While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รักสัตว์ๆ เลย .. it's my life


เนื้อหา   - เรื่องของความสุข
            - เรื่องของความเศร้า
            - เราจะรู้ได้ยังไงว่าหมอดีพอไหม
            - จะหายาที่หายากๆ ได้จากที่ไหน
            - ขอบคุณ .. ที่ทำให้ผมได้รู้จักความรักที่แท้จริง

เพิ่งผ่านวันวาเลนไทน์มาไม่กี่วัน (จริงๆ แล้วผมเริ่มเขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่วันวาเลนไทน์แน่ะครับ แต่มันยากมากเลยใช้เวลาหลายวัน) วันวาเลนไทน์ทั้งทีจะไม่พูดถึงเลยมันจะตกกระแส เอาสักหน่อยละกันครับ ก่อนอื่นเลยคุณรู้จักวันวาเลนไทน์ดีแค่ไหน ผมว่ามันคงจะดีกว่านะถ้าเราจะไป in trend กับเขาโดยเข้าใจความหมายที่แท้จริงด้วย.. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันที่ใช้เพื่อระลึกถึง saint valentino ท่านเป็นนักบวชของศาสนาคริสตนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งถูกประหารชีวิตในราวศตวรรษที่ 3 สาเหตุที่ต้องถูกประหาร เพราะในช่วงนั้นอาณาจักรโรมันกำลังเรืองอำนาจและต้องการขยายอาณาเขต ต้องการกำลังทหาร แต่ชายหนุ่มไม่ต้องการไปรบเพราะห่วงครอบครัว รัฐจึงออกกฏหมายห้ามไม่ให้มีการแต่งงานกัน แต่ผู้คนก็ยังไปขอให้ท่านทำพิธีแต่งงานให้ ท่านก็ทำให้เลยถูกประหารโดยการตัดหัว .. วันนี้จึงถูกใช้เพื่อระลึกถึงท่านและใช้เป็นวันแห่งความรักไปทั่วโลก

ทีนี้ความรักของคน.. ผมไม่ขอพูดถึงนะ มีคนพูดถึงมันมากพอแล้ว น่าเบื่อว่ะ เรามาพูดกันถึงความรักของสัตว์ดีกว่า ตามชื่อเรื่องครับ รักสัตว์ๆ เลย ผมหมายความตามที่พูดน่ะแหละ คุณอาจจะสงสัยว่าผมเป็นคนประหลาดรึเปล่า ก็ใช่ครับ แต่ก็ไม่ได้ประหลาดจนถึงขนาดไม่เคยมีแฟน ผมเคยมีความรักกับคนอยู่เหมือนกัน มันเริ่มตอนอายุ 13 และจบตอนอายุ 24 ราวๆ นั้น ก็มากหลายอยู่แต่สุดท้ายมันเบื่อครับ มันกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากวุ่นวายมากเกินไป และสรุปได้ว่าชีวิตแบบนั้นมันไม่เหมาะกับผมอีกแล้ว .. อ่ะ .. จบเรื่องคนๆ สักที

มาพูดเรื่องความรักของคนกับหมา (หรือแมวหรืออะไรก็ตามแต่) กันดีกว่า .. ทำไม .. ผมว่าคนเดี๋ยวนี้เลี้ยงหมากันมาก ด้วยสารพัดเหตุผล อาจจะชอบหมาเป็นชีวิตจิตใจ, ตามกระแส, แฟนซื้อให้, ตกกระไดพลอยโจร, anything else … สิ่งที่ผมจะพูดถึง คนบางคนอาจยังไม่เคยนึกถึง อาจจะยังใหม่กับเรื่องสัตว์เลี้ยง อาจยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ มันอาจจะเป็นประโยชน์อะไรได้บ้าง ถ้าคุณรู้อยู่แล้วก็แค่ผ่านๆ มันไปแล้วกันครับ

แล้วมันจะซึ้งไหมเนี่ย .. ซึ้งแน่ครับ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ drama ที่สุดใน blog นี้เลยทีเดียว .. ผมขอเอาเรื่องหมาแล้วกัน เพราะผมคุ้นเคยกับหมามากกว่าสัตว์ประเภทอื่น แต่รูปแบบมันก็คงคล้ายๆ กันนั่นแหละครับ .. ถ้าคุณเลี้ยงหมาโดยคิดว่าเขาเป็นเหมือนลูกคุณ มันจะกลายเป็นเรื่องของความผูกพัน ความรักคงไม่ต้องพูดถึง มันจะเหนือคำบรรยาย และเขาจะเป็นได้มากกว่าหมา .. คนที่ไม่เคยเลี้ยงหมา อาจจะไม่เข้าใจว่าหมามันดีตรงไหน คุณไม่ต้องไปพยายามเข้าใจหรอกครับ เพราะคุณไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ผมคาดหวังว่าจะมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าคุณอยากรู้จะลองอ่านดูได้ หมามันมีดีเยอะเลยครับ บางเรื่องดีกว่าคนด้วยซ้ำไป ผมจะสรุปให้ดูคร่าวๆ นะครับ สำหรับคนเลี้ยงหมา..
1. หมามีความจริงใจ เขาจะไม่มีวันโกหกตอแหลกับคุณเลย เพราะสมองของเขาไม่สามารถคิดเรื่องซับซ้อนแบบนั้นได้ เป็นข้อด้อยที่ดีของเขา และคุณก็ควรมีความจริงใจกับเขาด้วย อย่าไปหาประโยชน์อะไรกับเขาเลยครับ มีคุณธรรมหน่อย เกิดเป็นคนต้องมีคุณธรรมนะ มันเป็นเรื่องสำคัญ มันทำให้คนแตกต่างจากสัตว์ป่า ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด อะไรก็ได้ แต่ความที่เราเป็นคน เราจะทำอะไรก็ได้..ไม่ได้.. มันเป็นเรื่องพื้นฐาน
2. เขาจะทำให้คุณยิ้มได้เสมอ ซึ่งคุณควรตอบแทนเขาด้วยการทำให้เขามีความสุขด้วย
3. ทั้งชีวิตของเขามีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะอย่างนั้น เวลาที่คุณอยู่บ้านให้เวลาเขาให้มาก ให้ความอบอุ่นกับเขาด้วย ถึงเขาจะเป็นหมาแต่เขาก็มีความคิด มีอารมณ์และความรู้สึกเหมือนกันนะ คุณรู้ไหม หมาเขามีความคิดได้เท่าๆ กับเด็ก 9 ขวบเลยทีเดียว คุณลองนึกภาพเด็ก 9 ขวบที่ถูกเลี้ยงอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ ดูสิครับ
4. ความรักที่เขามีให้คุณ มันเป็นความรักแบบเทิดทูนบูชา ไม่มีเงื่อนไข ไม่เรียกร้องจะเอาอะไร แค่คุณยิ้มให้เขา คุยกับเขา นั่งเล่นกับเขา ลูบหัวเขา กอดเขา เขาก็มีความสุขแล้วล่ะครับ มันหาไม่ได้ในคน -- คน..มีความต้องการมากเกินไป

การเลี้ยงหมามันมีเรื่องดีๆ มากมาย แต่มันก็มีเรื่องที่ยากมากๆ ด้วยครับ ผมจะเล่าเรื่องหมาของผมให้ฟัง แต่ถ้าคุณต้องเคยสูญเสียหมาของคุณไป ผมว่าคุณอย่าอ่านต่อเลยครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเสียน้ำตาอีก ผมเองก็ไม่อ่านเรื่องของคนอื่น มันทำให้ผมร้องไห้ทุกที ที่ทะลึ่งไปอ่าน .. มันเป็นเรื่อง สุข เศร้า เคล้าน้ำตาน่ะครับ (จะพูดว่าน้ำเน่าก็คงได้) เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ มันเป็นสัจธรรมของทุกสิ่ง

ทีแรกผมคิดว่า blog นี้จะไม่มีเรื่องหมา เพราะรู้ดีว่ามันจะยากมากสำหรับผม ที่จะพูดถึงมัน แต่สุดท้ายผมก็คิดว่า ผมควรต้องพยายามพูดถึงมัน เพื่อเป็นการให้เกียรติพวกเขา เป็นการแสดงความขอบคุณต่อพวกเขา ที่ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ดีๆ ในชีวิต และมันอาจสร้างประโยชน์บางอย่างกับหมาตัวอื่นบางตัวในโลกนี้ก็เป็นได้

คุณคงเห็นรูปของผมกับเจ้า Rottweiler 2 ตัวข้างๆ แล้ว ภาพนี้ถ่ายตั้งแต่ปี 2001 ตอนเขาอายุได้ 7-8 เดือน ด้านซ้ายของคุณคือ candy ด้านขวาของคุณคือ coffee ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วทั้ง 2 คน เมื่อเช้าผมนั่งดูรูปนี้ด้วยความรู้สึกว่า ผมคิดถึงพวกเขา คิดถึงช่วงเวลาที่มีพวกเขาอยู่ ภาพต่างๆ มันผุดขึ้นมาต่อๆ กันไป มันจะเหมือนคุณ download video จาก u-tube มา แล้วยัดใส่ winamp ไปเป็นสิบๆ file คุณจะเจอกับภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ เป็นเรื่องๆ ต่อเนื่องกันไป.. ผมไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องนี้ให้จบโดยไม่ต้องร้องไห้ได้ยังไง ก็เอาเถอะ.. เผื่อมันจะทำให้คนเลี้ยงสัตว์ที่ยังไม่เคยเจอเรื่องบางอย่าง ได้รับรู้ว่าสัตว์เลี้ยงมันมีความละเอียดอ่อนมากแค่ไหน มีความเปราะบางมากแค่ไหน.. ถ้ามันจะทำให้คนที่ไม่เคยสังเกตุ ได้เห็นมัน และดีกับพวกเขามากขึ้น

ผมมาเลี้ยงหมาจริงๆ จังๆ รวมทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน ตั้งแต่ปี 1995 ก่อนหน้านั้น มันก็มีหมาบ้านๆ ที่ผู้ใหญ่เขาเลี้ยงไว้ ผมยังเด็กและไม่ได้ให้ความใส่ใจอะไรเท่าไหร่ เท่าที่จำได้ มีเจ้า brown กับเจ้า dicky ที่พอจะคุ้นเคยมากหน่อย และผมยังนึกเสียใจ หากผมดีกับพวกเขามากกว่านั้น เขาก็คงมีความสุขมากกว่าที่เขามี

ผมได้หมาตัวแรกมาเป็นของตัวเองในปี 1995 เจ้า Tommy เป็นชื่อที่คุณอาตั้งมาให้ เขาเป็น German Shapherd เพศชาย ตอนมาถึงเขาอายุได้ 3-4 เดือน คุณอาเอามาจากขอนแก่น เป็นลูกสุนัขตำรวจ เขาเป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใสมาก และไม่มีความดุร้ายเลย ผมยังจำภาพที่เขาวิ่งเล่นในสวนได้อย่างชัดเจน เขาไม่ใช่หมาที่ขี้อ้อนขี้ประจบอะไร อาจเป็นด้วยสายพันธุ์ แต่เขาก็เป็นเด็กดีมากๆ และเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็นไปทั่ว เวลาที่ผมพาเขาไปเดินเล่น เขาจะวิ่งนำจนผมวิ่งตามแทบไม่ทัน

หมาตัวที่ 2 และ 3 มาพร้อมกัน คือ Coffee กับ Candy นั่นแหละครับ เขาเป็นพี่น้องกัน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ผมได้มาเพราะคุณอาข้างบ้านที่เอาเขามาจากคอกแถวสามพรานเกิดกลัวขึ้นมาและอยากจะเอาไปให้คนอื่น ช่วงนั้นมันมีข่าว Rottweiler กัดคนบ่อยมาก มันเลยดูจะกลายเป็นหมาอันตราย แต่ผมกับป้าเริ่มชอบมันแล้ว เลยขอรับเลี้ยงไว้เอง จริงๆ แล้ว Rottweiler ไม่ใช่หมาที่ดุเลย การที่หมาจะดุหรือไม่ อยู่ที่คนเลี้ยงครับ ขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้างต่างหาก Coffee กับ Candy เป็นหมาที่เชื่องมากๆ เขาอาจจะโวยนิดหน่อยเวลาที่เจอคนแปลกหน้า แต่ถ้าคุณกล้าพอที่จะเข้าไปหาเขา คุยกับเขา ยอมให้เขาดมกลิ่นคุณ เขาจะยอมให้คุณลูบหัวได้เลย เขาเชื่องกว่า Puddle เสียอีก .. น้องผมเขาไปเรียนต่างจังหวัดและย้ายไปอยู่กรุงเทพ นานๆ กลับบ้านครั้ง เรียกได้ว่าไม่คุ้นเคย แต่เด็กๆ จะจำเขาได้จากน้ำเสียงและกลิ่น มาถึง พูดกับเขา ปล่อยให้เขาดม เขาจะจำได้และดีด้วยเหมือนคนอยู่บ้านเดียวกัน

Candy เป็นหมาที่ขี้อ้อนมากๆ เขาจะชอบพันแข้งพันขาอย่างกับแมว ถ้าผมนั่งลงกับพื้น เขาจะกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก ดมหน้าดมตา จนผมหงายหลังไปเลย แต่เขาก็ยังอยู่บนตัวผม คุณต้องนึกถึงหมาน้ำหนักเกือบ 40 โล เราเล่นกันอย่างนั้นประจำ Coffee จะขี้อ้อนน้อยกว่านิดหน่อย และเรียบร้อยกว่านิดนึง เขาจะเอาตัวพาดขึ้นมาบนตักครึ่งตัว ขึ้นมาทั้งตัวไม่ได้ เพราะเขาช้ากว่า Candy ซึ่งจองที่บนตักไปเกือบหมดแล้ว แล้วผมก็จะโดน Rottweiler 2 ตัวรุมฟัด แต่ละคนพยายามแย่งพื้นที่บนตัวผม หาวิธีให้ผมกอดเขาแน่นๆ แต่เขาก็ไม่เคยทะเลาะกันเลย ในกรณีที่มีปัญหา Candy จะเป็นฝ่ายยอมให้เสมอ บ้านผมจะมีฐานบันไดสูงประมาณ 6-7 นิ้ว กว้างยาวสักเมตรสามสิบ เขาจะแย่งกันนอนบนนั้น ใครเร็วกว่าก็ได้ไป พอคนนึงลุกลงมา อีกคนก็จะกระโดดขึ้นไปแทนที่ เรื่องตลกอีกอย่างคือท่านอนเขาครับ เขาชอบนอนหงายท้องพิงข้างฝาทั้งคู่เลย เป็นท่าที่ดูเขาจะมีความสุขมาก ยิ่งถ้าไปนั่งลูบอกให้ เขาจะยิ่งเพลินครับ

ตัวที่ 4 และ 5 คือ Maxtor และ Bach เป็นลูกของ Candy ผมไม่เคยคิดจะผสมพันธุ์หมา เมื่อก่อนป้าอยู่บ้าน บ้านเก่าจะใต้ถุนสูง ผมล่ามหมาด้วยโซ่ยาว 5 เมตรไว้กับเสาบ้าน หมาไม่เคยท้อง พอป้าเสีย ผมจ้างคนมาอยู่บ้านให้ตอนกลางวัน Candy ท้อง ผมเชื่อว่าเขาแหละ เขาเคยถามผมว่าทำไมไม่ผสมล่ะ ถ้ามีลูกเขาอยากได้ .. Candy ออกลูกมา 8 ตัว ตายไป 3 ตัว พอ 3 วันผมก็เอาไปตัดหาง เพราะเข็ดกับหางเจ้า Tommy มันเกะกะและสกปรกง่ายมาก ถ้าคุณจะตัดหางหมา ต้องวันที่ 3 เท่านั้น เร็วกว่านั้น เขายังไม่แข็งแรงพอ ช้ากว่านั้น เขาจะมีความรู้สึกมากขึ้นและเจ็บมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ร้องกันลั่นคลีนิก คุณหมอท่านดูแล้วก็ว่า ดูจากสีกับขนาดนี่ เจ้า Tommy น่ะแหละ และก็ทำให้ผมได้แผลเป็นที่แขนนับสิบ ตอนเอายาใส่หางให้ เขาจะตะกุยหนีกันสุดชีวิต

Wagnor ตายตอนอายุได้ 1 เดือน เพราะ Coffee อยากจะเล่นด้วยแต่เล่นไม่เป็น , ผมถูกบังคับให้ยก Hector กับ Nikolai ให้กับกำนันท่านหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ของพ่อ เพราะญาติๆ ผมมีความเห็นตรงกันว่า ผมมีหมามากเกินไป ผมได้ไปเยี่ยมพวกเขาครั้งหนึ่ง แล้วไม่ไปอีกเลย ทำไมล่ะ.. ตอนที่เขาเห็นผม เขาดีใจมาก  มานอนพาดตักคนละข้าง กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเป็นชั่วโมงๆ เวลาที่ผมต้องกลับเขาไม่ยอมให้ผมกลับ ร้องโวยวายใหญ่โต จนผมมานั่งคิดว่าจะขอคืน ตอนนั้นผมพร้อมจะทะเลาะกับใครก็ได้ ผมไม่สน แต่น้องผมเขาก็เตือนว่า .. ไม่ได้ คนหลายคนจะผิดใจกันเพราะมึงคนเดียว ... เมื่อทำไม่ได้แน่ ผมก็มาคิดว่า การที่ผมไปหาพวกเขา เราทำเพื่อเขา หรือทำเพื่อตัวเอง ยังไงก็เถอะ สุดท้ายผมก็สรุปได้ว่าจริงๆ แล้ว มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขาหรอก ให้เขาลืมๆ ผมไป แล้วอยู่อย่างมีความสุขกับเจ้านายใหม่ของเขาดีกว่า ..

Maxtor ที่ผมมักจะเรียกเขาว่าลูกแมกซ์ เป็นผู้ชาย เขาเป็นหมาที่เรียบร้อยมาก เขาชอบที่จะมาหมอบอยู่ใกล้ๆ ผม เขาจะมีที่ประจำอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าด้านหัวเตียง แต่เขาก็เป็นเด็กที่ร่าเริงและคึกมาก เวลาที่ผมปล่อยให้เขาวิ่งเล่น เขาจะวิ่งไปทั่ว หน้าบ้าน หลังบ้าน หลายๆ รอบ มีการกระโจนลงคลองตามหมาข้างบ้านด้วยนะ แล้วก็หาทางขึ้นเองไม่ได้ ผมต้องลงไปเปียกด้วยเพื่อจะดันตัวเขาขึ้นมา ถ้ามีใครจุดพลุ เขาจะกระโจนขึ้นมากอดผมแน่น คงตกใจ (บางครั้งผมก็รำคาญจนอยากจะไปตะโกนถามอยู่เหมือนกันว่า โคตรพ่อโคตรแม่มึงตายกันหรือไง) ลูก Max ตัวใหญ่มาก ตัวเขาพอๆ กับ German Shepherd เลย แต่สีเหมือน Rottweiler ขนของเขาหนาฟูแต่ไม่ยาวมาก เวลาที่ลูบไปบนตัวเขา มันจะนุ่มมือมากๆ

Bach เป็นลูกชายคนสุดท้อง เป็นหมาตัวสุดท้ายที่ยังอยู่ เขาเป็นเด็กน่ารักและเชื่องมากกับคนในบ้าน น้องชาย น้องสะใภ้ นอกจากนี้เขาไม่เอาใครทั้งนั้น เขาเป็นหมาที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นโรคความดันสูง มีโรคหัวใจบีบตัวไม่แรงพอ แถมค่า creatinine ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในช่วง 1.6-1.9 กินยากันเป็นว่าเล่นน่ะครับ เวลาที่ผมพาไปเดินเล่น มันจะเป็นการต้องวิ่งให้ทันเขาซะมากกว่า ต้องคอยบอกว่า ช้าๆ หน่อยครับลูก หนูมี 4 ขานะ ป๊ามีแค่ 2 ขาจะวิ่งให้ทันหนูได้ยังไง เขาก็จะรอนิดนึง แล้วเดี๋ยวก็วิ่งอีกแหละ.. เวลาที่ผมนอนกอดเขา เขาจะพลิกตัวหงายท้องมาให้ผมลูบอก เพลินเขาล่ะ ผมก็เพลินด้วย จนบางครั้งก็หลับๆ ตื่นๆ ไปด้วยกัน เจ้านี่ชอบผ้าแพรมากด้วยครับ ถึงขั้นคลั่งเลยทีเดียว มันคงให้ความรู้สึกนุ่มสบาย .. ผมเองยังชอบเลยแฮะ

จบจากเรื่องง่ายๆ กันแล้ว มาดูเรื่องยากๆ กันบ้าง หมาป่วย หมาตาย เป็นเรื่องที่คุณต้องเจอ ไม่มีทางเลี่ยงได้ หรือถึงคุณจะหาทางเลี่ยงได้ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ช่วงเวลาสุดท้ายของเขา มันสำคัญมาก เขาต้องการคุณมากที่สุดในชีวิตเขา เขากำลังเผชิญหน้ากับความตาย คุณต้องทนดูมันให้ได้ อยู่ข้างๆ เขา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน อย่ามัวแต่นั่งร้องไห้พิรี้พิไร เขายังอยู่ ไว้เขาไปแล้วค่อยร้องก็ได้ คุณต้องมีสติให้มาก คุณควรพูดคุยกับเขาด้วย สัมผัสตัวเขา ส่งผ่านความรู้สึกของคุณไปยังเขา คุณไม่ต้องไปสนหรอกว่าเขาจะเข้าใจคำพูดของคุณไหม เขาจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่คุณมีต่อเขา ถึงเขาจะ coma คุณก็ยังควรต้องทำอยู่ดี .. จริงๆ แล้ว คุณไม่ต้องทำอะไรให้เขามากไปกว่า สิ่งที่คุณอยากจะให้มีใครสักคนทำให้คุณ ในเวลาที่คุณใกล้จะตาย เท่านั้นก็พอ คุณเองก็คงไม่อยากให้ตัวเองต้องตายตามลำพังหรอกกระมัง .. ต่อจากนี้ ผมจะเล่าเรื่องที่ผมเจอ มันอาจเป็นเรื่องที่คุณต้องเจอ คุณจะได้รู้ว่า เมื่อถึงเวลานั้น คุณจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

Tommy (11 Dec 1994 – 11 Apr. 2006) ไม่มีอะไรมาก เขาเลือดกำเดาไหล ก่อนตายได้ 2-3 เดือน พาหาหมอ กินยาก็หาย แล้วก็ดูแข็งแรงดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง วันสุดท้ายของเขา มื้อเย็นก็ยังกินได้ปกติ ไม่มีอาการผิดปกติอะไร เช้ามาเขาก็ไปแล้ว คุณหมอสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมะเร็งโพรงจมูก มีพบหลาย case ที่เกษตร นั่นเป็นการสูญเสียหมาครั้งแรก แบบงงๆ .. ยอมรับไม่ได้ ทำใจไม่ได้ ร้องไห้เสียหลายวัน เขาจากไปตอนอายุได้ 11 ขวบกว่าๆ

Candy (11 July 2000 – 17 Mar 2010) เขาหยุดกินเสียเฉยๆ ผมพาหาหมอ x-ray เจอมะเร็งตับ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้อีก ทำได้แค่รักษาตามอาการ ผมให้น้ำเกลือเขาแค่ครั้งเดียว เพราะรู้สึกว่ามันเป็นการทรมานกันเกินไป อาศัยป้อน a/d เอาอย่างเดียวน่ะแหละ มันจะมีปริมาณที่เขารับได้อยู่ ถ้ามากกว่านั้น เขาจะอ้วกออกมาหมดเลย ทั้งอาหารทั้งยา เลยไม่รู้ว่ายาถูกดูดซึมไปเท่าไหร่แล้วด้วย ช่วงแรกๆ อ้วกบ่อยมาก  วันละหลายครั้ง แถมยังแพ้ยาแก้อาเจียนด้วย อาจจะเป็นผมพยายามป้อนอาหารให้เขามากเกินไป ผมค่อยๆ ลดลงจนถึงจุดที่เขากินแล้วไม่อ้วก ตอนหลังอ้วกน้อยลงมาก บางวันไม่อ้วกเลย ผมเริ่มกลับบ้านตอนเที่ยง โชคดีที่ที่ทำงานอยู่ห่างจากบ้านแค่ 2 โล เมื่อเขากินได้น้อยก็ต้องกินบ่อยขึ้น เขายังกินน้ำเองได้ อาการต่อมาคือเลือดคั่งในลูกตา ใช้ enarapril  ก็ดีขึ้น เขายังเดินเองได้ แต่การขึ้นรถไปหาหมอทำให้เขาเหนื่อยมาก ตอนหลังถ้ามีอะไร ผมจะเอากล้อง digital ถ่ายรูปไปให้คุณหมอดู เล่าอาการ เอายามากิน ดูอาการ โทรหาหมอเกือบทุกวันล่ะครับ ท่านก็ดีมาก ไม่เคยแสดงความรำคาญเลย  ระยะทางในการเดินของเขาสั้นลงเรื่อยๆ บางทีก็สะดุดหัวคะมำ ที่ผมจะทำได้คือเดินตามเขาไปใกล้ๆ คอยประคองถ้าเขาเสียหลัก ช่วง 2-3 อาทิตย์สุดท้าย เขาจะเดินไปฉี่แล้วรีบวิ่งกลับมานอนหน้าบ้าน ดูโน่นดูนี่ ฟังเสียงใบไผ่ เสียงนก เสียงกระดิ่งไม้ ผมจะนั่งอยู่ข้างๆ เขา คุยกับเขา เลยได้ยินเสียงพวกนี้ไปด้วย ปกติ เสียงมันก็มีอยู่ แต่ผมไม่เคยหยุดฟังมันเลย.. เขาทำให้ผมได้รู้จักธรรมชาติมากขึ้น ..

เขาอยู่กับผมได้เกือบ 2 เดือนหลังจากที่เขาเลิกกินเอง ซึ่งผมเองก็เริ่มเลิกนอนบนเตียงของตัวเอง และมาปูผ้านอนข้างๆ เขา คืนสุดท้ายเขาชัก คือนอนเฉยๆ น่ะครับแต่ขาเกร็งกระตุก ตั้งแต่ 4 ทุ่ม มะเร็งมันขึ้นสมองแล้ว ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะคุณหมอเคยเล่าอาการระยะสุดท้ายของ case อื่นให้ฟังมาก่อน ที่แปลกใจคือ เมื่อเย็นยังดูดีๆ อยู่เลย เร็วจัง เมื่อเช้าเขายังหงายท้องมาพิงหมอนข้างที่ผมกอดอยู่เลย .. ผมอยู่กับเขาตลอด คุยกับเขา นวดขา นวดตามตัวให้เขา ดูเขาจะเกร็งน้อยลง คอยเช็ดน้ำลาย อึ ฉี่ ที่มันไหลอยู่ตลอดเวลา เขาหอบมากขึ้นเรื่อยๆ และจากไปตอน 9.45 เช้าวันรุ่งขึ้น ต้องทรมานอยู่เกือบ 12 ชั่วโมง ทีแรกผมคิดว่าตอนเช้าจะให้หมอมาฉีดยาให้เขาไป  แต่พ่อบอกว่าอย่าทำเลยกับคนเขาก็ไม่ทำกัน หมอเองก็คงไม่ทำ เพราะมีอีก case เป็นแบบนี้ คุณหมอเขาก็บอกกับเจ้าของไปว่าอย่าทำเลย ให้เขาไปเองดีกว่า ตอน 9 โมง เขายังรู้เรื่องอยู่เลย ผมดึงลิ้นเขาออกมาแล้วเขางับมือผม ผมก็บอกเขาว่าอย่ากัดสิลูก เขาก็ปล่อย เขาอายุได้ 9 ขวบ 2 เดือน

Maxtor (22 July 2003 – 9 Aug. 2010) ตายหลังจากที่ Candy ตายได้ 5 เดือน เล่นเอาผมเอ๋อไปเลย เขาหอบมากและหยุดกิน ผมพาหาหมอ ปรากฏว่าปอดอักเสบ ก็ฉีดยาแล้วเอายามากิน เขาก็ดูดีขึ้นเยอะ ยังดูแข็งแรงดี วิ่งได้ จนผมต้องจำกัดเวลาในการวิ่งเล่นของเขา เขากลับมากินได้ แต่น้อยกว่าเดิม 7-8 วันต่อมาก็ทรุดลงอีก ทีนี้คุณหมอให้พาไปเกษตร เหตุผลคือ เครื่องมือพร้อม หมอเก่ง ก็ถูกครับในทางทฤษฏี แต่ ..

มันเป็นวันศุกร์ ผมไปถึงแผนกฉุกเฉินตอน 6 โมงเช้า เขา x-ray เบื้องต้น วัดความดัน ตรวจคลื่นหัวใจ ผลคือความดันต่ำ หัวใจบีบตัวเบาไป ปอดอักเสบ มีน้ำคั่งในช่องอก (มารู้ตอนหลังว่ามันคั่งอยู่ระหว่างเยื่อหุ้มหัวใจกับเนื้อเยื่อหัวใจ เป็นอาการที่พบได้ในผู้ป่วยโรคหัวใจ ทั้งคนและสัตว์) ผมขอให้ทำการ x-ray อย่างละเอียดและ ultrasound ด้วย แต่ที่เขาทำทั้งวันนั้นคือ ฉีดยาขับน้ำ 2-3 ชั่วโมงต่อเข็มและให้นอนดม oxygen

หมอทั้งหมดตรงนั้นเป็นหมอใหม่ๆ คนไข้เยอะมากจนดูแลไม่ทั่วถึง Max ดูดีขึ้นนิดหน่อย หายใจดีขึ้น แต่เขาก็ไม่ทำอะไรมากกว่านั้นทั้งๆ ที่ผมถามถึงการตรวจอย่างละเอียดอยู่บ่อยๆ ผมนั่งอยู่จน 4 โมงครึ่งแล้วเดินไปบอกที่เคาน์เตอร์ว่า คิดเงินด้วยครับ Maxtor จะกลับแล้ว อีก 10 นาทีต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่า จะ x-ray + ultrasound ให้ตอน 1 ทุ่ม ถ้างั้นก็อยู่ต่อ ทีแรกผมคิดว่าถ้าที่นี่ทำได้แค่นี้ ผมพาเขาไปที่อื่นเถอะ .. พอ x-ray + ultrasound เสร็จก็มีหมอเด็กๆ มาบอกว่าจะเจาะเอาน้ำออก เพราะ Max เขาไม่ตอบสนองต่อยาฉีด (แล้วทำไมมึงพึ่งมาบอกกูตอนนี้ มึงต้องดูอาการหมาทั้งวันเลยเหรอ ถึงจะบอกได้ว่าร่างกายเขาไม่ตอบสนองต่อยา) เขาบอกผมว่าอาการหนักขนาดนี้ก็มีความเสี่ยงที่วางยาแล้วจะไปเลย ผมก็บอกเขาว่างั้นผมไม่เจาะ ผมรับไม่ได้หรอกที่จะต้องเสียเขาไปตอนนั้น ในที่ๆ ไม่ใช่บ้านที่เขาคุ้นเคย อีกพักนึงก็มีหมออีกคน ประมาณว่าผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ มานั่งพูดๆ ว่า การวางยามันก็มีความเสี่ยงปกติ เขาจะใช้ยาสลบตัวที่ใช้ในหมาแก่ๆ ซึ่งค่อนข้างปลอดภัย เจาะน้ำออกแล้วเขาจะอยู่ได้สบายๆ อีกเป็นวันๆ เลย ผมโอเคโดยลืมดูคำว่าเป็นวันๆ ไป ..

มันเป็นการรอที่สุดยอดมากๆ ผมมีแต่ความกลัว ผมบนนักบุญร็อคด้วยสายประคำ 10 สาย ทั้งๆ ที่ปกติผมแทบจะไม่สวดเลย ใครจะคิดว่าผมงมงายก็ช่างเถอะ เวลาอย่างนั้นคุณจะขอให้ใครช่วยได้ ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือ .. เขารอด และเราได้กลับบ้านกันตอนเกือบเที่ยงคืน ค่าใช้จ่ายวันนั้นประมาณเกือบหกพัน แต่ถ้าคุณไม่มีตังค์คุณก็สามารถขอใช้แบบอนาถาได้ มันเป็นข้อดีของโรงพยาบาลรัฐ ผมจ่ายตังค์ไปเพราะไม่อยากจะไปใช้เงินส่วนที่จะต้องเอาไปช่วยคนที่ไม่มีเงินจ่ายจริงๆ แต่ต้องการช่วยหมาของเขา อันนี้สำคัญนะครับ เป็นเรื่องคุณธรรมน่ะแหละ ถ้าคุณพอมีเงินที่จะจ่ายได้ ก็อย่าเห็นแก่ได้ไปเบียดเบียนเงินที่เขาจะเอาไว้ช่วยสัตว์อนาถาเลยครับ .. หมอนัดมาดูอีกทีวันพฤหัส เขาแทบจะพุ่งไปที่รถถ้าเขาไม่มึนยาอยู่ ..

กลับมาเขาก็เอาแต่นอน แต่การหายใจดูดีขึ้น ยังไม่กินเอง แต่ก็ยังกินยาได้ a/d ที่ป้อนไป ก็อ้วกบ้างไม่อ้วกบ้าง ยังกินน้ำเองอยู่ พาไปฉี่ เขาก็จะมองไปในที่ๆ เขาเคยวิ่งเล่น แต่เขาวิ่งไม่ไหวแล้ว .. วันจันทร์ตอนเย็น เขาลุกขึ้นมาตอน 5 โมงกว่า แล้วก็เอาแต่เดินไปเดินมาจนเหนื่อย พอนั่งก็มีเสียงครอกๆ ต้องลุกมาเดินใหม่ ผมตั้งใจจะเอาเขาไปโรงพยาบาล แต่มันเป็นช่วงที่รถติดมาก รอให้ผ่านช่วงนั้นไปก็จะไปถึงโรงพยาบาลในเวลาเท่ากัน .. ผมนั่งลงกับพึ้น โดยมีเขาเดินวนไปรอบๆ มาตะกายตัวผมบ้าง หยุดให้ผมกอดเขาบ้าง สุดท้ายเขาล้มลงตรงหน้าผม ตะกุยขา 2 ทีแล้วเงียบไปเลย ไม่หายใจ ผมยังไม่ลุกไปไหน จับเขานอนท่าดีๆ แล้วลูบคอเขาอยู่ และผมก็ดีใจที่ผมยังอยู่ตรงนั้น อีก 4-5 นาทีต่อมา มันมีอาการพยายามอ้าปากหายใจเฮือกสุดท้ายของเขา ทีนี้ทุกอย่างจบจริงๆ .. ถ้าเขาจะรู้ ผมยังอยู่กับเขาตลอดเวลาจนลมหายใจสุดท้าย และมันต้องดีกับดวงวิญญาณน้อยๆ ของเขาแน่ๆ ผมดีใจที่เขาได้ตายในที่ๆ เขาคุ้นเคย ไม่ใช่บนถนนกลางกรุงหรือโรงพยาบาลสัตว์ เป็นผม ผมก็อยากจะได้ตายที่บ้านเหมือนกันนะ ตอนเขาไปเขาอายุได้ 7 ขวบกว่าเอง ยังเด็กมากครับ

หลังลูก Max ตาย ผมก็เป็นโรคประสาท หมาหอบนิดหน่อย ผมก็พาไปโรงพยาบาลแล้ว จับไปตรวจหมดเลยทั้งลูก Bach ทั้ง Coffee .. คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด ซึ่งปัจจุบันการรักษาพยาบาลดีที่สุด เท่าที่คุณหมอวรรณพงศ์ประเมินให้ฟังนะครับ .. ผมเลิกยุ่งเกี่ยวกับโรงพยาบาลสัตว์เกษตรโดยเด็ดขาด (คุณเชื่อไหม ผมโทรไปขอทราบผล lab เขาบอกหมอจะแจ้งตอนพาหมามา ผมบอกว่าเขาตายแล้ว เขาบอกจะดูให้แล้วโอนสายไปมา ผมโทรไป 3-4 ครั้ง จน..ช่างมันเหอะ แต่ผมไม่เข้าใจไง ทำไมผมจะรู้ผล lab ที่ผมจ่ายตังค์ค่าตรวจไปแล้วไม่ได้ หรือพอรู้ว่าหมาตายแล้วก็ไม่ต้องส่ง lab แล้ว ..)

Coffee (11 July 2000 – 27 Nov. 2012) เพิ่งจากไปเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ด้วยอายุ 12 ขวบกว่าๆ หลังจากที Candy ตาย เขาก็แก่มากขึ้นด้วย เขาร่าเริงน้อยลงและดูเหงาๆ เขาไม่เล่นกับ Bach เพราะคนละรุ่นกัน แต่ตอนพาเขาไปเดินเล่น เขาก็จะวิ่งนำผมไปรอบๆ บ้าน ทั้งๆ ที่มีโรคไขข้ออักเสบอยู่ เขาไม่พยายามตะกายขึ้นตักผมอีก แต่จะนอนหมอบมองเฉยๆ พอผมไปนอนข้างๆ แล้วถามเขาว่าหนุนแขนป๊ามั๊ย เขาก็จะเอนตัวมานอนหนุนแขน เขาชอบให้ลูบๆ ไปตามหน้าตา ตามตัวเขา บางทีเขาก็พลิกตัวเอาขามาตะปบอกผม ผมก็จะลูบๆ หัวเขา เขาคงรู้สึกดีและอยากให้ผมรู้สึกดีด้วย เขาก็จะทำแบบเดียวกัน คือเอาเท้ามาลูบหน้าผมน่ะ มันก็สากๆ ดี บางทีเขาก็เพลินจนหลับไปเลย นอนกรนด้วย ถ้าผมเพลียๆ ผมก็หลับไปกับเขาน่ะแหละ ตื่นมานี่แขนชาเลยครับ

หนึ่งปีก่อนหน้านั้น Coffee เป็นเนื้องอกที่เต้านม ทั้งๆ ที่ผมใช้ covinan ซึ่งเป็นยาคุมสำหรับสัตว์โดยเฉพาะ ที่บอกว่า ไม่มีความเสี่ยงต่อเนื้องอกและมะเร็งเต้านม ผมไม่ได้ทำหมันเขา ไม่ใช่เพราะคิดจะผสมพันธุ์ แต่คุณหมอบอกว่า Rottweiler มดลูกลึก ผมกลัวอันตรายเลยไม่ทำ แต่ที่โรงพยาบาลบอกผมว่า ผ่าตัดเต้านมแล้วจะผ่ามดลูกเลย จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องมดลูกอักเสบอีก ไม่ต้องห่วงหรอกคุณหมอผ่าตัดมดลูกเป็นงาน routine อยู่แล้ว ผมให้ผ่าตัดโดยใช้ยาสลบตัวที่ปลอดภัยที่สุด (ที่ใช้ในคนนั่นแหละ แต่ปรับ dose เอา) ซึ่งทางโรงพยาบาลเขาก็เลือกตัวนี้ให้อยู่แล้ว ผมแค่ถามคุณหมอ ถ้าไม่ใช่ ผมจะขอเปลี่ยนยา เราใช้เวลาที่โรงพยาบาล 8 ชั่วโมง ผมไปตอนเที่ยงกว่า ผ่าตัดตอน 4 โมง และได้กลับบ้านตอน 2 ทุ่ม ค่าใช้จ่ายของงานนี้รวมการตรวจร่างกายทั้งหมดด้วยประมาณหมื่นกว่า จัดว่าไม่แพง เพราะทำเยอะอยู่ มันเป็นวันที่ผมนั่งสวดติดต่อกัน 8-9 ชั่วโมง เอาเถอะ ถ้าคุณประสาทเสียจนเกินกว่าจะอ่านหนังสือรู้เรื่อง สวดซะก็สิ้นเรื่อง .. เนื้องอกยังไม่ใช่มะเร็ง แต่ก็ไม่ใช่เนื้องอกธรรมดา ต้องคอยดูไว้ แผลแบบนี้จะมีน้ำเลือดน้ำหนองมาคั่งอยู่มาก ผมพาไปให้คุณหมอวรรณพงศ์ดูดออก 2 ครั้ง เพราะไม่อยากเดินทางไกลให้แผลเขากระเทือน แต่ไปตัดไหมที่โรงพยาบาล ล้างแผลทุก 2 วันโดยคุณหมอ ท่านจะได้ดูลักษณะของแผลด้วยว่าอักเสบไหม และต้องประคบให้เขาทุก 6 ชั่วโมง ประมาณเดือนกว่าก็หายเป็นปกติ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำให้เขา ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่

หลังผ่าตัดได้เดือนกว่า เขามีอาการหอบ เราเจอกับโรคใหม่กัน ผนังหัวใจบางและหัวใจบีบตัวไม่แรงพอ พบได้ปกติในหมาแก่ ได้กินยาเพิ่มอีกตัว vetmedin ซึ่งแพงมาก คุณหมอบอกว่า จังหวะการบีบตัวมันปกติต้องใช้ยาตัวนี้ ถ้าช้าจะใช้ยาอีกตัวที่ใช้ในคนซึ่งถูกมาก ไม่เป็นไรลูก ป๊ายังพอมีปัญญาซื้อให้ได้

ก่อนเขาตายราว 2 เดือน มีอาการไอขากๆ และมีก้อนขึ้นมาที่เต้านมอีก ผมพาไปโรงพยาบาล คุยกับคุณหมอว่าถ้าผ่าตอนนี้จะยังปลอดภัยไหมกับหมา 12 ขวบกว่าๆ ถ้าคนก็เกิน 100 แล้วล่ะครับ หมาใหญ่ .. ผมรอผล x-ray นานมากกว่าทุกที จนคุณหมอเดินมาบอกว่าไม่ต้องผ่าแล้ว ฟังดูไม่ดี ท่านพาผมไปดูผล x-ray มันมีก้อนขนาดเท่าเหรียญ 10 อยู่ใกล้ๆ หลอดลมเล็ก พอไปกดหลอดลมเล็กก็จะระคายเคืองทำให้ไอ ผมก็ถามคุณหมอไปเลยว่ามะเร็งเหรอครับ ท่านบอกว่าคิดว่าใช่ เพราะต่อมน้ำเหลืองเขาอักเสบด้วย มันน่าจะลามไปจากเต้านม คำถามต่อมาที่ผมถามคือ ผมเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ท่านว่าเท่าที่เจอมาก็ประมาณ 3 เดือน .. คำถามนี้สำคัญนะ คุณต้องถาม คุณต้องยอมรับความจริงให้ได้ คุณจะได้รู้ว่าคุณมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ที่จะทำให้มันมีค่าที่สุดสำหรับเขา รวมถึง step ของโรคด้วย อาการต่อไปจะเป็นยังไง ระยะสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น

Coffee หยุดกินทุกอย่างแม้กระทั่งน้ำ ก่อนเขาไปราว 10 วัน ผมพาไป clinic ให้น้ำเกลือทุก 2 วัน ป้อน a/d ป้อนยา เขาเอาแต่ท้องเสียกับอ้วกเต็มบ้าน เขาป่วย คุณต้องเข้าใจ อย่าไปว่าอะไรเขา เขาไม่ได้อยากทำให้สกปรกหรอก สิ่งที่เราจะทำได้คือ ก้มหน้าก้มตาเช็ดไป .. พอได้ยาก็ดีขึ้น อ้วกน้อยลง ผลเลือดทุกอย่างปกติ ยกเว้นค่า PMN ที่สูงกว่าปกติ (หมอมาบอกทีหลังว่าที่ท่านเคยเจอมักไม่รอด) ผมรู้ว่าเวลาของเราเหลือน้อยแล้ว ผมไม่ลากเขาไปโรงพยาบาล การรักษาจะเป็นไปตามอาการเหมือนๆ กัน ผมจะไม่เอาเขาไป admit แล้วปล่อยให้เขาต้องไปตายตามลำพัง .. 2-3 วันท้ายๆ เขาเดินไม่ไหวแล้ว ผมอุ้มเขาไปฉี่ เขาก็แทบจะยืนไม่ไหว คืนสุดท้ายตอน 3-4 ทุ่ม เขายังนั่งมองผมเดินไปเดินมาอยู่เลย เขาคงกลัวว่าผมจะไม่ไปอยู่ข้างๆ เขา พอเกือบเที่ยงคืน ขณะที่เขานอนหนุนแขนผมอยู่ก็มีเสียงครอกๆ แต่เขาก็ยังลุกขึ้นมานั่งหอบได้ มันคืออาการน้ำท่วมปอดน่ะ คล้ายๆ Candy อาการถัดมาคืออ้วก เป็นน้ำลายข้นๆ เหนียวๆ เหมือนน้าผมที่เป็นมะเร็งตาย แล้วก็น้ำลายไหล อึ ฉี่ด้วย ผมปักหลักอยู่กับเขา ทำความสะอาดให้เขา คุยกับเขา กอดเขา เขาไปตอนตี 5.45 ด้วยการโก่งตัวอ้าปากหาลมหายใจเฮือกสุดท้าย .. แล้วไงต่อ ผมเช็ดตัวให้เขาจนสะอาด หวีผมให้เขา ทำอย่างที่เราจะทำให้ญาติคนหนึ่งของเราได้

ทั้งหมดนี่.. ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องลำบากใจที่สุดที่คุณจะมีโอกาสได้เจอแล้วหล่ะ คุณรับรู้มันแล้ว เห็นไหม..มันไม่มีอะไรยากหรอกครับ แค่คุณต้องอยู่ตรงนั้นให้ได้ก็พอ สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการจากคุณ ก็แค่นี้แหละครับ คุณให้เขาได้ไหม .. และนี่คือคำตอบว่าทำไม ผมถึงจะมีหมาทั้งหมดแค่ 5 ตัว เป็นคำตอบเดียวกันกับของน้องสะใภ้ผม ที่จะไม่มีการเลี้ยงแมวอีก

เมื่อหมาตาย คุณจะทำยังไงล่ะ .. สำหรับผม ผมจะเช็ดตัวให้เขา หวีผมให้เขา เอาสายประคำหนึ่งเส้นคล้องคอให้เขา นี่เป็นวิธีเดียวกับที่เราจะทำให้กับคนตายที่เป็นคาทอลิก เอาเขาวางบนผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ๆ พับทบลงบนตัวเขา แล้วไปขุดดิน ซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมง พ่อจะตามมาช่วยด้วย เขากลัวว่าผมจะโหมจนเหนื่อยตายตามหมาไป ผมไม่เคยจ้างใครมาขุดดินฝังหมาให้ผม และผมก็ไม่เคยขุดดินฝังหมาของคนอื่น ถ้าหมาข้างบ้านตาย ผมจะให้คุณลุงบ้านถัดไปช่วยทำให้ การขุดดินเพื่อฝังศพหมาของตัวเอง มันมีอะไรมากกว่านั้น และผมอยากจะแนะนำว่า ถ้าคุณมีปัญญาขุดดิน จงทำด้วยตัวเอง มือมันไม่แตกหรอกครับ หาถุงมือใส่เอาก็ได้ ถ้าบ้านคุณไม่มีที่ ต้องเอาไปเผา จงไปอยู่ตรงนั้นในขณะที่เผาเขาด้วย มันไม่ได้เสียเวลามากหรอกครับ เป็นการตอบแทนบุญคุณ ที่เขาทำให้คุณมีความสุขมาตั้งหลายปี .. น้องชายผมกับแฟนเขาอยู่นนทบุรี เมื่อแมวของเขาตาย เขาเอาใส่กล่อง notebook แช่ช่อง freeze ไว้ 2 วัน แล้วตัดสินใจว่า จะเอามาฝังที่ฉะเชิงเทราหรือที่เพชรบุรี .. พวกเขาขับรถไปเพชรบุรีเพื่อเอาแมวตัวหนึ่งไปฝัง มันไม่มากไปหรอกครับ กับความรักความผูกพันที่มีให้กันมา

ผมเลือกบริเวณหลังบ้านที่ติดกับคลอง เป็นที่ๆ พวกเขาชอบ มันมีหลังคายื่นออกไป 3 เมตรจากตัวบ้าน เขาจะอยู่เลยออกไปอีกเมตรนึง มีบุหงาส่าหรีปลูกไว้ให้คนละต้น เป็นจุดที่ผมสามารถมองออกไปเห็นได้เมื่อผมนั่งบนเตียง ผมยังนึกอิจฉาพวกเขา ถ้าผมตาย เขาจะเอาผมไปฝังรวมๆ กับใครก็ไม่รู้ ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่ผมรัก บ้านที่ผมคุ้นเคย อีกต่อไป

แล้วยาหมาล่ะ ถ้ายามันเหลือเยอะแยะจะทำยังไง มันคงง่ายดีถ้าคุณจะเก็บลงถังขยะ แต่ยามันมีประโยชน์ได้มากกว่านั้นนะ วิธีที่ผมทำคือ ถ้าเป็นยาของหมาโดยเฉพาะ อย่าง antinol ที่เหลือเกือบ 2 ขวด ผมเอาไปให้คลีนิก ยาของคน อย่าง neurobion กับ enarapril 20 mg. ก็เหลือตั้งเยอะ โชคดีที่ผมมีเพื่อนเป็นเภสัช เขารับไปเข้าโรงพยาบาลได้ คุณอาจเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล ไม่ต้องไปบอกเขาก็ได้ ว่ามันเป็นของหมา มันจะเอาไปช่วยคนอื่นได้ น้องคนหนึ่งพูดกับผมว่า เขาก็เอาไปขาย คุณก็อาจสงสัย ก็ใช่ แต่เงินที่ได้ก็จะถูกนำมาหมุนเวียนช่วยผู้ป่วยหรือหมาอนาถา และเด็กๆ ของเราจะได้บุญ

ไหนๆ ก็พูดเรื่องหมาๆ แล้ว เอาให้มันสุดทิศสุดทางกันไปเลยแล้วกัน .. เวลาคุณพาหมาไปหาหมอ คุณดูหมอหรือเปล่า หมอมั่วหรือเปล่า หมอเก่งไหม แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ก่อนอื่นคุณควรหาข้อมูลเบื้องต้นไว้นิดหน่อย เกี่ยวกับอาการของโรคที่หมาของคุณเป็นและยาที่ต้องใช้ คุณลองคุยกับคุณหมอเรื่องพวกนี้ดู แล้วฟังคำอธิบายของคุณหมอ มันจะบอกอะไรได้หลายอย่าง ทั้งความรู้ ความคิด ทัศนคติในวิชาชีพของเขา เพื่อคุณจะได้สามารถมั่นใจได้ว่า เด็กๆ ของคุณจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และตรงไปตรงมาที่สุด (น้องชายผมใช้วิธีนี้ เพื่อดูว่าสมควรให้คุณหมอท่านนั้นรักษาหลานชายของผมไหม)

ผมไม่รู้ว่าที่ฉะเชิงเทรา คลีนิกอื่นๆ จะเป็นยังไง สำหรับผมแล้วคุณหมอวรรณพงศ์ถือว่าดีที่สุดที่นี่ ผมรักษากับท่านมา 10 กว่าปี ทุกคำถามของผม จะได้รับคำอธิบายอย่างชัดเจน ท่านยอมเสียเวลาลาก text book มาเปิดให้ดูพร้อมอธิบายให้ฟัง อาการของโรคเป็นยังไง อวัยวะส่วนนี้ทำงานยังไง โรคเกิดขึ้นได้เพราะอะไร จุดอันตรายอยู่ตรงไหน ท่านยอมเสียเวลาลาก notebook มาเปิด u-tube ให้ดูว่า อาการลูกผมเป็นอย่างนี้ เรียกอย่างนี้ อันตรายได้แค่ไหน ถ้าเป็นอีกอย่างจะเป็นยังไง การรักษาควรเป็นไปในทิศทางไหน .. หมอที่ดีจะอธิบายทุกทางเลือก พร้อมผลที่จะเกิดขึ้น เขาจะไม่เอาหมาของคุณไปเป็น case หนึ่งในงานวิจัยของเขา เขาจะไม่เอาหมาของคุณมาลองวิชา .. เขาสามารถบอกกับคุณได้ว่าเรื่องไหนที่เขาไม่เชี่ยวชาญ เขาจะไม่ดันทุรังโดยเอาหมาของคุณไปเสี่ยง เขาจะไม่มีเรื่อง ego แต่จะมีแต่จรรยาบรรณที่ดี .. ลองดูกันครับ ไม่ยากหรอก เพื่อชีวิตของหมาของคุณ

ถ้าเป็นโรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด (ที่อื่นผมไม่รู้ ไม่ขอพูดถึง) เขาจะดูแลคนไข้ดีมากๆ และตอนนี้ผมนึกถึงคุณหมอธนิกา ท่านเป็นหมอเฉพาะทางด้านโรคหัวใจที่ใจดีมาก ผมคิดถึงครั้งแรกที่ผมรู้ว่า Bach เป็นโรคหัวใจ งงครับ ยังไม่แก่เลยนะ คุณหมอท่านบอกชื่อของโรคและจดใส่กระดาษให้ด้วย ผมกลับมาศึกษามัน ทั้งโรคทั้งยา การนัดครั้งถัดมาผมมีคำถามมากมาย จนผู้ช่วยถึงกับหัวเราะออกมา แต่คุณหมอท่านก็กรุณาอธิบายทุกๆ คำถาม พร้อมกับบอกผมว่า โรคหัวใจไม่น่ากลัวหรอก ถ้าเราคุมการทำงานของหัวใจได้ มันก็ไม่มีปัญหาอะไร คำพูดนี้ทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะ หลังจากที่ประสาทเสียมาตั้งนาน และมันทำให้ผมนึกไปถึงลูก Max ยาที่เกษตรให้มา มีแค่ยาขับน้ำกับยาแก้อักเสบ ไม่มียาที่เกี่ยวกับโรคหัวใจเลย แล้วมันจะรอดได้ยังไง .. คุณหมอธนิกาเป็นหมอที่ใจเย็นมากๆ ด้วย เมื่อท่านเจอลูกบ๊าค ที่ทำท่าจะกัดทุกคนที่เข้าใกล้ ท่านมีวิธีที่จะจัดการได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ ท่านสามารถจับลูกบ๊าค x-ray ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ กับคุณหมอท่านอื่น ไม่สามารถทำได้

หลังจากที่ Coffee ตายได้ 2 อาทิตย์ ผมโทรไปยกเลิกนัดโดยบอกกับเจ้าหน้าที่ไว้ว่า ขอยกเลิกนัดของ Coffee วันที่ 13 มกรา เนื่องจากเขาเสียชีวิตแล้ว เขาบอกว่าจะขออนุญาติโทรกลับมาเบอร์นี้ได้ไหม อีกพักใหญ่คุณหมอธนิกาท่านโทรมาแสดงความเสียใจ ท่านว่าผมคิดถูกแล้วที่ให้เขาตายที่บ้านแทนที่จะเป็นโรงพยาบาล ท่านปลอบผมด้วยคำพูดที่ผมไม่เคยมีใครใช้กับผมมาก่อน แต่ทำให้รู้สึกดีกว่าคำพูดไหนๆ “มันต้องใช้เวลา ท่านอุตส่าห์ถามถึง Bach และบอกว่าถ้ามีอะไร พาไปได้ทันที (อีก 2 อาทิตย์ก็ได้เรื่อง) สิ่งสุดท้ายที่ผมบอกท่านในการคุยครั้งนั้นคือ ขอบคุณครับคุณหมอ ที่ช่วยให้เขามีชีวิตที่ดี คุณก็ควรทำเหมือนกัน มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม ท่านใช้ความรู้ความสามารถของท่าน ช่วยให้เด็กๆ ของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น .. ผมจะขอบคุณคุณหมอทุกครั้งหลังการรักษา ไม่ว่าจะเป็นที่คลีนิคหรือโรงพยาบาล คุณอาจคิดว่าก็เราจ่ายตังค์ซื้อบริการ ใช่ครับ ก็คุณหมอต้องทำงานหาเงินเหมือนกัน แล้วทำไมเราไหว้และขอบคุณหมอที่รักษาเราหล่ะ หรือคุณไม่ได้ทำ มันไม่ต่างกันหรอกครับ

ทีนี้มาพูดเรื่องยาหมากัน บางตัวไม่ได้แพงอย่างเดียวแต่หายากด้วยสิ มันเป็นปัญหาสำหรับผมเมื่อต้องใช้มัน ต้องวิ่งหาให้วุ่นวาย โทรเช็คไปทั่ว ส่งเมล์เยอะแยะ ข้อมูลที่ผมได้มาอาจเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องใช้ ยาพวกนี้ต้องหมอบอกให้ใช้ก่อนนะครับ
1. Glycoflex 3 Soft Chew (120 tabs) สำหรับโรคข้อต่อ เพิ่มน้ำเลี้ยงข้อ
- โรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด - ราคาคงที่ 2400 บาท/ถุง - นำเข้าเป็น lot อาจมีหมด
- โรงพยาบาลสัตว์ศรีวรา - ราคาไม่คงที่ 1900-2400 บาท/ถุง - นำเข้าเป็น lot อาจมีหมด
- http://www.mypuppypetshop.com – ราคาคงที่ 1950 บาท/ถุง นำเข้าเป็น lot อาจมีหมด ถ้ายามีปัญหา เช่น ยาชื้นจนเปียก-กินท้องเสีย เปลี่ยนไม่ได้ครับ เขาว่าบรรจุภัณฑ์ไม่เสียหายและยังไม่หมดอายุ บริษัทไม่รับเปลี่ยน ก็ลุ้นเอาครับ ไม่ถึง 2000 ขนหน้าแข้งคุณคงไม่ร่วงหรอกน่า
- http://www.koonfonpetshop.com/ ราคาคงที่ ไม่ถึง 1900 บาท/ถุง มีของตลอด
2. Antinol (30 tabs) เป็นยาข้อกระดูกเหมือนกัน ตัวนี้จะลดการอักเสบ ลดความเจ็บปวด แต่ไม่เพิ่มน้ำเลี้ยงข้อ
- โรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด - ราคาคงที่ 960 บาท/ขวด มีตลอด
- ตามคลีนิก - 1000-1200 บาท/ขวด – sale ยาเขาตั้งราคาขายมาให้เลย
- http://www.koonfonpetshop.com/ - ไม่ถึง 860 บาท/ขวด มีของตลอด
- http://vetzpetz.co/vetzpetz-benefits/ - ไม่ต้องไปติดต่อให้เสียเวลา ผมทำไปแล้ว รอเมล์ตอบ 1 วันได้ คุณเธอเขาเป็นยี่ปั๊วนำเขามาขายต่อเฉยๆ
3. Vetmedin 2.5 mg, 5 mg. (100 tabs) หรือชื่อยาหลักคือ pimobendan สำหรับอาการหัวใจบีบตัวเบาแต่จังหวะการบีบตัวปกติ ราคาที่บอกจะเป็นราคาของขนาด 5 mg. นะครับ
- โรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด - ราคา 5500 บาท/กระปุก - นำเข้าเป็น lot อาจมีหมด
- โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ - ราคา 10000 บาท/กระปุก มีตลอดไหมไม่รู้ครับไม่เคยซื้อเขาเลย ต้องมีใบสั่งยาไปด้วยครับ
- http://www.koonfonpetshop.com/ - ไม่ถึง 5200 บาท/กระปุก มีของตลอด ผมไม่บอกราคาที่แน่นอนดีกว่าครับ เผื่อมีขึ้น-ลง จะมาด่ากันทีหลัง
- คุณกัลญา พู่จีน (คุณมุ้ย)taguchi_mui12 @ hotmail.com - ราคา 4300-4400 บาท/กระปุก ช่วงหลังๆ ผมมักจะซื้อกับคุณมุ้ยตลอดครับ มีผู้ปกครองหมาท่านอื่นให้ข้อมูลไว้กับคุณหมอธนิกา แล้วคุณหมอท่านให้มาอีกที ที่ราคาถูกกว่า เพราะเธอนำเข้าจากฝั่งยุโรปและส่งตามโรงพยาบาลสัตว์กับคลีนิคด้วย เมล์ที่ผมให้ไว้ ก่อนใช้ ให้ลบที่ผมเว้นวรรคหน้า-หลังเครื่องหมาย @ ก่อนนะครับ

คุณคงสงสัยแล้วใช่ไหม ว่าคุณฝนนี่เขาเป็นใครกันวะ ทำไมขายยาได้ถูกและหายาได้ตลอด ผมรู้จักคุณฝนจากการหายา Vetmedin นี่แหละครับ หลังจากโทรไปโรงพยาบาลสัตว์ทั่วประเทศแล้ว ผมก็ส่งเมล์ไปเป็น 10ๆ ที่น่ะครับ ใครประกาศขายยาใน net เสร็จผมหมดแหละ มีคุณฝนคนเดียวที่ตอบมา ผมไม่ไว้ใจ เอาชื่อไป search เจอข้อความนึงที่บอกว่าท่านเป็นสัตวแพทย์ ผมเลยโทรไปคุย เออเป็นหมอจริง รู้เรื่องจริง และคุยได้ตรงมากครับ ผมโอนเงิน ท่านก็ส่งยามา ผมยังไม่แน่ใจอีกนะ ผมเอายาไปให้คุณหมอธนิกาดูด้วยว่าของแท้รึเปล่า ok ผ่านครับ ผมเลยให้ข้อมูลไว้กับคุณหมอด้วย เผื่อใครซื้อยาแพงๆ ไม่ไหว ที่สุวรรณชาดคุณหมอดีมากครับ ท่านไม่ได้ให้เราต้องเอายาของโรงพยาบาลเลย ถ้าคุณสามารถหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่า คุณทำได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

กลับมาที่คุณฝนต่อ ผมมารู้ทีหลังว่าท่านมีคลีนิคแถวงามวงศ์วาน ท่านจบสัตวแพทย์จุฬาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 (ทำได้ยังไงวะ) ผมเคยเมล์คุยกับท่านนิดหน่อย ท่านใจดีมากครับ ท่านพยายามช่วยชีวิตลูกแมวที่เจ้าของไม่มารับกลับและตั้งใจจะเลี้ยงมันเอง ผมเคยคิดว่าคนที่เป็นสัตวแพทย์คงต้องเย็นชาหน่อย เพราะมันต้องเจอสัตว์ป่วย สัตว์ตายบ่อยๆ คุณฝนทำให้ความคิดผมเปลี่ยน .. การที่ท่านสามารถหายามาได้ในราคาถูก เนื่องจากท่านสามารถติดต่อขอซื้อยาจากบริษัทที่นำเข้ายาจากต่างประเทศ และนำมา support ให้เราโดยไม่เอากำไร เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์น่ะครับ .. ถ้ายากระปุกละหมื่น กินวันละ 2 เม็ด จะมีกี่คนที่ซื้อไหว แล้วหมาจะเป็นยังไง คนเลี้ยงหมาไม่ได้เป็นลูกเศรษฐีกันทุกคนหรอกครับ .. คุณฝนบอกว่า มีคนติดต่อมาแต่มีผมคนเดียวที่กล้าโอนเงินไปก่อน คุณฝนก็ไม่กล้าสั่งยามาก่อน เพราะต้องจ่ายเงินเลยเหมือนกัน เกิดเปลี่ยนใจก็ไม่รู้จะเอายาไปทางไหน มันเป็นยาเฉพาะทาง คือถ้าคุณไม่แน่ใจก็ไปหาให้ถึงตัวเลย ก็แค่นั้นเอง

ก่อนจะจบเรื่องสัตว์ๆ ผมอยากจะให้คนที่กำลังคิดจะหาสัตว์มาเลี้ยง ตั้งคำถามกับตัวเองก่อน ว่าคุณจะมีเวลาให้เขาวันละกี่ชั่วโมง คุณพร้อมจะพาเขาไปหาหมอทันทีที่เขาแค่อ้วกหรือท้องเสียหรือเปล่า คุณมีเวลาอาบน้ำให้เขาทุกอาทิตย์ไหม เกิดเขาป่วยขึ้นมา คุณจะเช็ดอ้วก อึ ฉี่ ให้เขาได้ไหม .. คุณจะเอาเขามาเป็นเพื่อน เป็นคนในครอบครัว หรือเป็นของเล่นแก้เหงา ถ้าเป็นอย่างหลังคุณหาอย่างอื่นทำเถอะครับ อย่าให้ใครบางคนต้องมารับกรรมกับความไร้เดียงสาของคุณเลย เขาจะน่าสงสาร อย่าสร้างกรรมกับสัตว์ที่ไม่มีทางสู้เลยครับ เพราะกรรมนั้นมันจะติดตามคุณข้ามภพข้ามชาติ จนกว่าคุณจะได้ชดใช้ คุณลองนึกเล่นๆ อย่างนี้นะ สมมุติชาตินึงข้างหน้าคุณต้องเกิดเป็นหมา ถูกเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ หรือกลายเป็นหมาข้างถนนไม่มีใครเลี้ยง หรือมีคนเขาจับคุณผสมพันธุ์แล้วเอาลูกคุณไปขาย ต้องทนอยู่อย่างนี้เป็น 10 ปี มันคงจะสนุกน่าดูนะครับ

นอกจากนี้ ผมยังมีความต้องการอื่น แฝงอยู่ในการเขียนบทความนี้อีกด้วย การที่ผมมานั่งเล่าเรื่องหมาของผม เพราะมันมีแต่ผมเท่านั้นที่รู้จักและจดจำพวกเขาได้ พวกเขาจะตายไปพร้อมกับตัวผมในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า การนำเขามากล่าวถึงในโลก internet จะทำให้พวกเขาไม่มีวันตาย และไม่ว่ามันจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นตามมากับชีวิตอื่นๆ มันจะส่งผลบุญไปยังพวกเขาด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน .. สุดท้าย ผมต้องขอขอบคุณพวกเขาอีกที ที่พวกเขาสอนให้ผมรู้จักการเย็นลง เร่งรีบน้อยลง ต้องการอะไรน้อยลง รับสัมผัสจากสิ่งรอบตัวได้ดีขึ้น เขาทำให้แค่ใบไม้ก็ดูสวยได้ ขอบคุณสำหรับแผลเป็น มันจะช่วยให้ผมไม่ลืมว่าเราเคยมีช่วงเวลาและความทรงจำที่ดีขนาดไหน ..

10 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

Thank you for your post. It's really touch my heart

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณที่่แชร์ข้อมูลค่ะ ตอนนี้มีหมาแก่ป่วยอยู่ 2 ตัว ผ่านแล้วเข้าใจดี ปกติไปหาหมอที่รพ.เกษตร แต่รู้สึกว่าหมอให้ยาหนักขึ้นเรื่อยๆ และหมาเราก็ซึมลงเรื่อยๆ ล่าสุดมีเพื่อนแนะนำให้ไปหาคุณหมอ ปาน ที่คลินิครักสัตว์ จรัญ 77 คุณหมอท่านใจดีมาก ห่วงสัตว์และดุเจ้าของถ้าทำไม่ถูก ยังไม่แน่ใจผลการรักษาแต่ดูหมาสบายขึ้นและซึมน้อยละค่ะ ตอนแรกก็สับสนว่าจะหาหมอเดิมดี หรือเปลี่ยนใหม่ ไม่รู้คิดถูกหรือเปล่า แต่พอหมาคุณหมอท่านนี้แล้วหมาดูดีขึ้น คงต้องลองดูก่อนค่ะ

victor phichaisrisawad กล่าวว่า...

เอาใจช่วยครับ ขอให้สุขภาพดีขึ้นไวๆ .. สุวรรณชาดก็ดีนะครับ เสนอให้ลองพิจารณาดูครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอสอบถามเรื่องยา vetmedin คะ ไม่ทราบว่าถ้าสั่งซื้อผ่าน คุณมุ้ย (4) เชื่อถือได้ไม๊คะ ยาของแท้ไม๊คะ
ขอบคุณคะ

victor phichaisrisawad กล่าวว่า...

เชื่อถือได้ครับ ผมซื้ออยู่หลายปี ไม่เคยมีปัญหาอะไรในผลการใช้ยา (ที่ซื้อเพราะคุณหมอที่โรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาดแนะนำมาครับ ว่าถูกกว่าที่อื่น ตอนแรกก็ไม่กล้าซื้อเหมือนกัน)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคะ

Unknown กล่าวว่า...

สอบถามยา vetmedin ค่ะ พอดี เจ้าลูกๆที่บ้าน เป็นโรคหัวใจ ทั้ง 2 ตัว และจริงๆต้องกินยา ตัวละ 2เม็ด/วัน แต่คุณหมอก็น่ารัก ถามว่าเจ้าของไหวไหม เพราะยาตัวนี้มันแพง คุณหมอเลยปรับให้กิน vetmedin ตัวละ 1เม็ด/วัน แล้วให้ยาตัวที่ถูก มาเสริมแทนอีกทีนึง ตอนนี้ยังสามารถซื้อยาที่คุณมุ้ยได้อยู่หรือเปล่าคะ

victor phichaisrisawad กล่าวว่า...

คุณ kultida ลองติดต่อดูครับ ผมไม่ต้องใช้มานานละ น่าจะยังซือได้นะ เขาเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วย

Unknown กล่าวว่า...

Victor ขออนุญาติทราบช่องทางที่จะติดต่อคุณได้ไหมคะ มีหลายเรื่องอยากปรึกษา ทั้งโรคของหมา และคุณหมอวรรณพงษ์ ดิชั้นอ่านยาวจนมาเจอว่า คุณอยู่8ริ้ว

victor phichaisrisawad กล่าวว่า...

dmv.phi @ g mail .com กันสแปมน่ะ ลบวรรคแล้วเมล์มาครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ