While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

to eternity / Tue. 28 Oct., 2014



ตี 5 ครึ่ง บ๊าคเริ่มนอนหอบ อยู่ในท่าที่ผมพลิกมาน่ะแหละ หอบหนักบ้าง เบาบ้าง ผมนอนดู จับตัวเขาไว้ ยังเผลอหลับ ฝันว่าบ๊าคยังเดินได้ จะให้กินยา แล้วเขาวิ่งหนีไปหลบที่ซอกปลายเตียง
เกือบ 7 โมง ผมลุกมานอนกอดเขาจากด้านหลัง ลูบหัว ลูบคอ ลูบตัว ทีแรกพยายามช่วยกดท้องให้ฉี่ เผื่อจะแค่ปวดฉี่แล้วฉี่ไม่ออก แต่กดยังไงก็ไม่ฉี่ แล้วน้ำไปไหน
ผมเปิดประตูหน้าบ้านกว้างๆ (ทำมาหลายวันแล้วครับ) อยากให้บ๊าคได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้า กลิ่นลม นกร้อง ผมไม่รู้หรอกว่า เขารู้รึเปล่า ผมคิดว่าเขายังรู้นะ ตอนเกาๆ จากคางมาที่คอ เขายังตอบสนองอยู่
7 โมงครึ่ง ผมตัดสินใจ ไม่ไปทำงานดีกว่า ดูท่าจะอีกไม่นาน จะได้ไม่ต้องปล่อยให้เขาไปตามลำพัง .. ผมไม่ได้อึมาหลายวัน เกิดปวดขึ้นมาตอนนี้ ก็บอกเขา ป๊าไปขี้แป๊ปนึง อย่าเพิ่งไปนะลูก รอป๊ากลับมาก่อน
เขาหอบไปเรื่อยๆ ผมก็ลูบเขาไปเรื่อยๆ คุยกับเขา ถามเขา บ๊าคโอเคมั๊ย เหนื่อยปะ เหนื่อยก็ไม่ต้องสู้แล้วลูก ไปเถอะ ไม่ต้องกลัว หลับซะ แล้วเจอกันใหม่ เหมือนป๊าไปทำงานไง ป๊าจะบอก ป๊าไปทำงานนะ เที่ยงเจอกันนะลูก
8.10 ผมลองกดท้องให้อีก ก็ไม่มีอะไรออกมา เขาขยับขาซ้าย พอผมวางขาขวาลง เขาก็ขยับทั้ง 2 ข้าง เหมือนตอนละเมอ ทั้งๆ ที่ยังหายใจแรงๆ อยู่ หลับเหร่อ
ผมไม่รู้ว่าเขายังรู้ตัวอยู่ไหม เขาไม่ตอบสนองอะไรเลย ไม่ลืมตามองด้วยซ้ำ แต่การลูบ จะช่วยให้เขาสบายขึ้น .. ถ้ารู้ตัวด้วย เขาคงรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยที่เรามี .. ลิ้นเขาห้อยออกมาตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน ตอนนี้มันนิ่มๆ แห้งๆ
9.00 ผมลองเอาน้ำใส่ไซริ้งค์ฉีดไปเบาๆ ที่ลิ้น มันก็ไหลออกมา .. พักนึงเขากลืนน้ำลาย ผมยกหัวเขาพาดไว้บนขา ฉีดเข้าไปกลางลิ้นอีกนิดหน่อย เผื่อเขากลืนได้ มันน้อยจนไม่ทำให้สำลัก และไม่ไหลเข้าไปเองถ้าเขาไม่กลืนน้ำลาย เขาก็เฉย ผมเลยยกด้านหัวขึ้นให้น้ำมันไหลออกมา ฉีดไปที่ข้างๆ เหงือก แล้วปล่อยให้ไหลออกมา  น่าจะทำให้บ๊าครู้สึกดีขึ้นได้นิดหน่อย ผมเปิดตาขวาเขาดู ไม่มองแล้ว มีเมือกเคลือบอยู่ ผมหยอดน้ำตาเทียมให้  จะได้สบายขึ้นนิดนึง
แต่หูเขายังรับรู้ หมาพ่อเห่า เขายกหูฟัง ผมก็คุยกับเขาเป็นพักๆ ลูบไปเรื่อยๆ รอคอยให้การทรมานของเขาสิ้นสุดลง
เที่ยงครึ่ง เขาหายใจหนักขึ้นมาก มาเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่ไป ผมอยากกลับตัวให้เขาหน่อย  ไม่ได้กลับมา 8 ชั่วโมงแล้ว ลองจับขายกขึ้นข้างหนึ่ง จับไปร้อนมาก และเขาร้อง เลยดันเบาะออกห่างเตียงหน่อย ค่อยพลิกให้เขานอนตะแคงขวา โดยหันหัวไปเฉียงๆ ทางออกห้อง หันตัวเข้าหาเตียง ดูบ๊าคสบายขึ้น หายใจดีขึ้นกว่าเมื่อครู่
พ่อกลับมาก่อนเที่ยง ไปธุระอะไรไม่รู้ แล้วจะกลับไปชลเลย บอกให้ผมให้คนมาขุดดินไว้เลย ยังไงก็จะตายอยู่แล้ว อืม ในเมื่อน้ำยังไม่กลืน ผมก็หยุดยา จะป้อนไปยังไงล่ะ หยุดน้ำเกลือด้วย ให้เขาไปแล้วกัน  ให้ไปก็เหมือนยื้อกันเปล่าๆ ..
ความจริง ผมก็รู้ก่อนตายทุกตัวนะ แต่ไม่เคยขุดหลุมรอไว้ก่อน .. มี coffee ที่เคลียร์พื้นที่ไว้ก่อน เพราะต้องให้น้องชายช่วยยกไม้ล้มทั้งต้นที่ทิ้งไว้เป็นปี ออกไป .. ผมไม่อยากเสียเวลาไปตรงนั้น เวลาที่มี อยู่กับเขาให้มากที่สุด หลุม ขุดเมื่อไหร่ก็ได้
ผมนอนบนเบาะ มีที่เหลืออยู่ด้านหลังบ๊าค 8-9 นิ้ว ให้ผมนอนตะแคงได้ ผมกอดเขาจากด้านหลัง มีหลับไปบ้าง ตื่นก็ลูบๆ ไปตามตัวเขา หัว หู อก ผมว่าเขายังรับรู้ถึงสัมผัสได้นะ ยังได้ยินเสียงที่ผมพูด .. มันยังมีการตอบสนอง เล็กๆ น้อยๆ
ผมพร่ำบอกเขาว่า เหนื่อยแล้วก็หลับซะลูก แล้วเจอกันใหม่นะ ไปที่ดีๆ ไปสวรรค์นะลูก แล้วเป็นเด็กดี เหมือนตอนอยู่กับป๊าเนี่ย อย่าไปกัดใครเขานะ
ผมพร่ำอ้อนวอนพระเจ้า ให้รับเขาไปเร็วๆ เขาหอบหายใจแบบอกพองขึ้นมา  จากที่เมื่อเช้าตอนตะแคงซ้ายลง หายใจแรงเหมือนจะไปแล้ว มีร้อง 2 ครั้ง พอผมพลิกมาตะแคงเอาด้านขวาลง ก็ดีขึ้น ดูหายใจสบายขึ้น ผมไม่กล้าพลิกกลับอีก กลัวจะทรมานกว่าเก่า ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้ว คงไม่ต้องห่วงเรื่องแผลกดทับกระมัง
ตั้งแต่เที่ยงครึ่งถึงบ่าย 3 หายใจสม่ำเสมอ ไม่รุนแรง พอบ่าย 3 กว่า ก็เริ่มหายใจแบบซี่โครงบาน แล้วหนักบ้าง เบาบ้าง 4 โมงกว่า ขาหน้าเขาก็เหยียดเกร็ง เหมือนอย่างที่หมอบอกไว้ อาการเวลาหมาใกล้ตาย .. คงเป็นตะคริว ผมก็เอื้อมไปนวดๆ กล้ามเนื้อให้ จะได้ไม่ปวด บ๊าคยังงอขาได้ ผ่อนคลายได้เหมือนเดิม
ราว 4.30 pm เขาเริ่มหายใจทิ้งช่วง แต่ละครั้งห่างราว 15-20 วินาที ผมให้เขานอน ปากยื่นออกไปนอกเบาะตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้ลิ้นเขาห้อยสะดวกๆ แต่ผมก็ใช้แขนหนุนปากเขาไว้ตลอด เขาแหงนๆ หัวมาทางต้นแขนผมทีละน้อย 2-3 ครั้ง ผมก็ลูบๆ ตัวให้เขา ปากก็พูดไป เขายังหายใจทิ้งช่วงอยู่ อีกราว 5 นาที ก็หยุดนานกว่าเดิม หัวแหงนๆ มาอีก แล้วกลับที่เดิม
เงียบ ไม่หายใจ ผมคิดว่าไปแล้ว เอามือแตะตรงหัวใจ มันยังเต้นอยู่อย่างแผ่วเบา อีกพักใหญ่ เขาโก่งคอไปข้างหน้า อ้าปากหาอากาศหายใจ เป็นอย่างนั้นนับ 10 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 15-20 วินาที ครั้งหลังๆ ถี่ขึ้น แล้วเขาก็ไป ตอน 4.50 pm .. ผมหยุดลูบตัวเขา วางมือบนอก ไม่มีอะไรแล้ว ไปแล้วจริงเหรอ .. ระหว่างที่เขาเฮือกๆ ผมก็พูดตลอด ให้เขาได้ยินว่าผมยังอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวอะไร ลูบตัว ลูบหัว ให้เขาได้รับสัมผัสถึงความห่วงใย ความรัก ที่ผมมีให้เขา
เมื่อแน่ใจว่าไปแล้วแน่ๆ ผมค่อยเอาแขนออกจากใต้ปากเขา อ้าปากดู ลิ้นเป็นสีม่วงอ่อนๆ ผมจับยัดเข้าไปในปากแล้วปิดปากไว้ เช็ดน้ำลายที่แขนผม ที่หน้าเขา แล้วดึงเขามาอยู่บนเบาะดีๆ ไม่ให้ปากหลุดออกไปนอกเบาะอีก .. มีเรื่องต้องทำ แต่ก่อนอื่น ผมไปเอากรรไกรมาตัดขนของเขาทั้ง 3 สี ใส่ซองยาใสๆ ไว้ หนวด 4-5 เส้น บอกเขาว่า ป๊าขอนะ เก็บไว้ดูต่างหน้า
ฝนตกมาตั้งแต่บ่าย 3 ซาลงมากแล้วแต่ยังไม่หาย ผมโทรหาคนงานวัด บอกเขาว่าบ้านใคร อยากให้มาขุดหลุมฝังหมาหน่อย ขนาดลึกเมตรครึ่ง กว้าง 80 เซนต์ ยาวเมตรนึง คนเดียวไหวมั๊ย ถ้าไม่ไหวพาเพื่อนมาอีกคน จากนั้นเข้าห้องแม่ ไปหาสายประคำมา 1 เส้น เป็นหินสีมุกเม็ดเล็กๆ เดินไปหน้าแท่น บอก แม่พระคุ้มครองบ๊าคด้วยนะครับ แล้วเอามาสวมคอให้เขา ไปหาผ้าปูที่นอนสักผืน ได้ลายทหารมา เข้มแมนอย่างบ๊าคเลย ผ้าที่ใช้ๆ อยู่ ผมอยากเก็บไว้ดูมากกว่า มันคือความทรงจำ ครั้งสุดท้าย
จากนั้นออกไปร้านค้า แลกแบงค์ร้อยไว้จ่ายค่าขุดดิน กลับมาได้พักนึงเขาก็มากัน 2 คน ผมหาพลั่ว จอบให้เขา บอกที่ให้ขุด แล้วมานั่งอยู่กับบ๊าค เห็นเขาขุดหลุมเล็กจัง เลยหยิบเหล็กมาท่อนนึง วัดตัวบ๊าค แล้วเอาไปให้เขา บอก ความยาวเท่านี้ .. การขุดยากเย็น ฝนตก ดินเปียก และมีน้ำไหลเข้ามา
ระหว่างนั้น ผมนั่งลูบๆ บ๊าคอยู่ ผมรู้ว่าเขาไม่รับรู้แล้ว แต่ผมอยากจะจดจำสัมผัสไว้ ขนเขานุ่ม เส้นตรง ไม่เหมือนคนอื่น .. ผมจับสายประคำที่คอเขาสวดไปได้ 4-5 บท
ขุดเสร็จ เขาก็มาบอกให้ดูว่า พอหรือยัง ผมก็ถามเขาว่า ถึงเอวยัง เขาว่าถึงแล้ว ผมก็บอกรอแป๊ป เดี๋ยวห่อก่อน นึกว่าอีกนาน .. ผมแผ่ผ้าออก ดึงมาข้างๆ เบาะ แล้วพลิกตัวเขาไปอยู่กลางผ้า พับทบด้านหัวกับหางเข้ามาก่อน ค่อยทบด้านข้าง พลิกตัวเขาอีกที พยายามเก็บขาเขาให้งอเข้าตัว หัวด้วย พยายามจัดท่าให้เขาตั้งแต่ตอนนั่งอยู่กับเขา มันแข็งเร็วมาก แต่ยังพอฝืนงอได้อยู่ ..
ห่อเสร็จก็อุ้มขึ้น โดยเอาขาเข้าตัวผม เอาหัวไปด้านขวา ท่าที่จะให้เขาหันตัวเข้าบ้าน ดูเหมือนบ๊าคจะหนักกว่าเมื่อวานมาก ถึงข้างหลุม ผมไม่รู้จะเอาลงไปยังไง เลยบอกน้องเขาว่า ต้องรบกวนให้ช่วยแล้วล่ะ เอาลงท่าเนี้ยแหละ เขาก็รับบ๊าคไปจากอกผม แล้วให้อีกคนรับด้านก้น หย่อนลงไปในหลุม แล้วกลบ
บ๊าคลงหลุมตอน 6.15 pm .. ผมยืนดูอยู่ตลอด จนกลบเสร็จ เหยียบหน้าดิน กลัวว่าเขาจะทำไม่เรียบร้อย และอาลัยอาวรณ์ ถามว่า แล้วทำไมไม่ฝังเช้า .. เพื่ออะไรล่ะ เขาไปแล้ว ไม่รับรู้อะไรแล้ว เก็บไว้นั่งดูรึไง
เสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เอาเครื่องมือไปล้าง ผมยังเดินไปเดินมา มันเอ๋อๆ พูดไม่ถูก ใจมันโหวงเหวง อึมทึม ให้เขาไปคนละ 200  ค่าใช้จ่ายครั้งสุดท้ายของบ๊าค
พอเขาไป ผมก็เข้าบ้าน มึนงง .. รู้ ว่าต้องทำอะไร แค่ยังอยากนั่งเฉยๆ ก่อน .. ผมจะเอา topper ยางพาราของบ๊าคมาใช้ จะได้เหมือนเขายังอยู่ใกล้ ผมจะใช้ด้านที่เขานอนไว้ด้านบนทางหัวนอน ใต้ผ้าปูที่นอนอีกที ผ้าที่ใช้เช็ดตัว ผ้าห่ม สายคล้องอก เข็มขัด สายจูง ทุกอย่างแห้งหมดแล้ว ไม่ต้องซักใหม่ เพิ่งเช็ดหลังอาบน้ำไม่เลอะอะไร ผมเก็บลงกล่องพลาสติก ผ้าปูที่นอนของเขา เลอะรอยเท้านิดเดียว เก็บไว้ดูต่างหน้า เอาไว้ดม ไม่ต้องซัก
ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ผมเอาแผ่นรองซับรองตั้งแต่เอวลงไปให้เขา มีฉี่สักฝ่ามือที่เกือบปลายด้านหนึ่ง ผมเปลี่ยนแผ่นใหม่รองใต้สะโพก ใช้แผ่นเก่ารองทอดยาวไปจากก้น เผื่ออึแตกฉี่แตกก่อนตายอย่าง coffee แต่เขาก็ไม่อึ มีฉี่ออกมา 2-3 หยด ผมพับไปทิ้ง เข้าครัวแล้วเอาไซริงค์ที่ผมใส่ ultracarbon อันนึง spirulina อันนึง น้ำเปล่าอันนึง อีกอันไว้ป้อนอาหาร ทิ้งถังขยะ ยังมียามื้อเช้าอยู่ในกล่องเล็กๆ ผมหยิบดูอย่างใจหาย แล้วโยนทิ้งไป
ผมมานั่งเขียนนี่ เพราะยังไม่อยากพับผ้าเก็บ เมื่อยแล้วก็นอนคว่ำบนที่นอนของเขาเขียนต่อ ดมลงไป มีกลิ่นฉี่จางๆ กับกลิ่นตัวเขา .. จะว่าไป บ๊าคก็จัดว่าไปสบาย ไม่ต้องทุรนทุรายมากเท่าคนอื่น แต่ก็ใช้เวลานอนโดยไม่ตอบสนอง นานกว่าคนอื่นๆ ได้อาบน้ำตัวหอมๆ ก่อนไป .. ดีแล้วลูก ไปเถอะ เจ็บป่วยมานานมากแล้ว ไปสบายๆ เสียที แล้วเจอกันนะลูก
คิดแล้วก็ใจหาย ก่อนเขาเป็นหนักๆ ก็มีโรคหัวใจกับโรคไตเป็นโรคประจำตัวอยู่ ให้ยา 4 เวลามาหลายปี ตั้งแต่ต้นเดือนมา ต้องใช้ยาเพิ่มขึ้น  จากการยัดยาใส่ปากวันละ 4 ครั้ง เป็นวันละ 12-13 ครั้ง .. ช่วง 3-4 วันหลังนี้ ที่เขาเดินไม่ค่อยไหว ก็มีเรื่องต้องทำมากมาย ผมยังกะว่า จะไม่อาบน้ำเช้าให้เขาแล้ว เอาวันละครั้งตอนเย็นก็พอ  ถ้าเลอะมาก .. กลางคืนก็เฝ้าๆ หน่อย ยังไงก็นอนข้างๆ เขาอยู่แล้ว อย่าหลับไม่รู้เรื่องให้เขาเปื้อนฉี่ตัวเอง .. จู่ๆ ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว .. มัน พูดไม่ถูก
สุดท้าย คือการจากลา .. ผมพยายามหลอกตัวเองว่า เขาไปดีแล้ว อยู่ก็เป็นหมาป่วยๆ ทั้งโรคไต โรคหัวใจ กระดูกสันหลังก็ไม่ดี ตาเป็นต้อ ยังมาเจอมะเร็งอีก เป็นการหลอกให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น .. แต่ป๊าจะไม่ลืมหนูหรอกลูก ลูกจะเป็นหมาตัวสุดท้ายที่ป๊าเลี้ยงอย่างลูก ..
(เป็นหมาตัวสุดท้ายที่จะเลี้ยงไม่ได้ เพราะยังมีหมาอีก 2 ตัวของพ่อ วันหน้าก็คงไม่พ้นมือผม .. ผมยังไม่เข้าใจ ว่าพ่อเอามาเลี้ยงทำไม แค่ตามใจญาติบางคนที่ไม่ได้มาอยู่ แต่เลี้ยงแล้วจะเอาไปปล่อยทิ้งขว้างก็ทำไม่ได้แล้ว ผมก็คงเลี้ยงอย่างที่พ่อเขาเลี้ยงก็แล้วกัน)
ทุกชีวิตต้องตาย ก็จริง แต่ผมคิดว่าบ๊าคคงได้โลดแล่นอยู่ในโลกของอินเตอร์เนทอีกนาน (ถ้ามันไม่ลบ blog หากไม่มีการ log in นานๆ น่ะนะ กรณีที่ผมตาย) ไปรอป๊าในสวรรค์ก่อนนะ แล้วป๊าจะทำตัวดีๆ ให้เข้าสวรรค์ได้ .. วันหนึ่ง เราจะได้เจอกัน
พ่อโทรมาตอน 3 ทุ่ม ผมก็บอก บ๊าคไปแล้ว เขาถาม ไปตอนไหน เขาว่าเห็นแล้ว ท่าไม่ดีอยู่ เขาปลอบผมว่า มันไปสบายแล้ว เดี๋ยวหาต้นไม้ปลูกให้มัน คุยเสร็จ ผมก็ไปเก็บข้าวของ ของบ๊าค
เพื่อนผมโทรมาหลังจากนั้น ผมเล่าให้มันฟัง ผมยังไม่ร้องไห้เลย มันกลับถามถึงบุหรี่แล้วบ่นว่านั่นนี่ ผมเริ่มรู้สึกว่า นี่กูเจอเรื่องนึงอยู่หนักๆ มึงกลับมาหาเรื่องด่ากู จิตใจมันอ่อนไหวอยู่ลึกๆ ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง ผมถามมันว่า นี่มึงโทรมาด่ากูใช่มั๊ย กูว่ากูยังไม่พร้อมที่จะโดนด่านะ แค่นี้ก่อนแล้วกัน กูเก็บของต่อ .. หลังวางสายได้พักนึง ผมก็ปล่อยโฮอย่างไม่ต้องอายใคร ... เขื่อนแตกอยู่พักใหญ่ น้ำตาก็หมด เลิกพิรี้พิไร แล้วไปเก็บของก่อน
มีผ้าหลายผืนที่เราใช้กัน .. ผ้าที่เพิ่งใช้มา 2 วัน มี ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 2 ผืน เล็กอีก 2 ผืน ผ้าปูที่นอนที่เป็นผ้าแพร 1 ผืนที่ผมเอามาห่มให้เมื่อคืน ผ้าห่มผ้าแพรสีฟ้า ผ้าห่มใหญ่อีกผืนที่ผมเอามาปูให้ตอนเช็ดตัว ผมผึ่งแห้งดีแล้วและไม่คิดจะซัก มีกลิ่นแชมพู มีขนติดอยู่บ้างก็ดีแล้ว อันนี้ใส่ไว้ถุงหนึ่ง .. อีกถุงเป็นผ้าปูเบาะรถ เวลาไปไหนมาไหนกัน กับผ้ารองเบาะนอน 3 ผืน อันนี้ซักแล้ว .. ผ้าปูที่นอนกับที่หุ้มเบาะชั้นใน ที่ใช้มา 2 อาทิตย์ แต่บ๊าคแทบไม่ได้นอน แยกไว้อีกถุง อันนี้ไม่ซัก .. ตะกร้อ ปลอกปาก สายคล้องอก เข็มขัด 2 อัน สายจูง 2 เส้น หวีแปรงขน เก็บเรียงลงไปในกล่องพลาสติกใบบน
ยากับวิตามิน เก็บใส่ลิ้นชัก เอาน้ำเกลือที่เหลืออีกครึ่งขวดไปทิ้ง เก็บชาม ถังน้ำ ที่ไม่ได้ใช้มาหลายอาทิตย์ ใส่ถุงพลาสติกผูกไว้ รื้อที่นอนตัวเอง แล้วเอา topper วางลงไป โดยเอาด้านที่เขานอนไว้ด้านหัว มีรอยฉี่เก่าแก่วงใหญ่ ที่กลิ่นระเหยไปหมดแล้ว
มันไม่ใช่การไม่ต้องการเห็นอีก จริงๆ แล้ว เหมือนผมต้องหาอะไรทำ ทดแทนเวลา ที่เคยต้องทำโน่นนี่ไม่หยุด การเก็บข้าวของวันนี้ก็ดีแล้ว ยังไงก็คงต้องเก็บให้เรียบร้อย ไม่ว่าวันไหน กว่าจะเสร็จก็ 4 ทุ่มครึ่ง การเดินวนไปวนมาโดยไม่ต้องหลบหมานี่มันทำให้ใจไม่ดี เขาเคยอยู่ นอนตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ตอนนี้มีเพียงผมตามลำพัง
ผมเปิดไฟทิ้งไว้ที่สนามหน้าบ้าน ทำ ทำไมไม่รู้ ยังคงพูดคุยกับเขา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า เขายังอยู่ตรงนี้ไหม มองไปแล้วคิด เมื่อเขาไม่อยู่ คงไม่ต้องดูแลสนามหญ้าให้สั้นอยู่เสมอ ไม่ต้องระวังว่างูจะมาแอบอยู่แล้วกัดเขา ผมเองก็หมดเรื่องที่จะทำ เช้าไม่ต้องตื่น 6 โมง เพื่อทำหลายๆ เรื่องตามเวลายาและอาหาร ไม่ต้องเตรียมอาหารให้ใคร ไม่ต้องเดินวนในบ้านวันละหลายกิโล ประตูหน้าบ้านคงไม่ได้ใช้เข้าออก เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอนอีก แต่ผมคงไปเดินบนสนามหญ้าต่อไป เห็นภาพที่เขาลากให้ผมวิ่งตามอยู่ทุกวัน .. พระเจ้า มันช่างว่างเปล่าเสียจริง

ไม่มีความคิดเห็น: