While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เจอเซลล์มะเร็ง / Thu. 9 Oct., 2014



เมื่อคืน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 3 เพราะอ่านๆ แล้วถ่านอัดเม็ด ควรกินห่างจากยาหรืออาหารอื่น 1-2 ชั่วโมง เอาชัวร์ไปเลยแล้วกัน ลุกมาก็เอาถ่านยัด อัดน้ำตาม แล้วป๊าก็ไปตะกายขึ้นเตียงเพื่อหลับต่อ (ฝันอะไรมั่วซั่วอยู่ ได้ตื่นก็ดีครับ ได้ออกมาจากสถานการณ์นั้นเร็วหน่อย ก่อนนอนคงกินมากไป) บ๊าคมันคงงงๆ เนอะ อะไรวะ .. มาตื่นอีกที 6.00 ป้อน ulsanic แล้วให้น้ำเกลือ ขณะให้น้ำเกลือก็ ว่ามันแปลกๆ กูผิดตรงไหนวะเนี่ย ให้ยาสลับ กับบ๊าคไม่เป็นไร กับผม ผิดแผนที่จะนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมง
คือ คิดไว้ว่าจะให้ onsia กับยาบีบรัดลำไส้ก่อน แล้วให้น้ำเกลือ อันนี้กินก่อนอาหารสัก 15 นาที คงดี จากนั้นตามด้วย ulsanic ซึ่งต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง(ตรงนี้แหละที่จะนอน) ถึงจะให้ cavumox ได้ จากนั้นอีก 15 นาทีถึงจะให้กิน ระหว่างนี้ก็พาไปอึ เก็บที่นอน เตรียม i/d ใส่ชาม แล้วกินข้าวของตัวเอง
สรุปว่า พอให้ ulsanic ก่อน เอาน้ำเกลือมาทิ่มแล้ว (วันนี้พลาดนิดหน่อย ไม่ไหล เลยถอยเข็มออกมาหน่อย แล้วดันเข้าไปใหม่ ไม่ได้ทิ่มอีกรอบครับ วันละ 2 แผลก็พอแล้ว) ก็ผ่านไป 15 นาที กระโดดขึ้นเตียงหลับต่อ 15 นาที มาจับยัด onsia+ยาบีบรัดลำไส้ แล้วไปกินข้าว ตัก i/d มาไว้ก่อน มันจะได้หายเย็น หันไปเก็บที่นอน (คือเอาหมอนข้างพาดไว้บนหมอนน่ะครับ ด้านในมันมีกระเป๋าปืนสั้นของป้าอยู่ เลยพาดได้พอดี แล้วเอาผ้าแพรพับครึ่งคลุม ผมนอนบนผ้าคลุมเตียงตั้งแต่กลับมาบ้าน มันก็นอนได้นิ่และสะดวกดี พูดถึงปืน ไม่ได้หยิบดูนานแล้ว ไม่รู้สนิมขึ้นหรือยัง คงต้องเอาออกมาเช็ดบ้าง sonex น่ะ ใช้ได้เลยครับ ถ้าไม่ได้ยิงมัน .. ถ้าใช้งานต้องใช้น้ำยาเฉพาะ จะขจัดคราบเขม่าได้ดี อาผมเป็นมะเร็งปอดตาย ก็เพราะเช็ดมันทุกวันน่ะแหละครับ เขามีปืนเยอะน่ะ)
เสร็จตรงนั้นก็ 15 นาทีพอดี ตามด้วย cavumox ป้อนน้ำหน่อย แล้วพาไปอึ ตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเช้า ไม่มีอึไหลเรี่ยราด ลดงานไปบานเลย ทำท่าจะวิ่งไปหน้าบ้าน แต่ผมชวนมาหลังบ้าน มีที่ให้เดินมากกว่าตั้งสิบเท่า ให้เดินเล่นมากหน่อย จะได้อึง่ายและหิวข้าวหิวน้ำ แผนชั่วของป๊าดูท่าจะได้ผล ..
แรกๆ ก็เดินเป๋ๆ ครับ ทำท่าคล้ายปวดท้อง หอบๆ ฉี่ไปเรื่อย เขาก็ลากผมเดินไปที่เดิม ที่เมื่อวานเย็นอึไว้ ผมก็รั้งให้เลี่ยงๆ ไปหน่อย ไม่ได้เก็บนิ่ เลยไปอึไว้ระหว่างท่อ เยอะด้วย แล้วไปต่ออีกจุด อันนี้นิดเดียว อึเหลวและมีสีส้มเข้ม ดูท่าสบายใจขึ้น แต่ยังไม่อยากกลับ ผมเลยให้เดินเล่นในสวนหลังบ้าน
มันเป็นสวนเล็กๆ น่ะครับ มีไผ่น้ำเต้าอยู่ตรงกลาง ต้นไม้ที่ผมลงไว้ล้วนเป็นไม้ใหญ่ ปลูกไว้เป็นปีแล้ว .. มันไม่ตาย แต่ก็ไม่โต มีมะฮอกกานีกับคลอเดียที่โตเร็ว หลิวจีนกับโมกข์อยู่แค่ไหนก็แค่นั้น จำปีต้นเตี้ยลง คือมันทำท่าจะตายแล้วรอด ความสูงเกือบ 2 เมตร เลยลดลงเหลือ 3 ฟุต แก้วก็แตกแต่พุ่มไม่ยอมสูง กันเกราก็เหมือนกัน มันไม่พุ่งขึ้นวะ มันต้องสูงไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ไม้พุ่มนิ่ ยังมีต้นไม้อีกหลายอย่างที่พ่อชอบแต่ผมไม่รู้จักชื่อ
เช้านี้ผมเลยได้มีโอกาสชมสวนพร้อมบ๊าค คือผมเองก็เรื่องเยอะ ไม่เคยได้ดูมันเหมือนกัน อย่างนี้ก็เข้าท่า ให้บ๊าคได้เห็นอะไรๆ มากกว่าชายคลองบ้างก็ดี ดูท่าเขาจะพอใจมากด้วย ถึงจะเหนื่อย ดูโน่นนี่ไปเรื่อย ดมไปทั่ว จนต้องชวน เข้าบ้านกันเถอะ 2-3 ครั้ง ถึงยอมเดินนำเข้าบ้าน 15 นาทีพอดี
เมื่อก่อน ตั้งแต่ตอน candy กับ Maxtor ยังอยู่ ผมก็ให้เขามาเดินเล่น ขับถ่ายกันหลังบ้านนะ พาเดินมาทีละตัว 4 รอบ เช้า-เย็น แต่เราเข้าประตูหลังบ้านเลย ไม่ได้อ้อมไปเข้าออกหน้าบ้าน ถ้าไม่ใช่หน้าฝน หน้าบ้านก็มีที่ให้เดินมากพอๆ กัน บรรยากาศดีกว่าด้วย ติดคลอง .. หลังๆ ผมเลยให้ coffee กับ bach เดินเล่นด้านติดคลอง โดยใช้สายจูงพาออกไปที่ละตัวเหมือนกัน ป้องกันเรื่องที่ไม่ได้คาดหมาย
ตอนที่ยังอยู่กันครบๆ ยังไม่ได้ถมบ่อด้านหลังบ้าน มีอยู่ช่วงหนึ่ง ราว 6-7 เดือนก่อนหน้าฝน ผมจะปิดรั้ว ด้านที่ติดต่อกับบ้านอาก็จะต่อรั้วไว้เปิดปิดได้ ตอนนั้นหมาเข้าบ้านกันหมดแล้วครับ .. เย็นกลับไป ก็ให้กินกันก่อน แล้วปล่อยให้วิ่งเล่นที่ละตัว ผมเดินตามไปด้วย ปล่อยพร้อมกันดูไม่ไหวครับ เดินเล่นได้แค่ไหน ก็แล้วแต่กำลังของแต่ละคน
candy ตอนนั้นเป็นมะเร็งตับแล้ว วิ่งไม่ไหวเพราะไม่กินเอง ต้องป้อนอาหาร แต่ยังเดินได้อยู่ ควบคุมการขับถ่ายได้ ผมก็เดินตามไปเรื่อยๆ ถ้าเซก็ช่วยพยุงไว้ พอเรียบร้อย เขาจะมานอนหน้าประตูหลังบ้าน ดูโน่นนี่ ฟังเสียงใบไผ่กับกระดิ่งดินเผา ดมกลิ่นที่ลอยมาตามลม ผมจะนั่งอยู่ข้างๆ ลูบๆ ตัวเขา คุยกับเขา บางทีนั่งกันเกินครึ่งชั่วโมง พอเขาพอใจหรือผมชวนเข้าบ้าน ค่อยเข้าบ้านกัน
coffee ยังแข็งแรง ก็เดินบ้าง วิ่งบ้าง ดมโน่นดมนี่ไปทั่ว แต่จะเป็นลักษณะวิ่งเหยาะๆ เสียมากกว่า ถึงแข็งแรง แต่ก็อายุเกือบ 10 ขวบแล้ว เขารูปร่างค่อนข้างดี คุณหมอที่โรงพยาบาลยังเคยชมว่าสุขภาพดี rottweiler ตัวอื่นที่อายุเท่ากันจะดูโทรมกว่านี้ .. แต่ยังไงก็จัดว่าเป็นหมาแก่ เขาเลยไม่ค่อยซนเท่าไหร่ ยังเดินเล่นได้นานอยู่ จนเหนื่อยและพอใจแล้ว เขาก็จะกลับเข้าบ้านเอง ไปกินน้ำกินท่าแล้วนอนหมดแรง
bach ยังหนุ่มแน่น ยังไม่ 7 ขวบดี เขาก็จะวิ่งไปหน้าบ้าน สำรวจทั้งบริเวณไปเรื่อยๆ ฉี่ไปทั่วแบบหมาผู้ชายทั่วไป เมื่อพอใจจากหน้าบ้านแล้ว เขาก็จะวิ่งมาทางหลังบ้าน สำรวจไปเรื่อยๆ .. หลังบ้านตอนนั้นไม่ค่อยมีอะไร มีพื้นที่ชายบ่ออยู่ไม่มาก ทางออกจากบ้าน และโรงรถ พอเบื่อก็กลับไปทางหน้าบ้านใหม่ เจ้านี่ต้องควบคุมครับ เห็นว่าท่าจะเหนื่อยมากแล้ว ต้องเอาเข็มขัดคล้องคอ ชวนเข้าบ้าน ซึ่งเขาก็จะทำตามอย่างว่าง่าย ไม่ขัดขืนอะไร
Maxtor อายุเท่าบ๊าคแหละครับ ตัวใหญ่เท่าอัลเซเชียนแต่รูปร่างเหมือนร็อตไวเลอร์ เขาดูเหนื่อยง่าย แต่ไม่ได้ส่งผลกับการวิ่งเล่นของเขาแม้แต่น้อย max จะซนกว่า bach มาก เขาจะไม่สำรวจทั้งบริเวณนานๆ แต่จะวิ่งไปวิ่งมาระหว่างหน้าบ้านกับหลังบ้าน ตอนนั้นยังมีหมาของคุณอาซึ่งทิ้งไว้ให้เลี้ยงอยู่หลายตัว คือเขาก็ซื้ออาหารไว้ให้ช่วยเลี้ยงแบบนั้นน่ะครับ ผมต้องคอยเคลียร์พื้นที่ ก่อนปล่อยหมาของผม ซึ่งบางตัวมันกระโดดข้ามรั้วได้ ผมทำรั้วเพื่อป้องกันไม่ให้หมาผมผ่านออกไปได้ เลยไม่ได้สูงมาก พวกมันเลยกระโดดตัวลอยข้ามไปข้ามมาเป็นว่าเล่น
ปัญหาอยู่ที่ พอเห็นหมาตัวอื่น max ก็อยากเล่นด้วย มันตกใจที่ max วิ่งเข้าใส่ ก็กระโจนหนีลงชายคลอง max ก็กระโจนตาม ตกน้ำสิครับ แล้วขึ้นเองไม่ได้ เพราะตัวใหญ่ ลื่น ผมต้องลงไปดันก้นเขาขึ้นมา อีกครั้ง ก็ไปกระโดดตามลงมุมบ่อ ข้างห้องนอนพ่อผม ต้องจับล้างตัวกัน สำหรับ max ก็เหมือน bach ไม่เข้าบ้านเองแน่ๆ แถมยังวิ่งหนีด้วย ผมต้องคอยดูอาการ เดี๋ยวได้วิ่งจนช็อคตาย .. เมื่อจะพาเข้าบ้าน ต้องคอยยืนดักทางที่เขาจะวิ่งผ่าน เอาเข็มขัดสวมหัว แล้วชวนเข้าบ้าน ครั้งหนึ่งขณะที่ปล่อย max วิ่งเล่น พ่อเปิดรั้วแล้วไม่ปิด เขาก็วิ่งออกไป ผมวิ่งตาม เลยได้วิ่งร้อยเมตรวันนั้นแหละ ไปเข้าบ้านคน เจอทางตันแล้วถึงจับกลับมาได้ ดีที่ไม่ไปกัดกับหมาเขา (max เป็นหมาที่ไม่ดุเลย ไปหาหมอไม่ต้องใส่ที่ครอบปาก) วันนั้นผมเหนื่อยแทบขาดใจ และความสุขมันก็ไม่ได้อยู่นานนัก 5 เดือนต่อมาเขาก็จากไป ด้วยโรคหัวใจ มีอาการน้ำคั่งในเยื่อหุ้มหัวใจ
วันนี้ บ๊าคเข้าบ้านมาได้ก็กินน้ำใหญ่เลยครับ ผมไปคว้าทิชชู่มาเช็ดก้น หลายรอบครับ กว่าจะสะอาดจนผมรับได้ เขากินน้ำเสร็จก็วิ่งไปไปนอนข้างหัวเตียง ผมก็คว้าชามอาหารปลายเตียงตามไป อะกินข้าวก่อนลูก ดมๆ เลียๆ ไม่กิน เอาคางไปวางแนบพื้นข้างๆ หมาดื้อมันเป็นอย่างนี้แหละ อย่างบ๊าคเขาเรียกดื้อเงียบ ทำเฉย ทำหนี ผมก็ว่า ไม่กินเองป๊าป้อนนะ เหลือบตามอง .. หมดเวลาโอ้เอ้แล้ว ผมก็เริ่มเลย ป้อนแบบยาน่ะแหละครับ อาหารมันค่อนจะเหลวก็เล่นยากหน่อย ผมเล่าวิธีของผมให้ฟังแล้วกัน เผื่อใครใช้วิธีที่ยากกว่านี้อยู่
i/d ไม่เหมือน a/d ตรงที่มันเหลว แต่ไม่เละพอที่จะเอาไซริงค์ดูดได้ ผมเอา 3 นิ้วจับเป็นก้อนพอดีคำ แล้วใช้นิ้วโป้งขวาดันเข้าไปที่โคนลิ้นลึกๆ หน่อย เขาก็จะทำลิ้นแผลบๆ กลืนเข้าไป แต่พอมือเริ่มเลอะมากขึ้นมันจะยากขึ้น ครึ่งชามหลังผมเลยป้ายลิ้นแล้วขูดที่ติดนิ้วกับเพดานปากเขา ค่อยง่ายขึ้นหน่อย ผมเคยอ่านเจอ เขาว่าให้ใช้ช้อนเล็กๆ แต่ผมนึกไม่ออกว่าช้อนจะทำให้บ๊าคกินได้ยังไง เดี๋ยวได้งับกันฟันหักอีก .. กินหมด ด้วยปริมาณที่มากขึ้น ผมก็จับเช็ดหน้าเช็ดปาก ไม่กล้าอัดน้ำตาม เมื่อกี้กินน้ำไปเยอะ และอาหารค่อนข้างเหลว น่าจะโอเค ทีนี้มาลุ้นกันว่าเขาจะอ้วกมั๊ย ให้ยาหลังอาหารทันที แล้วคนก็ต้องไปอึบ้างแล้ว
จัดการตัวเองเรียบร้อย ยังเหลือเวลาตั้ง 20 นาที ผมยัดยาหลังอาหาร หยอดตา เช็ดหน้าให้ เพิ่งสังเกตุเห็นว่าเท้าเปียก เช็ดให้แห้งๆ สักหน่อย เขาคงสบายกว่า ผมดึงทิชชู่มา 2 แผ่นใหญ่ เช็ดให้ถึงง่ามนิ้วทั้งด้านบนและด้านล่างด้วย ท่าจะชอบครับ .. เวลายังเหลืออีก เลยนั่งลูบๆ คุยกับเขา สรุปว่าแผนงานเช้านี้ ถึงจะผิดแผนแต่ก็ดีกว่าที่คิด ผมต้องจดไว้ทำครั้งต่อไป
หมาดำหน้าโรงงาน เห็นหน้าผมก็วิ่งมาหา แต่ไม่เคยเข้าใกล้หรอกครับ ผมเลยเดินไปซื้อไส้กรอกให้ 2 อัน แล้วเลยให้เงินเขาไว้ สำหรับตอนเย็นอีก 3 วันด้วย เป็นพนักงานมาตั้งเตานึ่งขายท้ายโรงงานน่ะครับ พอเดินเข้าหา มันก็ลุกมอง ผมก็วางให้ บอกมากินสิ ไง ตัวเปียกเชียว .. เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน มันคงไปนอนตามใต้ต้นไม้ ผมเคยเข้าไปเดินหามันดูใต้อาคารร้าง มีกองเศษผ้าโรงงานเยอะแยะ แต่ไม่มีร่องรอยของมันเลย .. อืม หมาอีกชีวิตหนึ่งกับลูกๆ อีก 3 ตัว ต้องอยู่ในป่าหญ้า ดงไม้ เคยถามน้ายาม เขาว่าเขาเอาตัวผู้ไปตัว อีกคนเอาตัวผู้ไปอีกตัว มีตัวเมียอีก 3 มันย้ายที่หนี หาไม่เจอแล้ว ผมมองว่าถ้ามันรอดจนโต มันก็คงเดินตามแม่มันมาเองแหละ
หลังจากแวะกด atm ขากลับถึงเห็นถุงอาหารหมาที่พี่อีกคนเขาเอามาให้ มันเดินมาดมแล้วไม่กิน อ่ะ มีเล่นตัว พี่เขาเอาอะไรมาให้มันกินทุกวันตอนเช้า บางทีเที่ยงด้วย .. ตอนผมข้ามไปผมไม่เห็น เลยคิดว่าวันนี้พี่เขาหยุดรึเปล่า .. มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะครับ ถ้าเราจะมีความสัมพันธ์กับหมาสักตัว เขาต้องการความเสมอต้นเสมอปลาย เขาไม่เข้าใจหรอกว่าเพราะอะไรคุณถึงเปลี่ยนไป ต่างจากคนที่ถึงจะเปลี่ยน เราก็ช่างแม่มันได้ แต่หมาล่ะเขาจะรู้สึกยังไง อย่างไอ้ดำนี่ ถึงผมจะไม่ได้ให้เองกับมือ 2 เย็น เขาก็ยังคิดว่าผมจะมีมาให้เหมือนเดิม ผมว่าเรื่องมันเศร้านะ แต่ตอนนี้ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
มานั่งโต๊ะได้แป๊ป ไอ้ลูกน้องเขามาบอก แพมเพิส ป้าเขาให้คนอื่นไปแล้ว เข้าบ้านแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ซื้อให้(ตอนเย็นวาน มันนึกได้ว่ามีของคุณย่าที่เพิ่งเสียไปเหลืออยู่เยอะ จะเอามาให้ จะบอกไม่เอา ก็กลัวมันจะว่ารังเกียจ ผมเลยบอกมันว่า ขอเค้าก่อนนะ ซึ่งคุณย่าเขา ผมก็เคยเจออยู่ 2-3 ครั้ง) ผมเลยบอก ไม่ทันแล้ว ไปหาหมอเย็นนี้ ไม่เป็นไร พ่อต้องพาแม่ไปล้างแผลอยู่แล้ว ผมเลยโทรหาพ่อให้ซื้อให้หน่อย บอกไปว่า แพมเพิสแบบแปะ เอว 26 นิ้ว ไม่รู้จะได้อะไรมา
เที่ยง พ่อกับแม่ไม่อยู่ ผมเข้าบ้านไป บ๊าคก็ทำท่าตื่นเต้นสุดๆ นึกว่าหิวข้าว ที่แท้ปวดท้องขี้ ผมก็ลนลานเปลี่ยนเสื้อผ้า เปิดประตู รีบพาออกไป เขาวิ่งไปหาที่ด้านขวาก่อน แล้วค่อยมาด้านซ้ายใต้ตะขบ ดินมันเปียก ผมเลยชวนเขามาที่ตอมะพร้าวข้างแคนดี้ ยังไม่ชอบครับ กลับไปวนใต้ต้นตะขบค่อยอึได้ เท้าเละเทะ จากนั้นวิ่งไปใกล้ๆ แมกซ์ มีออกมาอีกนิด พอใจแล้วก็วิ่งลากผมไปดูบ่อปลา ต้องชวน เข้าบ้านกันเถอะ เข้าไปก็กินน้ำใหญ่ ผมเลยถือโอกาสเช็ดก้นให้ ท่ายืนสะดวกกว่าครับ ถ้าเขาหนี ผมจะรั้งเอวไว้ เขาก็จะหยุดให้ทำดีๆ
ด้วยความรีบร้อนเลยลืมยัดๅ ulsanic ตอนถึงบ้าน ยัดมันตอนนี้ละกัน แล้วหยอด ocluvet ไป จับเช็ดเท้า เอาเศษโคลนออกให้หมด แล้วผมก็วิ่งไปกินข้าว เขาลุกพรวดพราดมานั่งมอง ผมก็ถาม หิวเหรอ อยากกินเหรอ ส่ายหางสั้นๆ ดุ๊กๆๆ ผมเลยเอา i/d ของเขาใส่ชามมาวางให้ อีกมือถือชามของตัวเองอยู่ เขาหันไปดมๆ ไม่เลียด้วยซ้ำ กลายเป็นมานั่งจ้องชามข้าวในมือผม .. ผมก็บอกอันนี้ไม่ได้ลูก กินของตัวเองสิ ก็ยังนั่งจ้อง .. ผมไม่สนใจ ยืนกินไปมองเขาไป จะให้ได้ยังไง ท้องเสียอยู่ พอเห็นไม่กินแน่แล้วก็เก็บ  พร้อมๆ กับยาหยอดตาขวด 2
จากนั้นเอาทิชชู่แผ่นใหญ่ไปชุบน้ำ บีบหมาดๆ มาทำความสะอาดก้นเขาอีกที จนพอใจ แล้วก็หยอดตาอีกขวด ยัด vetmedin 2 เม็ด กลับไปทำงานบ่าย ไอ้ดำกำลังจะกลับรัง มันเห็นผมมันก็วิ่งย้อนกลับมาอีก ผมบอกไม่ต้องมา มันก็ไม่เชื่อ
บ่าย 3.10 คุณหมอจากสุวรรณชาดโทรมาแจ้งผลตรวจเนื้อเยื่อ พบว่าเป็นเซลล์มะเร็ง ผมอึ้งไปเลย เขาก็ว่าต้องดูผล ultrasound อีกทีว่าสามารถผ่าตัดได้ไหม มันลุกลามไปที่อื่นรึเปล่า เห็นมีอาการท้องเสีย ถ้ามันลุกลามไปที่ลำไส้แล้ว ก็เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คงต้องใช้คีโมได้อย่างเดียว กับภาพรอยที่ปอดไม่รู้เป็นการลุกลามของมะเร็งรึเปล่า 
ถ้า ผ่าตัดได้ ก็มีความเสี่ยงจากการวางยามาก เพราะมีโรคหัวใจกับโรคไต ต้องดูค่าไตกับสภาพหัวใจ ถ้าทำคีโมก็ต้องมาทุกสัปดาห์ ดูความแข็งแรงของหมา และผมไหวหรือเปล่า ผมก็เล่าคร่าวๆ ที่ป่วยมา 2-3 วันนี้ สรุปว่า ต้องรอผล ultrasound อีกที ถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คือมันลามไปถึงไหนแล้วนั่นแหละ
พอวางสาย ผมก็หาเรื่องคีโมสุนัขอ่านทันที อ่านๆ ไปก่อน ให้รู้ข้อมูลเบื้องต้นไว้แล้วกัน เพราะเท่าที่ฟัง ดูท่าบ๊าคคงต้องงั้นแหละ แต่การทำคีโม ส่วนใหญ่รอดไหม ถ้าไม่รอดแน่ๆ การทำคีโมก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง การยื้อเวลานิดหน่อย แล้วเอาเขาขึ้นรถไปทรมานทรกรรมทุกสัปดาห์ เราควรใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างสงบสุข รักษากันไปตามอาการ ใช้แบบชีวจิต ไม่ดีกว่าหรือ .. ไม่รู้สิ ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกเลย
ผมดอดออกมาตอน 4.58 ต้องรีบ ไม่งั้นแถวตอกบัตรจะยาว และจะช้าไปอีกเป็น 10 นาทีกว่าจะไปถึงบ้าน ผมตอกบัตรเป็นคนที่ 2 ไปเอาไส้กรอกให้ไอ้ดำ น้องแม่งไม่เอามาให้ มันมารออยู่แล้ว ผมจอดรถวางให้ ฝนเริ่มตกนิดหน่อย ผมบอกมันว่า กินแล้วกลับไปซะ แล้วผมก็รีบบึ่งกลับบ้าน ภาวนาให้ฝนอย่าเพิ่งตก หมาเขาจะละเอียดอ่อนนะ ไม่รู้เป็นเหมือนกันทุกตัวรึเปล่า สภาพแวดล้อมเปลี่ยนนิดหน่อย การขับถ่ายของเขาจะยากขึ้น หรือไม่ขับถ่ายไปเลย
ฝั่งบ้านผมยังฟ้าใส ผมไม่ลืมเอาถ่านอัดเม็ดยัดใส่ปากเขาไปก่อน เปลี่ยนแค่เสื้อ  แล้วพาไปอึหลังบ้าน เขาก็รู้เลยนะ ทีแรกเขาจะไปทางหน้าบ้าน พอบอกไปหลังบ้านกันดีกว่า ที่เดินเล่นเยอะดี เขาก็บ่ายหน้าเดินนำไปเลยครับ แวะฉี่รายทาง ไปฉี่ใส่ต้นพริกท้ายโรงรถ ผมต้องไม่ลืมบอกแม่ว่า บ๊าคฉี่ไว้นะ แล้วชวนเขาเดินออกไปนอกรั้ว เย็นนี้ผมถือที่เก็บอึมาด้วย ถ้าจะมาอึตรงนี้แล้วชอบ คงปล่อยให้อึเรี่ยราดไม่ได้ เดี๋ยวผมลืมว่าตรงไหนบ้าง เขาจะเดินเหยียบอึตัวเอง
เดิน build อยู่พักใหญ่ ก็แสดงท่าที่จะอึ ผมก็ยืนลุ้น เอาที่เก็บอึรองรอไว้ ออกมาเหลวๆ มีเนื้อ carbon ออกมาแล้ว สีดำๆ อึเสร็จแล้วยังไม่อยากเข้าบ้าน พาผมเดินมาหน้าดงกล้วย จะออกไปถนน ผมไม่ยอม เลยชวนเขามาข้างต้นจำปีแทน เขาก็เดินดมไปเรื่อย ตรงไปชายบ่อ วนไปจนถึงระหว่างคลอเดียกับมะฮอกกานี แล้วทำท่าจะอึ  อ้อ แล้วไม่บอก ป๊าก็งงว่าเหนื่อยแล้วทำไมไม่เข้าบ้าน ยังไม่หมดนี่เอง ขยับไปขยับมาอีกพักใหญ่ ถึงปล่อยออกมาได้ คราวนี้มีแต่น้ำ เอาแล้วไง วันนี้ผมยังไม่เห็นอึไหลในบ้าน คิดว่าเป็นนิมิตหมายอันดี อย่างนี้คงต้องใส่แพมเพิสกันไว้ก่อน
คงพอใจแล้ว บ๊าคก็เดินนำผมกลับ แล้วทำท่าจะไปหน้าบ้านต่อ ใครไม่รู้แม่มันยิงนก เขาตกใจหันหัวซุกประตูเลย ผมก็ถาม กลัวเหรอ รีบเปิดประตูให้ เอาเข็มขัดออก เขาก็วิ่งไปซุกข้างเตียง
ผมหยิบแพมเพิสมาอย่างเงอะงะ ทำไงวะ ตอนที่ผมใส่ ไม่ได้ใส่เองนี่นา จำไม่ได้ด้วยว่าใส่ แค่เห็นว่ามันมี pack ใหญ่เหลืออยู่ ถึงรู้ว่าต้องใส่ .. สุดท้ายก็สำเร็จได้ด้วยดี แต่มันหลุดไปอยู่ที่ก้น แปะใหม่ แล้วไปปูเบาะหลัง กลับมาก็พร้อมไปกัน บ๊าคน่ะพร้อมนานแล้ว พอรถออกก็นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ คุณหมอเขาว่าจะไปตอนไหนให้โทรบอก เขาจะจองที่จอดหน้าร้านให้ แต่โทรไป เขาบอกรถเยอะมากไม่รู้จะมีคนออกรึเปล่า ไปถึง ผมเลยลงตรงร้านต้นไม้ บ๊าคก็ฉี่ใส่ทันที ตรงป้ายที่บอกว่า เฉพาะลูกค้าเท่านั้น น่ะแหละ เดินไปได้หน่อย หันมาดูเขาเดินตามต้อยๆ อ้าวแพมเพิสหาย หล่นอยู่โน่น ย้อนมาเก็บไปด้วย เดี๋ยวจับใส่ใหม่ในร้านหมอ
ถึงคลีนิคก็วางไว้ก่อนละกัน จะตรวจอึด้วย (ผมก็จับกด คุณหมอเป็นคนเจาะเลือด ลุงอีกคนกดสะโพก แฟนคุณหมอมารอเอาเลือดใส่กระเปาะเล็ก แล้วคุณหมอจะพัน bandage ที่แผลให้) ตอนจะเอาเลือด มีดิ้นและเห่าๆๆๆ ผมก็ได้แต่บอกเขาว่า ยอมๆ ไปเถอะน่า จะเห่าทำไม เขาก็หยุด ไม่ใช่เพราะเชื่อผมหรอกนะ เหนื่อยน่ะ .. เจาะเลือดเสร็จก็เคลียร์คนออกไปก่อน แล้วจับใส่แพมเพิสโดยเอาขาเข้า แบบใส่กางเกงน่ะครับ จากนั้นจับให้หมอบอยู่ข้างๆ ผมก็นั่งกับพื้นคุยกับคุณหมอ ยาวเลย
สรุปว่า ถ้าท้องเสียจากมะเร็งก็ทำอะไรไม่ได้มาก คุมอาหารไป แต่เป็นโรคไต i/d โปรตีนมันเยอะ (อาหารฟื้นฟูหลังผ่าตัดอย่างนั้นเลย เน้นโปรตีน) ให้ใช้ k/d ดีกว่า renal กระป๋องเขาก็มี เลือกเอา ผมหันไปเห็นฝา renal มีที่เปิดให้ด้วย เลยเอามา 2 กระป๋องก่อน สรุปว่าตัว tetracycline ใช้กับบ๊าคไม่ได้ เพราะเป็นโรคไตอยู่ ค่าตรวจค่าอะไร 800 กว่าบาท
ตอนออกมา ต้องมีคนตะโกนนำ หลบก่อนๆ .. บ๊าคก็ดูตลกมากๆ นุ่งแพมเพิสเดินท่าประหลาด เจอตำรวจกลุ่มหนึ่งมากินข้าวกันมัง เขามองกันใหญ่ .. ทำไมวะ ไม่เคยเห็นร๊อตไวเลอร์นุ่งแพมเพิสรึไง .. ตอนเข้าถึงคลีนิค เขาก็จองที่จอดรถไว้ให้ได้แล้ว ผมเลยโทรไปบอกให้พ่อเลื่อนรถมา ดีหน่อย ออกจากร้านก็ขึ้นรถได้เลย
ขากลับ ผมนั่งกับเขาข้างหลัง แล้วนึกได้ว่า ทำไม 2 ครั้งก่อนไม่นั่งด้วย (หลังจากไปกันแค่ 2 คนพ่อลูกมานานแล้ว) เขามายืนบนตักครับ หนักและเจ็บขาดิ บางทีเอาตัวมาพิงอกผม เมื่อก่อนพอทนไหว แต่ตอนนี้มีอะไรหนักๆ มาทับนานๆ มันแน่นขึ้นมา เลยต้องดุไปทีนึง แล้วจับดันไปไว้ข้างๆ เขาก็นั่งได้นะ ผมเลยงงว่า ทำไมต้องมายืนบนตัก ก็บอกเขา นั่งตรงนั้นก็ดูได้ ไม่เห็นต้องมาข้างหน้าต่างเลย ไม่พูดไม่จาหรอกครับ นั่งหอบแฮ่กๆ อย่างเดียวแหละ
ถึงบ้านทุ่มนึง  ผมขอพ่อลงนอกรั้ว พื้นมันแห้งแน่นอนดี และเสมอกันมากกว่า ระหว่างทางแพมเพิสมันหลุดลงไปกองอยู่กับขาแล้ว และผมลืมดึงออกไป นึกได้ตอนเปิดประตู จนลงมายืนรอเขาแล้ว ดีที่ไม่พันแข้งพันขาเขาล้ม ปล่อยให้ฉี่ เขาฉี่ที่เดียว ไม่พยายามประกาศอาณาเขต ผมเลยชวนเข้าบ้าน วิ่งลิ่วไปเลยครับ แต่ก็ดูท่าจะเหนื่อยเต็มที ผมให้เข้าประตูด้านข้าง เอาปลอกคอออกนอกประตูแหละ แล้วเปิดประตูให้เข้าไปเอง เขาก็วิ่งเหยาะๆ เข้าห้อง ไปกินน้ำ แล้วนอนหมดแรงอยู่
เข้าบ้าน ยัด ulsanic ก่อน เดินไปเดินมาเก็บของจากในรถ ตรวจดูอึที่ผ้าปูที่นอน ไม่มีร่องรอย ดีมาก ตากไว้ก่อน วันเสาร์ใช้อีก ผมก็สะบัดๆ เอาเศษผงออก แล้วเอาไปผึ่งใต้หลังคาหน้าบ้าน เอาตะกร้อมาล้างน้ำลายด้วย 30 นาทีพอดี จับ cavumox ยัดปาก แล้วตามด้วยน้ำเกลือ
ไปเอา i/d มา กะว่าต้องยัดปากกัน เลยเอาทัพเพอร์แวร์ที่ใส่น่ะแหละมา จากที่นอนราบอยู่ ชันขาหน้าขึ้นมากินเองเลยครับ มันเล็กก็ลำบาก ผมก็บอก เดี๋ยว แล้วหันไปคว้าชามของเขามาเปลี่ยนให้ ช่วงแรกๆ เร็วเลย ช่วงท้ายๆ เหมือนจำใจกิน คือถ้าอยากกินมากหรืออร่อยมาก เขาจะเลียเรี่ยมเชี่ยม แต่แค่กินหมดด้วยตัวเอง ผมก็โคตรดีใจแล้วล่ะ ตามด้วยยาหลังอาหารทันที กับไม่ทันที
จับพ่น nanowound เสียหน่อย แล้วก็เออ เล็บยาวมากแล้ว ไม่ได้ตัดมาเกือบ 2 เดือนแล้วมั๊ง เอาเสียหน่อย ลากตัวเขามาตรงที่มีแสงไฟมากๆ เห็นชัดๆ งานนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนครับ ค่อยๆ เล็มขนใต้เท้าให้สั้นๆ รวมถึงในอุ้งเท้าด้วย แล้วตามด้วยการเล็มเล็บ ไม่รู้ใช้เวลาไปเท่าไหร่ นานอยู่ แต่มันก็เพลินนะ ผมตาไม่ค่อยดี ก้มดูใกล้ๆ ก็บอกเขา โอ้ บ๊าค ตีนเหม็นชิบหายเลย แล้วก็ตอบแทนเขาเองว่า ก็ป๊าไม่ล้างให้เอง จะบ่นอะไร ตัดไปจนเสร็จ เล็มขนอีกรอบให้เรียบร้อยกว่าเดิม พอบอกเสร็จแล้ว ทำท่าจะลุกหนี .. ผมก็บอก อย่าเพิ่งไป รอก่อน เขาก็หมอบรอ ใครว่าหมาพูดไม่รู้เรื่อง
เอาไงก่อนดีวะ หวีผมก่อนละกัน เป็นเทือกเลย ผมกวาดเศษขน+เล็บ จากตรงที่ตัดกับใต้หน้าต่างไปด้านหนึ่งก่อน พอบอก ลุก หวีผมกัน วันนี้ลุกเลยว่ะ วันอื่นๆ ทำโอ้เอ้ บางวันนอนให้หวีด้วย ไม่ยอมลุกจริงๆ บางทีผมเห็นเหนื่อยมากๆ ผมก็จับพลิกตัวหวีเอา ถ้าจับ 2 ขาหน้าจากด้านหัว ต้องอาศัยความร่วมมือของเขา บางทีก็ดูยาก (ไม่รู้เขาทำได้ยากหรือแค่ดื้อ) แต่ถ้าจับพลิกจากด้านข้าง คือจับขาหน้า หลัง ดึงเข้าหาตัว อันนี้จะง่ายมากกว่า ดูเหมือนจะร่วมมือดี (หรือไม่รู้จะขัดขืนยังไงก็ไม่รู้นะ)
หวีผมเสร็จ เขาจะรู้ว่า ต้องไปจากตรงนั้น ไปไหนก็ได้ ผมก็ชี้ตรงที่กวาดแล้ว บอก ไปนอนตรงนั้นก่อน เขาก็เดินไปทรุดตัวหมอบพลางถอนหายใจ 1 ฮื่อ เอากับเขาสิ .. กวาดทั้งบ้าน แล้วก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กกับน้ำ 1 กะละมังเล็กๆ มา เช็ดตัวกันดีกว่า ผมลากเขาออกมาห่างผนัง ไม่ต้องไปขอให้ลุกมาหา เขาไม่ลุกหรอกครับ เสียเวลาเปล่า
เข็ดหน้าเช็ดตาก่อน แล้วเช็ดตัวด้านหนึ่งไปถึงแค่ขา ใช้ผ้าด้านที่ใช้แล้วถูพื้นตรงที่จะพลิกตัว แล้วพลิกผ้าอีกด้านทำอย่างเดียวกัน สุดท้ายใช้ส่วนหนึ่งเช็ดก้น ค่อยๆ ถูขนรอบๆ เบาๆ หลายๆ รอบ แล้วซับๆ ถูเบาๆ บริเวณก้นเลย ท้ายสุดคือ ส้นตีนหมา เช็ดทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่กล้าดมพิสูจน์กลิ่น มันคงดีขึ้นแหละน่า เสร็จก็ไล่ไปนอนชิดผนังเหมือนเดิม เขาก็ลุกไปอย่างว่าง่าย
ผ้านั้น ผมซักในน้ำเปล่าผสมเดทตอลเจือจาง แล้วถูพื้นทั้งห้อง เริ่มจากที่นอนเขาก่อน ผมวางไว้อย่างนั้น ตั้งแต่วันที่ปูผ้ายางแล้ว เผื่อเขาอยากนอนตอนกลางวัน และผมไม่ต้องยกให้เหนื่อย มันเป็น topper ยางพาราขนาดเตียงเดี่ยว น้ำหนักมาก ไม่เหมาะกับสภาพปัจจุบันของผม พักนี้ ผมเลยไม่ค่อยใช้แรงมาก แต่จะเป็นการใช้แรงน้อยๆ อย่างต่อเนื่องมากกว่า ทำให้น้ำหนักลดไป 2-3 โล ทำไงได้ มันต้องทำ
ผมยังนึกเล่นๆ ว่า ถ้าผมตายไปเมื่อเดือนก่อน ป่านนี้บ๊าคจะเป็นยังไง น่าจะตายแล้วแหละ ไม่กินอะไร ขาดน้ำ อาเจียน ท้องเสีย คงตามมาด้วยไตวาย พ่อคงไม่มานั่งเช็ดอึเช็ดอ้วกให้ (หมาเขาอ้วก ผมยังเก็บให้เลย เห็นท่าเขาแล้วคงงานใหญ่ พวกหยิบที่โกยผง ไม้กวาด ผมใช้ทิชชู่ 2 แผ่นเองสำหรับกองนั้น) บ๊าคอาจโดนเอาออกไปล่ามใต้หลังคาหน้าบ้าน เขาก็คงจะล้างพื้นให้ แต่บ๊าคก็คงได้ตายอยู่แถวนั้น แค่คิดก็รู้สึกโชคดีสุดๆ แล้ว ที่ผมได้รอดมาอยู่ดูแลเขา
เช็ดๆ ไป เจออึใต้เตียงนิดหน่อย ดีนะที่ตัดสินใจเช็ด เพราะรู้สึกว่าที่เช็ดไปเมื่อคืนวาน สัดส่วนเดทตอลมันมากไป บ๊าคจะมีฉี่ไหลเล็กน้อยเวลาลุกนั่ง เขาจะเลียของเขา ผมเห็นน้ำลายไหล ก็สงสัยอยู่ .. ทำๆ ไปแล้วกัน เรื่องเดียวกันไหมไม่รู้ รู้แต่สบายใจขึ้น ปลอดภัยขึ้น สะอาดขึ้น แต่ตอนนอนราบเข้าไปถูใต้เตียงเล่นเอาเจ็บอก คงยืดตัวมากไป มันหายเจ็บไปได้ 2-3 วันแลัว น่าจะเป็นเพราะการเคลื่อนไหวบ่อยๆ ทำให้ฟื้นตัวเร็ว
เอาชามไปล้าง ซักผ้าขนหนู เสร็จก็ 4 ทุ่มครึ่ง หิวอีกแล้ว ผมไปกินมื้อดึก ทำไมตอนอยู่โรงพยาบาลไม่หิววะ บ๊าคลุกมานอนบนที่นอนแล้ว เกือบ 5 ทุ่มยัด ulsanic ต่อเลยแล้วกัน ชวนไปฉี่ไม่ยอมไป อาจเร็วไป ไว้ก่อนก็ได้
อาบน้ำเสร็จก็มานั่งข้างๆ เขา วันนี้ มีท่าหงายท้องอีก คงสบายอกสบายใจ ไม่ได้ทำทุกวันนะครับท่านี้ เลยถ่ายรูปไว้หน่อย ผมนั่งเขียนนี่ไป (ใช้ปากกากับกระดาษ) ก็ลูบๆ ตัวเขาไป มีเปลี่ยนเป็นท่านอนขดตัวกลม ผมคิดว่าหนาว ก็ลากผ้าแพรมาห่มให้ หลังจากไม่ได้ห่มมาหลายวัน มีหันมามองด้วยนะ แล้วขดตัวต่อ ก็ถาม ทำไม ห่มผ้าให้ไง (คุยกับหมาสนุกดี ไม่มีเถียงให้รำคาญหู)
ที่ไม่ได้ห่มผ้าให้ เพราะขี้เกียจซักขี้หมาน่ะครับ แล้วก็เห็นนอนแต่พื้นนี่นา คงร้อน .. แต่ น่าจะไม่อึไหลเองแน่ๆ แล้ว มัน 1 คืน 1 วัน กับอีก 1 คืนแล้วนี่ เลยเอามาห่มให้ วันนี้เหนื่อยหนัก อาจจะป่วย .. ห่มได้พักเดียวเองครับ ทำท่าจะลุกหนี ผมก็ว่า ร้อนเหรอ ไม่ห่มก็ได้ นอนไปสิ แล้วจับขาไว้พร้อมกับดึงผ้าออกจากตัวเขา โน้มตัวเขาลงนอน แต่คงไม่สบายใจอะไรแล้วมั๊ง เขาก็ลุกไปนอนใต้โต๊ะคอม เอ้าตามใจ
จนเที่ยงคืนครึ่งผมก็ชวนเขาไปฉี่ ทำเฉย มองตานะ กระดิกหางด้วย แต่ไม่ลุก ผมค่อยๆ เอาเข็มขัดสวมหัวให้ ยังต้องยกหัวให้เขาเลย คะยั้นคะยออยู่พักใหญ่ถึงยอมลุก ออกไปก็ฉี่เยอะนี่ สงสัยจะง่วง เลยขี้เกียจ หรือเจ็บตรงไหน

ไม่มีความคิดเห็น: