ ผมอยากเห็นแบบนี้
ไปดูที่ quota นะ พิมพ์ชื่อ DW ที่คุณสนใจลงไป มันจะขึ้นข้อมูลมาให้ มองหาคำว่า last trade มันคือวันสุดท้ายที่ยังเล่นได้ วันถัดไปก็หมดอายุ เงินจะกลายเป็น 0 !!! ดู gearing ratio ในช่องที่ 3 มันคืออัตราทดที่ผมพูดถึง นอกนั้นขี้เกียจเล่า ยาวไป เดี๋ยวไม่จบ ไปศึกษาต่อกันเองมั่งเหอะมึง
ข้อดีคือมันถูกสัสๆ ใช้เงินน้อย แต่ให้ผลตอบแทนสูง และอะไรก็ตามที่ให้ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงมันก็สูงไปด้วย ยังไง ผมจะยกตัวอย่างสักอันให้พอเห็นภาพ สมมุติหุ้น PTT ตัวแม่มัน 304 บาทต่อหุ้น ต้องซื้อขั้นต่ำครั้งละ 100 หุ้น ใช้เงินเท่าไหร่ละ 30400 บาท มันจะขึ้นลงทีละบาท (ไปหาตารางช่องราคาดูเพิ่มนะ มันไม่เท่ากันทุกช่วงราคาหรอก) ถ้ามันขึ้นบาทนึง เงินคุณจะกลายเป็น 30500 บาท ได้มาร้อยนึง ลองดูกราฟ intraday จะเห็นภาพว่าวันๆ ราคาเป็นยังไง เมื่อวันศุกร์ ราคาต่ำสุด 301 สูงสุด 305 ถ้าซื้อที่ 301 ขายที่ 305 คุณจะได้มา 400 ด้วยเงินลงทุน 30400 บาท นั่นมันยากเหี้ยๆ เลยนะ เพราะราคามันกระพือทั้งวัน ที่สำคัญ กูมีตังค์ในพอร์ทแค่ 2 หมื่น แล้วจะทำไงถ้ามันอยากจนตัวสั่น ก็ไปเล่นลูกสิครับ
ถ้าผมมั่นใจว่าแม่มขึ้นแน่ๆ ผมก็ไปหาตัวลูกที่เป็น call โอ้ มีบานเลย ก็ดูตัวที่มันมีการซื้อขายมากๆ หน่อย ไม่ใช่ Volumn ไม่กี่พัน จะได้ไม่ต้องเล่นคนเดียวนะ อะ ผมได้ PTT01C1609A มา ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1 บาท เอาแม่มสักหมื่นหุ้นละกัน กูมั่นใจ เคาะซื้อไป แล้วรอคนขายที่ 1 บาท เราก็จะได้ของ แต่ดู offer นะ แม่มตั้งขาย 1.01 จะอีกนานมั๊ยอะ อยากได้จนตัวสั่นพั่บๆ ละ งั้นเปลี่ยนราคาเป็น 1.01 (เขาเรียกกันว่าเคาะขวา อันนี้ผมก็งงอยู่นาน เคาะขวาคือไรวะ) เอาล่ะ ได้ของมาด้วยเงิน 10100 บาท พอราคามันขยับไป 1.02 เราก็ได้มาร้อยนึงอย่างนี้ ในขณะที่แม่มันต้องใช้เงิน 3 หมื่นในการสร้างกำไร 100 บาท ถ้าใช้เงินเท่ากันคือ 3 หมื่น เราจะซื้ออีนี่ได้ 3 หมื่นหุ้น ขึ้น 1 ช่อง ได้ 300 เป็นไง น่าสนกว่าไหม แต่อย่าลืม ลง 1 ช่องก็เสีย 300 นะครับ ดูตัวเอง ว่ารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน
อาจเห็นไม่ชัดเท่าตัวที่ราคาถูกมากๆ อย่าง 0.10 บาท สมมุติผมใช้เงินเท่ากัน 3 หมื่นบาท ผมก็จะซื้อได้ 3 แสนหุ้น พอมันขยับไปช่องนึง คือ 0.11 เราจะได้ 3 พัน แต่ถ้ามันลงไป 0.99 มันจะหายไป 3 พัน (ถ้าขาย) พอเข้าใจยัง ถ้ายัง ไปลอง เวลามันเขียว 3 พันหรือแดง 3 พัน มึงจะเกทเลย 555 เชื่อกู กูลองมาแล้ว ลุ้นขาดใจ
คำเตือน ที่สิดพี่ย้ำนักย้ำหนา
1. ห้ามไล่ราคาเด็ดขาด จงยอมรับความจริง เมื่อมองดูแล้วว่าไล่ไม่ทัน ก็ปล่อยมันไป ได้แต่มอง ดีกว่าไปติดอยู่บนดอย มันจะทำให้อึดอัดยิ่งกว่าขี้ไม่หมดซะอีก (เคยปะ ขี้ไม่ออก ยังไม่ทรมานเท่า ขี้ไม่หมด) จำไว้ว่า ตลาดหุ้นไม่ได้มีมันแค่ตัวเดียว ตัดใจซะ แล้วเริ่มต้นใหม่กับคนที่ใช่ วะ อ้วก
2. ห้ามใช้
ATO หรือ ATC เด็ดขาด เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าจะจับมาได้ที่ราคาเท่าไหร่ ลองนั่งดูตลาดนะ พวกกราฟด้วย คุณจะเห็นการเปิดกระโดด แล้วลงฮวบๆ แล้วแม่มไม่ขึ้นอีก ลองคิด ว่าถ้าเราอยู่ตรงที่มันกระโดด ถ้าจะขายก็ขาดทุนบานเลย จะทำยังไง ถ้าทำใจคัทลอสไม่ลง ก็นั่งชื่นชมกับบรรยากาศบนดอยไปละกัน ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีคนมารับ
ผมจบเรื่อง DW แค่นี้นะ คุณต้องไปศึกษาให้รู้มากกว่านี้ ค่อยเข้าไปลอง ด้วยรักและหวังดี .. พูดจริงๆ เจ๊งอย่ามาด่ากัน ด่าตัวเองไป
ทีนี้ไม่ว่าคุณจะเล่นหุ้นธรรมดาหรือ DW สิ่งที่ต้องเรียนรู้ก่อนอื่นเลย คือสิ่งเหล่านี้
1.      ดูกราฟมากๆ คุณจะเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่ผ่านมา แล้วคุณลองย้อนๆ ไป หากระดาษปิด คาดเดาว่ามันจะขึ้นหรือลง แล้วเปิดดูว่าที่คุณคิดมันถูกไหม เหตุผลในการคิดอย่างนั้น คืออะไร .. ดูไปครับ มันไม่มีทางลัดหรอก คนเก่งๆ ทุกคนต้องเริ่มจากสิ่งนี้ มันเป็นการศึกษาหาความน่าจะเป็น หุ้นดีกว่าหวยตรงมันมีที่มาที่ไป มีสถิติให้ดู ถ้าพลาดก็แค่เงินหายในระดับที่ตัวเองยอมรับได้ ไม่ใช่เงินสูญ .. ทีนี้ในกราฟมีอะไรบ้าง
2.      แท่งเทียน คือไอ่แท่งเขียวแดงตั้งๆ ที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่นั่นล่ะ มันมีความหมายนะ คร่าวๆ คือ บอกราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ของ time frame ที่คุณเลือกดู
ผมเปิดพอร์ทกับบัวหลวง ก็จะมีกราฟของ efinance ให้ใช้ฟรีตามภาพ อย่ามาถามว่าเซทยังไง นี่สิดพี่เซทให้ ก็ให้ user name + password เขาไป พี่แกก็เข้าไปจัดการ แล้วบอกผมว่า แค่นี้พอ กูใช้แค่นี้ เมื่อก่อนบ้าใช้อะไรเยอะแยะไม่ได้เรื่อง คือมันวัดจากประสิทธิผลในการเทรดของมันอะนะ แล้วทำไมผมจะไม่เชื่อมันล่ะ ประสบการณ์มันยาวนาน
คร่าวๆ อันนี้เป็นกราฟวัน เอาส่วนที่ทึบก่อนนะ แท่งสีเขียว ล่างสุดคือราคาเปิด บนสุดคือราคาปิด ส่วนไอ่แท่งสีแดง บนสุดคือราคาเปิด แต่แม่มเสือกปิดต่ำกว่าเปิด มันเลยแดงเถือกไปอย่างนั้น ส่วนหางของทั้ง 2 สี ส่วนล่างสุดคือราคาต่ำสุดของวัน ส่วนสูงสุดคือราคาสูงสุดของวัน .. มีอันที่เป็นเส้นแล้วมีขีดขวาง เรียกโดจิ นั่นคือราคาเปิดและปิดอยู่ที่เดิม แต่ในระหว่างวันราคาวิ่งขึ้นลงเป็นหางให้เราเห็น
สิ่งนี้จะบอกให้เราก็จะรู้ว่า วันๆ ราคามันขยับตัวมากน้อยแค่ไหน ถ้าดูกราฟเดือน แต่ละแท่งก็จะแทนการเคลื่อนไหวของราคาใน 1 เดือน ไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับความหมายของแท่งเทียน รูปแบบการเรียงตัวของแท่งเทียน มาอ่านต่อนะ ผมเหรอ มีแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่าน!
3.       เส้นค่าเฉลี่ย คือ EMA ผมมี 3 เส้น ตั้งไว้ที่ 5,13,89 ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า มันจะดี ถ้าแท่งเทียนอยู่เหนือทุกเส้น ผมรู้ว่าแต่ละเส้นมีความหมาย การตัดกันของเส้นก็มีความหมาย มี golden cross, death cross อะไรๆ .. ใช้ประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายให้ได้กำไร ทำให้โอกาสผิดพลาดน้อยลง โอเค เป็นเรื่องที่ผมต้องศึกษาเหมือนกัน มันจะได้ไม่เจ๊งรายวันอย่างที่เป็นอยู่
4.       MACD ผมไม่ได้ใช้อะ แต่ก็มีคนใช้เยอะเหมือนกัน รู้ไว้ก็ดีครับ
5.       เส้น zigzag มันก็บอกอะไรบางอย่างที่ผมยังไม่รู้ 55 ถ้าสิดพี่มาอ่าน แม่มคงกรี๊ดเนอะ (กูสอน กูเสียเวลา กูเหนื่อยนะ มึงต้องทุ่มเทให้มากกว่านี้ ต้องตั้งใจให้มากกว่านี้ นึกออกเลยว่ามันจะคิดยังไง .. แต่มันดีนะ กดดันพอสมควร ไม่มากจนท้อ เวลาพลาดมันก็ไม่ด่า แค่ถามว่าทำไม กูรอคำตอบ ซึ่งทำให้ผมละอายใจ แต่ต้องตอบ มันดีตรงที่นั่นเป็นการสอนให้เราหาเหตุผลให้เจอ ยอมรับมัน และเรียนรู้สิ่งที่เราผิดพลาด ถ้าไม่มีใครคอยถามคุณ คุณก็ต้องถามตัวเอง ฝึกไป ให้มันเป็นนิสัย ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวนะ แล้ววันนึง .. เราจะล้มเหลวน้อยลง 555)
6.       Volumn ดูลงมาช่องที่ 2 นะครับ มันจะบอกปริมาณการซื้อขาย เอาเป็นว่า ถ้ามันน้อยมากๆ อย่าไปยุ่ง เดี๋ยวต้องอยู่ตรงนั้นนานๆ ตามลำพัง .. ไปอ่านเรื่อง volumn analysis ต่อกันนะ ผมเล่าได้แค่นี้ เพราะยังไม่ได้อ่าน อีกที่ๆ จะดูได้คือ streaming ว่ามันกี่% เข้าไปแล้ว ถ้า 90% ก็ใกล้ปล่อยของกันละนะ ตอนเขาปล่อยของกัน ราคามันจะรูดลงเรื่อยๆ จนไม่ต้องร้องขอชีวิตกันเลย เพราะตายห่าก่อน!
7.       RSI จะบอกแนวโน้มในการซื้อขาย ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า มันวัดชัดๆ ที่ 30 กับ 70 น้อยกว่า 30 คือซื้อน้อยเกินไป มากกว่า 70 คือซื้อมากเกินไป อยู่ในช่วง 30-70 ปลอดภัยกว่า และเส้นควรเอียงขึ้น นี่ก็ต้องไปอ่านลงลึกให้มากกว่านี้ มันสำคัญพอตัว
8.       ATR จะบอกความผันผวนของราคา ถ้ามากก็ผันผวนมาก น้อยก็ผันผวนน้อย ใช้ดูการแกว่งตัวของราคาหุ้น (นี่กูกำปั้นทุบดินไปไหมวะ) ปกติเราก็ไม่ชอบคนแบบผีเข้าผีออกใช่มะ นี่สำคัญกว่า มันเงินกู
9.       แนวรับ แนวต้าน ถ้าจะกระแดะใช้ภาษาอังกฤษอีก ซึ่งก็ควรรู้นะ เพราะพวกนักวิเคราะห์เขาใช้กัน แนวรับคือ support ย่อด้วยตัว s ส่วนแนวต้านคือ resist ย่อด้วยตัว r .. อันนี้สำคัญมาก จำง่ายๆ ก่อน แนวรับคือจุดที่เราจะรับซื้อ แนวต้านคือจุดที่เราต้องขาย จริงๆ แล้วมันค่อนข้างละเอียดอ่อน ผมยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ รู้แต่ว่า จากกราฟ เราสามารถหาแนวรับแนวต้านได้ และเราควรแบ่งไม้ในการจัดการ
10.   แบ่งไม้ คุณจะได้ยินบ่อยๆ จากพวกเซียน ซึ่งผมโคตรงงเมื่อได้ยินแรกๆ เหี้ย อะไรคือไม้วะ .. ไม้ คือปริมาณการซื้อในหุ้นที่คุณคิดจะเล่น คุณต้องมีในใจใช่ไหม ว่าจะซื้อเท่าไหร่ สมมุติ กูจะเล่นสักหมื่นหุ้นกับอีนี่ นี่คือ 1 ไม้ของคุณ สิ่งที่ควรทำคือแบ่งไม้เข้า โค้ชบางคนจะเข้าแบบ 20%, 30%, 50% คือเข้าซื้อชุดแรกแล้วดูอาการ เมื่อแน่ใจก็เข้าอีก จะปลอดภัย อันนี้ไม่มีกฏตายตัว แล้วแต่การรับความเสี่ยงได้ของแต่ละคน ซึ่งผมต้องแก้ไข เข้าแม่มหมดทุกทีเลย ได้เป็นได้ เสียเป็นเสีย ไม่มีการเตรียมตัวแก้เกมส์ เล่นได้เหี้ยมาก แล้วถ้าพลาดจะทำยังไง มี 2 ทางให้เลือก ตัดขาดทุนกับซื้อถัว เท่าที่ผมรู้ตอนนี้นะ
11.   ตัดขาดทุนหรือ cut loss ความจริงอันนี้สำคัญมาก ก่อนที่จะซื้อทุกครั้ง คุณต้องกำหนดราคาซื้อ ราคาตัดขาดทุน และราคาขายให้พร้อมก่อน อย่ามั่ว เดี๋ยวจะเป็นอย่างผม จุด cut loss ควรอยู่ที่เท่าไหร่ คุณรับการสูญเสียได้เท่าไหร่ล่ะ ผมไม่ได้กวนตีนนะ ถ้าคุณเล่นไป 1 หมื่นบาท คุณคิดว่าชั้นยอมให้เงินหายได้ 500 พอมันลบไป 500 คุณก็ต้องขายละ ยอมขาดทุน มันอาจจะขึ้นอีก ก็ใช่ แล้วถ้ามันลงไปอีกล่ะ ไว้มันขึ้นค่อยซื้อใหม่ก็ได้ อย่าไปอยากเอาชนะ คุณต้องแพ้เป็น แล้วจะไม่เจ็บตัวมาก และสิ่งนี้จะช่วยให้คุณไม่หมดตัว หรือเสียมากจนกู้สถานการณ์คืนได้ยาก
12.   การซื้อถัว เอาเลขง่ายๆ นะ สมมุติว่า คุณตั้งใจจะซื้อหุ้นราคา 1 บาท 1 หมื่นหุ้น คุณแบ่งไม้เข้าครั้งแรก 4000 จุดคัทลอสคุณอยู่ที่ 0.95 พอมันลงมาถึง 0.95 คุณต้องคิดละว่าจะคัทลอสหรือซื้อถัว แล้วถ้ามันลงไปอีกล่ะ ถ้าคุณมั่นใจว่ามันไม่ลงอีกแน่แล้ว ดู bid-offer-ticker แล้วแม่มขึ้นแน่ๆ คุณไม่คัท คุณซื้อเพิ่ม แต่คุณคิดว่าราคามันจะขึ้นไปได้อีกเท่าไหร่ สมมุติ 0.98 คุณต้องซื้อเท่าไหร่ให้ได้เงินของคุณคืนมา 100% หรือซื้ออีกเท่าไหร่ให้ได้กำไรแม่มด้วย ในกรณีของ DW ถ้าคุณ call ไว้แล้วมันลง คุณอาจไปเล่นตัว put ที่ราคาสวนทางกับหุ้นแม่เพื่อเอากำไรคืน มันซับซ้อนเหี้ยๆ ผมมึนที่จะคิดคำนวนในเวลาสั้นๆ เลยไม่ทำไง มันคงง่ายถ้าคิดบ่อยๆ จนมันเป็นอัติโนมัติ เป็นเซนส์ ไปหาอ่านต่อนะ อย่าอ่านแค่นี้แล้วจบ มึงอาจตายได้
13.   ทำบันทึกการซื้อขายประจำวัน ซื้อเท่าไหร่ จุดคัทลอสเท่าไหร่ ขายไปเท่าไหร่ ที่คิดไว้ตอนแรก กับที่ทำลงไปจริง เหตุผลที่เข้าซื้อ เหตุผลที่ขาย เหตุผลที่เปลี่ยนแผน ทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง หาทางแก้ไข ไม่ทำซ้ำ มันจะช่วยพัฒนาการเทรดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าขี้เกียจนะ อันนี้สำคัญ ต้องทำ
14.   ศึกษาเรื่อง รูปแบบกราฟ (chart pattern) .. ยังไม่ได้ศึกษา รู้แต่ว่า กูต้องศึกษา
15.   Elliot Wave ควรรู้ ควรดูเป็น นับเวฟเป็น แล้วจะรุ่ง
16.   Fibonacci อันนี้ก็เช่นกัน อันนี้จะเกี่ยวเนื่องกับเอลเลียตเวฟแหละครับ
17.   Dow Theory ไปอ่านอันนี้เป็นอย่างแรก จะช่วยให้เข้าใจวงจรหุ้นได้ง่ายขึ้น จะได้รู้ว่า มันใช่เวลาของเรารึเปล่า
18.   Bid-offer .. bid คือราคาที่คนตั้งไว้ว่ากูจะซื้อราคาเนี้ย offer คือราคาที่คนมีหุ้นอยู่ในมือตั้งไว้ว่ากูจะขายราคานี้ ช่วยให้พอรู้ว่า ราคามันจะขึ้นหรือลง ถ้าคิดจะซื้อ น่าจะตั้งซื้อที่ราคาเท่าไหร่ ไอ่ที่เราทำการบ้านมาจะจับของได้ไหม หรือตอนนี้เสี่ยงไปแล้วหรือยัง .. แต่ ตัวเลขโวลุ่มมันเปลี่ยนกันได้นะ ใส่เข้าถอนออกหลอกคนได้
เช่น ถ้าผมเสนอซื้อมันสักแสนหุ้น ที่ 0.90 ที่ราคานี้มีโวลุ่มสัก 5 แสน แต่เห็นมีข้างล่างที่ 0.89 มีโวลุ่ม 1 ล้าน อ้าว เกิดมันลงไปอีก ผมเปลี่ยนใจ ไปแก้ใน คำสั่งซื้อที่ยังไม่
match เป็น 0.89 ไอ้ 5 แสนมันก็จะเหลือ 4 แสน สรุป อย่าไปเชื่อมันมาก ดูประกอบเป็นพอ แต่ควรไปหาอ่านวิธีการดู bid-offer ไว้บ้าง ถ้าเชี่ยวชาญก็หากินได้
19.   Ticker คือคำสั่งซื้อขายที่ match แล้ว อันนี้เชื่อได้ ขึ้น B ก็คือซื้อได้แล้ว ขึ้น S ก็ขายได้แล้ว ตามตัวอย่าง ถ้าตลาดเปิดอยู่ ไอ่ช่องดำๆ 4 ช่องนั่นจะมี ticker วิ่งให้ดู ด้านขวาจะเห็นกรวย จิ้มไปจะขึ้น ticker settings ให้เราตั้งกรองได้ (ถ้าไม่กรอง ดูไม่ทันหรอกครับ หลักร้อยหลักพันแม่มก็ขึ้น) ตรงช่องขาวๆ อันล่าง ใส่ตัวเลขไป ตามขนาดหุ้นที่คุณจะเล่น สมมุติผมจะเล่นตัวละ 0.50 บาท ก็ต้องสัก 5 แสน แต่สิดพี่ผมมันกรองล้านนึง ถ้าสนใจหุ้นใหญ่ คือตัวแพงๆ น่ะ ก็ลดตัวเลขลง ไม่งั้นมันไม่ขึ้นให้เห็น
ที่โผล่ตรงนี้จะเป็นการซื้อขายรวมๆ กัน ณ เวลาเดียวกันนะครับ (ส่วนอี
ticker ตรง quota ด้านล่าง ที่ข้างบนมันมีชื่อหุ้น จะแสดงเฉพาะการซื้อขายของหุ้นตัวนั้นๆ และไม่ต้องไปจิ้มใน ticker ที่วิ่งๆ อยู่เหมือนหน้า market มันไม่ลิงค์อะไร สนใจก็พิมพ์ใส่เอาเองนะ) ประโยชน์คือ เราจะได้รู้ว่าชาวบ้านเขาเล่นอะไรกัน พอสนใจก็ไปเปิดกราฟ ราคามันเป็นยังไง ตามทันไหม โวลุ่มมากจริงรึเปล่าถ้าเทียบกับตอนที่มันพีคๆ ประมาณนี้ ส่วนไอ่ 3 ขีดข้างๆ กรวย จะสลับเป็น 3 ช่อง แต่จะบอกเปอร์เซนต์ที่ขึ้นลงของราคาในวันด้วย
20.   ทีนี้มาว่ากันด้วยหุ้นปั่น มันคลาสสิค ถ้าคิดไม่ออกว่ามันเป็นไง ลองไปนั่งดูราคาอีแจสสักวัน แล้วคุณจะเข้าใจ หุ้นปั่นดีไหม ดีครับ ทำเงินได้เร็วดี ถ้าเข้าถูกจังหวะ แต่ผมพลาด ผมโง่ ผมจะไม่แตะต้องอีนี่อีก จนกว่าผมจะพร้อมกว่านี้ แม่มคาดเดาไม่ได้จริงๆ แต่พี่รองผมเคยชนะมันมาแล้วนะ แล้วเขาก็บอกผมว่า ไม่เก๋าอย่าไปยุ่ง ปล่อยให้มันเริงรื่นของมันไป แต่คุณคิดดูนะ ใครๆ ก็รู้ว่ามันปั่นเหี้ยๆ แต่ก็ยังกล้าเข้าไปเอี่ยว มีคนได้ มีคนเจ๊ง ผมจะเข้าไปอีกแน่นอน สักวัน
21.   หุ้นที่ไม่ปั่น อันนี้เล่าให้รู้ไว้ว่าไม่ควรคิดเก็งกำไรกับหุ้นพวกนี้ มันมีความเสถียร ผมชอบอะไรที่เสถียรแต่ชอบหุ้นปั่น .. หุ้นไม่ปั่นคือกลุ่มหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีกองทุนถืออยู่ มีจำนวนหุ้นหมุนเวียนเยอะ(free float) พวกเจ้าปั่นจะไม่เล่นเพราะอันตรายเกินไป ควบคุมไม่ได้ แถมอาจโดนถีบกลับ .. ลองดูตลาดบ่อยๆ ครับ เวลาเจ้าเข้า คุณจะเห็นเลย สนุกสนานมาก ลากกันกระพือ
22.   เจ้ามือ หรือคนทำราคา หรือ market maker เรื่องนี้มันยาวเกินกว่าจะเล่า ดังนั้น จงไปหาอ่านเพื่อให้รู้จักพวกเขาไว้ จะได้ไม่โดนหลอกกินตับ ก็ยากนะ แต่รู้ตัวเร็วก็ถอนตัวได้เร็ว ที่จะเสียมากก็จะได้เสียน้อยหน่อย .. คนพวกนี้เก่งกว่าที่เราจะคาดคิด เราเรียนรู้ เขาก็รู้ในสิ่งที่เรารู้ และรู้ว่าเราอยากเห็นอะไร จะทำยังไงให้เรากระโดดงับฟักร้อนๆ
23.   เสพสื่อ เช่น น้ำมันเป็นไง ทองเป็นไง ต่างๆ นาๆ จากข่าวรายวัน เวบไซต์ ช่องหุ้นโดยตรงก็มี พูดให้ชัดเจนไม่ได้ครับ เพราะผมยังไม่เริ่มเสพ พี่ใหญ่ผมดิแม่ม แดกสื่อวันเป็นตัน อ่ออย่าลืมอ่านบทวิเคราะห์ที่โบรคเกอร์ส่งให้ด้วย นั่นมีประโยชน์ กูก็ยังไม่เคยอ่าน ต้องเริ่มอ่านละ สงสารพี่ใหญ่ว่ะที่มีสิดอย่างผมเงี้ย
เอาล่ะน่าจะหมดแล้ว สำหรับเรื่องพื้นฐานที่ต้องเรียนรู้เมื่อเริ่มเล่น แค่นี้ก็ศึกษากันหัวแตกละ แต่อย่างที่บอก ไม่มีทางลัด ไม่มีสูตรลับ คุณต้องเริ่มด้วยความตั้งใจ เรียนรู้ ขยัน ฝึกฝน อดทน สร้างประสบการณ์ให้ตัวเองไปเรื่อยๆ ขอให้สู้เท่านั้น มันต้องสำเร็จ อย่าไปคิดถึงคนที่ยอมแพ้แล้วเดินออกไป จงคิดถึงคนที่ไม่ยอมแพ้แล้วเติบโตได้ในตลาดนี้ ขอให้คุณเป็น 1 ใน 20 ครับ ผมเองก็จะเป็น เรามาเริ่มไปด้วยกัน
ว่ากันไปไกล อาจตกม้าตายตั้งแต่ตอนแรก เรื่องการเปิดพอร์ทนี่แม่มทำให้ผมมึนมาก ผมก็คนขี้กังวลนะ ไม่อยากไปแสดงความโง่กับคนที่ไม่รู้จัก ไม่อยากเสียเวลาไปหลายรอบ เลยหาอ่านๆ เอาก่อน รายละเอียดที่หามาได้ก็ยังไม่ครบกับที่อยากรู้ ว่ากูต้องทำไง ต้องเตรียมอะไรบ้าง
เรามีโบรคเกอร์อยู่ราวๆ 40 เจ้า เป็นสื่อกลางในการซื้อขายของเรากับตลาด จะถามว่าไม่ผ่านพวกมันได้ไหม ไม่ได้ครับ เขาตกลงกันกับตลาดหลักทรัพย์อย่างนั้น ทีนี้คุณก็ดู ชอบเจ้าไหนหรือสะดวกเจ้าไหนก็เลือกเอา สิ่งที่ควรดูคือ
1.       มีค่าคอมขั้นต่ำไหม ไม่ควรมี ถ้าเราซื้อน้อยๆ วันละไม่เกิน 2 หมื่น เงิน 50 บาทมันก็เยอะนะ  แต่ถ้าเกิน 2 หมื่นเขาจะไม่คิด เพราะเปอร์เซนต์ที่ได้มันคุ้ม ถ้าจำจำนวนเงินไม่ผิดนะ บางที่ค่าคอมถูกกว่าจริงแต่เสือกมีขั้นต่ำ ก็เอาที่เหมาะกับคุณละกัน ไปดูใน settrade จะบอกว่าต้องทำไง เริ่มเล่นใหม่ จงเลือก cash balance นี่คือเราจะเล่นได้เท่าที่เรามีเงินในพอร์ท ปลอดภัย ใช้เงินอย่างน้อย 5 พันเพื่อเปิดบัญชีซื้อขาย ลงไปล่างๆ จะมีให้เลือกบริษัทหลักทรัพย์ อ่าว แม่ม มะก่อนมันบอกตรงนี้เลยนะ ค่าคอมขั้นต่ำมีไหม ค่าคอมเล่นเองผ่านเนทเท่าไหร่ ซื้อขายผ่านมาร์เกตติ้งเท่าไหร่ ลำบากหน่อยละคุณ ชอบอันไหนก็จิ้มไปดูรายละเอียดต่อนะ ถ้าหน้าเวบมันตอบคำถามเราไม่ได้ ก็โทรถามแม่มละกัน
2.       ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายกี่เปอร์เซนต์ ถ้าผ่านมาร์จะแพงกว่าเล่นเองนะ แล้วแต่คุณสะดวก
3.       สิ่งที่มีให้เราใช้ กราฟ เครื่องมือทางเทคนิค อะไรพวกนี้
ถ้าสมัครออนไลน์ เขาจะส่งเอกสารมาให้กรอก พร้อมกับบอกมาว่าต้องการหลักฐานอะไรบ้าง ของผมตอนแรก เห็น ASL ก็ติดต่อเข้าไป เขาก็ส่งเอกสารมาให้ ผมไม่กรอก เพราะกูงง เลยวางแม่มทิ้งไว้ก่อน มาคิดถึงบัวหลวง มันว่าออนไลน์ มีนัดมารับเอกสารที่กรอกเสร็จแล้ว มีบัญชีเงินเดือนอยู่ที่นี่ มี ibanking ที่โคตรจะสะดวก
ทีนี้มันมีเรื่องบัญชี ATS ไม่รู้แม่มคืออะไร ก็อ่านๆ มันไว้สำหรับโอนเงินเข้าออกจากพอร์ท หรือรับเงินปันผล อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับพอร์ทน่ะ จริงๆ ใช้บัญชีที่มีอยู่ก็ได้ แต่ถามๆ เขามา ได้คำตอบว่าควรแยกจากบัญชีใช้งานปกติ จะได้ไม่งง ผมก็กะเปิดบัญชีตะหากอีกบัญชี เลยเดินเข้าแบงค์
ที่ต้องเอาไปคือสมุดบัญชีที่มีอยู่ จำไม่ได้ว่าต้องอัพสมุดย้อนหลังด้วยปะ น่าจะนะ บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เห้ยไม่ต้อง ไม่ได้จะขอใบอนุญาติครอบครองอาวุธปืน มั่วละกู พอดีจะขอ เอกสารที่ต้องใช้มันคล้ายกัน ก็ให้มันเปิดบัญชีอีกอัน นั่งกรอกเอกสาร เอาเงินที่กะจะใส่พอร์ทเข้าบัญชีใหม่ที่จะใช้เป็น ATS แค่นี้
เออ พวกคุณมี internet banking กันอยู่รึเปล่า มีไว้ก็ดี สะดวกกว่ามาก ผมมีอยูแล้ว เมื่อก่อนซื้อยาให้หมาบ่อยๆ ต้องใช้ ถ้าของแบงค์กรุงเทพ 1 ibanking จะใช้กับบัญชีธรรมดาได้ 5 อัน ก็เข้าเวบมัน เพิ่มบัญชีเข้าไป แล้วก็ง่ายละ
จากนั้นรอให้มันอนุมัติเปิดพอร์ท ราวอาทิตย์นึง เขาจะแจ้งมาตามช่องทางที่เราบอกไว้ ก็เข้าไปเวบของโบรคเกอร์ เปลี่ยนพาสเวริด ตั้งรหัสพินที่จะใช้ในการซื้อขาย โอนเงินเข้าพอร์ทผ่านหน้าเวบเขา แล้วเราจะกลายเป็นแมงเม่าตัวใหม่ในตลาดหุ้น ขอให้สนุกกับมันครับ
อ่อ ASL จะว่าเขาก็ไม่ได้นะ ผมเสือกไม่ถามเอง คือผมก็เปิดพอร์ทกับเขาไปด้วย อันนี้ใส่ไปหมื่นนึง ค่าคอมเขาถูกจริงครับ แต่มีค่าคอมขั้นต่ำ 50 บาทต่อวัน ถ้าเล่นนะ ไม่เล่นเขาก็ไม่คิด
คำเตือนอีกที เงินที่จะเอามาเล่น ต้องเป็นเงินที่ไม่ใช้ ถ้าทำหายไปก็ไม่เป็นไร ถือเสียว่าซื้อความรู้ ห้ามใช้เงินกู้ยืมเด็ดขาด ความจริงมันไม่มีทางหายไปหมดหรอก ไม่มีใครยอมโง่ไปตลอดกาล มันเสี่ยงน้อยกว่าเล่นหวย 100 เท่า นี่มันมีสถิติให้ดู มีความน่าจะเป็นให้ศึกษา พลาดไปก็แค่ต้นทุนร่อยหรอ เติมได้ แต่สิดพี่ผมสั่งว่า ห้ามเติม มึงหากลับมาให้ได้ด้วยเงินที่เหลืออยู่ โหดชิบหาย แต่ถ้าคุณทำได้ คุณแน่ว่ะ ผมไม่แน่ ผมขออนุญาติเติมไปอีกหมื่นเพื่อลดความอึดอัด แต่ผมจะหาอี 2 พันนั้นกลับมาให้ได้ เมื่อไหร่? ก็เมื่อนั้น!
คุณไปดูเหอะ ทุกคนที่ยังอยู่ในตลาดได้ เคยเจ๊งหนักมาหมดแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ทำใจซะ แล้วใช้โอกาสจากความผิดพลาดเรียนรู้มัน ทุกคนที่เริ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน ล้วนมาเริ่มใหม่กันทั้งนั้น มันเป็นศาสตร์อีกแขนง ที่สนุกและน่าสนใจมากๆ พอศึกษามาสักพัก ผมก็รู้สึกว่า เรื่องหุ้นมันคอมมอนเซนส์นะ ทุกสิ่งที่ต้องใช้กับมัน นำมาใช้ในกับชีวิตประจำวันได้หมดเลย มันช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น เร็วขึ้น เด็ดขาดขึ้น มีเหตุมีผลมากขึ้น
ลองนั่งดูเงินของคุณติดลบแดงๆ เฮ้ยลบมากขึ้น มันต้องการให้ทำอะไรสักอย่างลงไป นั่นล่ะ และเมื่อคุณหลุดออกมาจากสถานการณ์อย่างนั้นได้ คุณจะเริ่มคิดว่า กูจะทำยังไงให้ไม่ต้องตกลงไปในกระทะน้ำมันเดือดๆ อีกครั้ง สิดพี่บอกผมว่า หุ้นไม่ใช่เมีย อย่าติดใจ ผมว่าจริงว่ะ อย่าไปหลงยึดมันไว้ พลาดก็พลาด ยังมีตัวอื่นให้เราลงทุนใหม่ เรียนรู้ใหม่ แพ้ให้เป็น ยอมเจ็บให้ได้ แต่อย่าให้เป็นแบบว่า ไม่รู้กูเจ็บเพราะอะไร
จงมีสติและใช้เหตุผล อย่าปล่อยให้ความอยากและความโลภเข้าครอบงำ มันจะทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาด.
ส่วนนี้เพิ่มเติมครับ นึกได้หลังเขียนจบแล้ว ไม่รู้จะเอาไปแทรกตรงไหน ต่อท้ายแม่มละกัน
คุณเล่น facebook กันรึเปล่า ผมเล่นทุกวันแหละ แต่ไม่บอกเฟสผมดีกว่า แม่มไร้สาระ ที่จะแนะนำคือ มันมีเพจที่เกี่ยวกับหุ้นโคตรเยอะ สอนการดูหุ้น สอนดูกราฟ ห่าเหวมากมาย คุณไปกดไลค์อีเพจพวกนั้นไว้นะ มันจะได้มาขึ้นฟีดเรา แล้วอ่านมันนะ เป็นการเสพสื่ออีกทางจากผู้มีประสบการณ์ อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ผมพูดกับสิดพี่ว่า เวลาไม่พอว่ะ มันบอกว่า เวลามึงกับกูเท่ากันนะ ปกติผมเป็นคนอ่านหนังสืออยู่พอสมควร แต่หุ้นเนี่ยแม่มเข้าใจยาก ทำให้อ่านช้า แถมมันเป็นยานอนหลับอย่างแรง ทางออกคืออ่านเร็วๆ อ่านผ่านๆ อย่าไปซีเรียส อ่านบ่อยๆ เดี๋ยวเข้าใจเอง หนังสือเล่มไหนอ่านแล้วยากชิบ ก็อ่านผ่านๆ แม่มไปก่อน ให้พอรู้ว่ามันมีอะไรบ้าง เดี๋ยวค่อยอ่านทวนใหม่ เอาให้รู้ให้ได้นะ ถ้าอยากจะอยู่ในตลาดให้ได้
ส่วน line มันก็มีกลุ่มที่เปิดให้เราขอเข้าฟรีได้ ไอ่ที่บอกหุ้นเก็บตังค์รายเดือนก็มี อย่าไปสนใจ ไม่รู้นะ ไอ่ที่บอกๆ กัน ผมไม่เชื่อว่ะ ไม่คิดว่าตัวเองควรเริ่มจากรูปแบบนั้น คุณก็ไปขอ add เข้าห้อง เดี๋ยวเขาก็รับ เช่น เล่นพื้นฐานอ่านเทคนิค, บันทึกการลงทุนโกคูส์, @NEWS, Bualuang Securities, Kru KAI, Deknaew Zecret, TISCOeResearch, It Trading, DW13, เทคนิค DW, Freedom trader, SET Trader ลองดูครับ แล้วก็ปิดเสียงเตือนด้วยนะ ไม่งั้นประสาทมันจะแดกเอา กรุ๊งกริ๊งแม่มทั้งวัน ของโบรคเกอร์ที่เราเปิดพอร์ทเขาก็มีห้องให้นะ ส่วนอีมาร์เกตติ้งประจำตัวเรา ก็แอดเบอร์มันไป มีอะไรถ้าไม่อยากโทรก็ไลน์ถามมันได้ เดี๋ยวมันก็ตอบ หน้าที่มัน ต้องดูแลเรา ไม่งั้นกูจะฟ้องเจ้านายมึง
เวบหุ้นออนไลน์ u-tube ก็ลองหาๆ ดูเอา บางที มีคนพูดให้ฟัง ก็เข้าใจง่ายกว่าอ่านเอง ถ้ามีเวลานะ หาเวลาเอาสิ เรามีเวลาเท่ากัน ! อย่าเอาคำว่าไม่เวลามาอ้าง ถ้าจริงจัง สนใจ มึงต้องหาเวลาได้ จัดเวลาใหม่ ทำให้มันมี
ทีนี้มาดูตลาด ผมเล่นเองนะ เรื่องอะไรกูจะต้องไปเสียค่าคอมมากขึ้นเพื่อใช้จ้างมาร์ (มาร์เกตติ้ง อีเจ้าหน้าที่ๆ ดูแลลูกค้าอย่างเราๆ) เพราะยังไงกูก็ดูหุ้นเองอยู่แล้ว ถ้ามันเก่งจริงจะมานั่งทำงานประจำทำเหี้ยย โทรหามันก็เสียค่าโทร เสียเวลาคุย คิดได้ดังนั้น เราก็จะเอา streaming เป็นสรณะ พร้อมคาถาบทใหม่เมื่อเจอสถานการณ์เลวร้าย นะโม คัท ซะ
จากรูป เมื่อเข้าโปรแกรมมา มันก็จะขึ้นหน้านี้ ตรง favourite จิ้มลูกศร 3 เหลี่ยม เราสามารถ add หุ้นตัวที่เราสนใจเป็นพิเศษ อยากจับตามองบ่อยๆ เอาไว้ได้ ลองจิ้มชื่อหุ้น มันจะมาแสดงข้อมูลข้างล่างอย่างที่เห็น
ที่ most active volumn ตรงนี้ตอนตลาดเปิดไฟจะกระพริบตรงนั้นตรงนี้ บอกว่ามันกำลังซื้อขายกันอยู่ ลองจิ้ม 3 เหลี่ยมลงมาดู ถ้าจะหาหุ้นเล่น ส่วนใหญ่เขาดู top gainer คือไอ่ที่ได้กำไรมากๆ ต่อวัน เรียงจากมากไปน้อย คิดเป็นเปอร์เซนต์ ลองเอาชื่อแม่มันไปไล่เปิดกราฟดู แล้วคิดตามว่าทำไม
ถ้ารักเดเถด (เดย์เทรดน่ะ พี่รองแม่มเรียกอย่างนี้) ไปหาโหลดหนังสือเรื่อง กลยุทธ์หุ้นเดย์เทรด ของ smart trader มานะ จะสอนวิธีการ แต่อย่าจบที่หนังสือแค่เล่มเดียวนะ เรื่องหุ้นนี่ มีให้ศึกษาไม่จบสิ้น เบื้องต้นเขาบอกว่า ไอ่ที่เกิน 5% ไปแล้ว อย่าไปตาม ดูที่น้อยกว่านั้น ยังพอตามทัน อันนี้ผมยังไม่ได้พิสูจน์ทฤษฏี คุณลองดิ แล้วมาเล่าให้ผมฟังหน่อยว่าจริงไหม .. top loser ก็ไปดูนะ เผื่ออยากจะ put อะไร หรือดูว่าทำไมมันลงได้ขนาดนั้น เวลาดูกราฟ ค้นหาคำตอบให้ตัวเองนะ มันไม่ใช่แค่ภาพสวยๆ ดูบ่อยๆ ดูมากๆ ก็สร้างประสบการณ์ให้เราดูแล้วเข้าใจได้เร็วขึ้น
แต่จากประสบการณ์ในการทำการบ้านของตัวเอง เอามาเล่นไม่ได้ ในขณะที่คนอื่นเขาเล่นได้ ทุกคนต้องทำการบ้านนะ ไม่ว่าจะเซียนขนาดไหน ผมคงทำไม่ถูกตรงไหนสักแห่ง ดีไม่ดีหลายแห่ง อาจจะตั้งราคารับซื้อต่ำไป เลยอดแดก ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ตอนมันวิ่งขึ้นๆ แล้วกูไม่กล้าตามแล้ว บางตัว วันถัดมามันไม่ค่อยเคลื่อนไหว ก็เล่นไม่ได้อีก ผมเลยไปจบที่ ticker ที่วิ่งๆ อยู่ในกระดาน ดูไอ่ที่มันมากๆ เปิดกราฟ ตามได้ ตามแม่ม .. คำเตือน อย่าเล่นตัวที่ไม่แน่ใจ เล่นไปแล้วลุ้นเอาว่ามันจะขึ้นหรือลง .. ผมโดนสิดพี่ใหญ่ด่า นี่มึงเล่นไฮโลรึไง ไปเข้าบ่อนง่ายกว่าไหม .. สลด น้ำตาจิไหล
ข้างบนผมขอปิดบังชื่อเสียงเรียงนามนิดนึงละกัน ไม่ได้อายนะ แต่กลัวจะเป็นการทำให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ที่เขาอุตส่าห์สั่งสมกันมาหลายชั่วคน .. มันก็จะมีหมายเลขบัญชีพอร์ทของเรา มี credit, line, cash แรกๆ งง มันคือเหี้ยไรวะ ก็ถามมาร์มัน เล่า คุณจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาถามใคร
Credit คือวงเงินสำหรับบัญชีเรา ไว้สำหรับการขยายพอร์ตหรือรับเงินปันผลอะไรอย่างนี้ ไม่สามารถเอามาใช้ได้ ที่ตอนแรกผมกลัวคือ กลัวจะใช้เกินเลยไปจากเงินที่ผมมีจริง ไม่ต้องการเป็นหนี้ใคร เคยเป็นหนี้คุณอาแสนนึงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เข็ดขยาด
Line คือจำนวนเงินที่ยังใช้ซื้อขายได้ ถ้าเราส่งคำสั่งซื้อไปแล้ว ถึงจะยังไม่ได้ของ ก็เหมือนวางเงินจองไว้ เอามาใช้ไม่ได้
Cash คือจำนวนเงินที่เราสามารถถอนออกจากพอร์ทได้ ใช้เวลา settlement 3 วัน ไปเปิดดิกเอาเอง กูเข้าใจ แต่แปลไม่เป็น เช่น คุณเพิ่งขายไป ได้เงินมา 3 พัน อี 3 พันนั้นจะมารวมในยอดนี้ให้ถอนได้ ในอีก 3 วันข้างหน้า แต่มันจะไปรวมกับยอดใน line ให้คุณซื้อต่อได้ทันที
ส่วนไอ่สิ่งที่คุณสั่งซื้อไป ถ้าเปลี่ยนใจเรื่องราคา ไม่ต้องยกเลิก บรรทัดแม่มจะมากจนงง แรกๆ กูทำงั้นอะ แล้วก็ลืมยกเลิกอันนึง กลายเป็นอีอันที่ลืมยกเลิก ทำให้ได้ตังค์ 555 .. อันนี้ ตอนตลาดเปิด มันจะมีปุ่มให้แก้ไขอยู่ข้างๆ ช่อง status สามารถเปลี่ยนราคากับโวลุ่มได้ทุกเมื่อ กี่ทีก็ได้ ถ้า match แล้วจบ cancel แล้วก็จบ อยากได้อีกก็สั่งใหม่เอาละกัน
สิ่งที่เราจับมาได้แล้ว จะมารวมตัวอยู่ใน portfolio นี่ นั่นคือสิ่งที่ผมเล่นเมื่อวันศุกร์ (ที่ผมพูดถึงวาเรนถูกๆไง 0.10 มันเป็นไง ก็ดูเอานะ) .. ความหมายของแต่ละช่องคือ
Symbol ชื่อหุ้นที่เราซื้อมา
Available volumn จำนวนหุ้นที่เราจะขายได้
Actual volumn จำนวนหุ้นที่เราซื้อมาได้ บางทีไม่ตรงกับที่สั่งซื้อนะ คือคนเขาก็สั่งๆ ซื้อเข้ามา จะได้ตามคิว บางทีถึงคิวเราของหมดก่อนได้ของครบ ราคาเปลี่ยนไป เราก็จะได้จำนวนเท่าที่เหลืออยู่ตอนนั้น ยึดตามราคาที่เราตั้งไว้เป็นหลัก
Average cost คือราคาที่เราซื้อ
Market price ราคาตลาด ณ เวลานั้นๆ ให้เราเอามาเทียบกับราคาซื้อ เพื่อตัดสินใจ จะเอาไงต่อ
Amount cost จำนวนเงินรวมที่เราต้องจ่าย รวมค่าคอม
Market value จำนวนเงินที่จะได้ ที่ราคาปัจจุบันของตลาด
Unrealized P/L ถ้า + จะเป็นสีเขียวให้ชื่นใจ, ถ้า ก็จะเป็นสีแดงให้หวั่นไหว ค่านี้ได้มาจากราคาตลาด-ราคาซื้อ คูณด้วยจำนวนหุ้นที่เรามีอยู่ในมือ
%Unrealized P/L ตรงนี้สำคัญกว่าจำนวนเงินอีกนะ จดไว้ เพราะพอสิ้นสุดการซื้อขายหุ้นตัวนั้น มันจะหายไป หรือจะมาลง excel เข้าสูตรง่ายๆ เป็นบันทึกการซื้อขายประจำวันก็ได้ ถ้าขี้เกียจก็มีให้โหลดในเนท ประมาณ daytrade journal ลองหาดู ของผมสิดพี่ส่งมาให้ ดีมากๆ ละเอียดดี .. แต่ กูงงว่ะ ขอตั้งสูตรใช้เองแบบง่ายๆ ละกัน
Realized P/L เมื่อจบการขายหุ้นตัวนั้น ได้เสียจะมาโผล่ตรงนี้ ด้วยตัวเลขสีแดงหรือเขียว หักค่าคอมแล้ว
ทั้งหมดนี่จะเคลียร์วันต่อวันตอนดึกๆ ยกเว้น order ที่ค้างอยู่ในมือ ดังนั้น บันทึกไว้นะ จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง อ่อ ความสำเร็จด้วย พี่ใหญ่บอกผมว่า อย่าเข้าซื้อด้วยเหตุผลเดียว ให้มีเหตุผลสนับสนุนสัก 2-3 อย่าง ผมบอกคุณด้วยแล้วกัน น่าจะเป็นประโยชน์
เอาล่ะ คงจบจริงๆ แล้ว ขอยืมคำพูดอาจารย์ไก่ที่เซนต์มาในหนังสือมาปิดท้ายแล้วกัน จงมีสติกับทุกก้าวในการลงทุนขอให้สนุกกับมันครับ อย่าท้อ อย่าถอย เราจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ สู้ครับ.

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เจ๋งว่ะ

sswhan กล่าวว่า...

ขอขอบพระคุณอย่างสูง สำหรับ
วรรณกรรมทั้ง 4 เรื่องคือ
1. สามก๊ก
2. ซ้องกั๋ง หรือ 108 ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน
3. ไซอิ๋ว
4. ความฝันในหอแดง
และบทความทั้งหลายในบล็อก

Unknown กล่าวว่า...

ของดี มีประโยชน์ ขอบคุณครับ ว่างๆจะกลับมาอ่านอีก รอบ 2 รอบ 3