While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

สองลุงขึ้นเขา

ภารกิจ ไปเอาใบประกาศฯ ที่ฝาก มทส ไว้ 20 กว่าปี! ตั้งแต่ 2542 เขายังเก็บไว้ให้ น่าทึ่งมาก

ไอ่น้องชายไลน์มาบอกเมื่อคืน พรุ่งนี้กูจะไปเอาใบประกาศฯ กลับทันอาจแวะนอนบ้าน เดี๋ยวบอกอีกที ผมก็คิด ไกล ห่วงก็ไปกับมันสิ แล้วผมเคยไปหลายครั้งตอนมันเรียน คิดถึงเหมือนกัน เลยบอกกูไปเป็นเพื่อนไหม ผ่านทางนี้ไหม เดิมมันคิดวิ่งเส้นสระบุรีขาไป(จากนนท์) เลยมาเส้นแปดริ้ว-ปักธงชัย

นัดกันเที่ยง ผมจึงเข้าออฟฟิสเคลียร์งานครึ่งวันเช้า มีการชวนค้าง แต่ผมไม่ได้ นัดโปรแกรมเมอร์ไว้ อาทิตย์ก่อนผลัดไปทีนึงแล้ว เขาจะด่าเอาสิ น้องผมไม่มีปัญหา ค้างไม่ได้ก็กลับ



ออกจากบ้าน 12.15 pm วิ่งไปใจเย็นๆ ระยะทาง 220~230 กิโลเมตร คูณสองไปกลับ ฝนตกปรอยๆ ตลอดทาง มีช่วงทำถนน เจอจังหวะรถช้า สิบล้อแซงกัน แวะเติมน้ำมันให้เต็มถังแถวพนมฯ ต้องขึ้นเขา ไปไกล เราขำกัน พันห้ายังไม่หยุดว่ะ ขนาดเหลืออยู่เกือบครึ่งถัง ไปหยุดที่ 1570 แทงหวยกันไหมมึง




สะพานข้ามป่าดูสวยแปลกตา แต่ผมก็สงสัย จากกบินทร์ถึงโคราชทำไว้ที่เดียว แล้วสัตว์ทั้งป่าแถบนี้มันจะรู้ไหม ว่าต้องมาข้ามตรงนี้ อันนี้คิดประสาคนไม่มีความรู้น่ะครับ ผมคาดว่าเขาคงทำวิจัยกันไปแล้ว ถึงมาสร้างจุดนี้ การทำถนนตัดป่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับสัตว์ การบุกรุกของผู้คนส่งผลกระทบไม่รู้จบ ที่มาที่ไปของเรื่องราว กลับซับซ้อนยิ่งกว่า



ถึงหน้าตึกที่จะมารับเอกสารตอน 3.40pm แต่น้องผมโทรคุยไว้ก่อนแล้ว ป้ายบอกเลิกงาน 4.30pm ซึ่งที่นี่ไม่เหมือนที่ทำงานทั่วไป ที่เจ้าหน้าที่มักเก็บของก่อนเลิกงาน! ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ได้ใบประกาศฯ มา มันกางให้ผมดู อะดูซะ ผมถ่ายรูปส่งให้เมียมัน เรียบร้อยแล้วนะ

น้องสะใภ้ผมก็ตลก มันถามมานานละว่าถึงไหนกันแล้ว ผมมาเปิดอ่านตอนลงเขามาแล้ว ตอบไปว่าอีก 20 โลถึง เพราะมัวแต่ถ่ายรูปเพลินอยู่ ตื่นเต้นสัส นานแล้วที่ได้แต่ดูสารคดีป่า วันนี้ได้ดมกลิ่นป่า สัมผัสความรู้สึกเก่าๆ น้องสะใภ้มันว่า ให้รีบตรงไปเอาใบปริญญาก่อนเลยนะคะ ผมขำเลย เหมือนเห็นเราพี่น้องช่างเถลไถล พอได้เห็นใบประกาศฯ ผัว นางก็ว่า mission complete ..

น้องผมก็ฮาไม่แพ้กัน ตอนเรียนจบ มันไม่รับปริญญาอย่างพี่มัน แต่รับตอนโทเพราะพูดกับพ่อแม่ไว้ บ้านเราไม่ผิดคำพูดกัน ถ้าจะไม่ทำ ไม่แน่ใจ ก็ไม่พูด มันว่าตอนแรกเขาบอกค่าใบประกาศฯ 500 กูก็ไม่เอาสิ ผมถาม แล้วมากันนี่เกินมะ มันว่าเกินดิ หลังจบที่นี่มันไปต่อพระนครเหนือ (ซึ่งผมก็ตามไปกินเหล้าเมาหยำเปกับมันอีก) เลยไม่ได้ขึ้นโคราชจนกระทั่งทำงาน วันนี้มหาลัยให้มาทั้งเล่มแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เสียแต่ค่าน้ำมันที่แพงสัสๆ

ที่ฮาคือ เขาผ่านบ่อย มาทำงานบ้าง ผ่านไปทำงานบ้าง พาลูกเมียมาเที่ยวบ้าง แต่ไม่เคยสนใจจะเข้ามาเอา ก็ไม่ได้ใช้ กูจะเอาไปทำอะไร ตอนนี้จะต่อเนติฯ เขาใช้ใบประกาศ ไม่ดูทรานสคริปต์ เลยต้องมาเอา ทาง มทส เขาว่าส่งไปรษณีย์ให้ได้ แต่ถ้าหายระหว่างทาง ทำใหม่ยากมาก ไม่อาจประมาณเวลาว่าจะได้ในกี่วัน มันไม่อยากลุ้น วิ่งมาเอาเองแน่นอนกว่า ผมก็งงว่าทำไมเนติฯ ถึงต้องการแบบนี้ ใบประกาศมันปลอมกันยาก หรือเขาไม่อยากดูทรานสคริปต์ทุเรศๆ ของพวกมึง กูเฮชบวกเยอะนะ มันเถียง

เสร็จก็ขับชมรอบบริเวณรำลึกความหลัง ผมเคยมาหลายรอบตอนมันเรียน ตั้งแต่ตอนที่มองไปทางไหนก็เจอเนินลูกรังแดงๆ พ่อซื้อเทน่าให้มันใช้ เพราะมหาลัยกว้างเกินกว่าจะเดินไหว (ยังจอดอยู่ที่บ้าน) ผมจำได้ว่าตอนนั้น 91 ลิตรละ 18 บาท! (น้องผมเข้าปี 38, รุ่น 3 มั๊ง)

เราวนดูหอที่มันเคยอยู่ (ชาย 4-5 หอ ก็มันนี่แหละ) พอต้นไม้เยอะก็จำไม่ค่อยได้ แม้ตัวมันเองที่มาอยู่ตั้ง 4 ปี รุ่น 1-2 เล่าว่า แรกๆ นอนหอรวมคล้ายโรงนอนทหาร เพราะหอพักยังสร้างไม่เสร็จ รุ่นของน้องผมเพิ่งมีหอแบบชั้นเดียวกับ 2 ชั้นสำหรับผู้ชาย มันชี้หอหญิงที่เขาลือกันว่าผีดุ(ผมก็เคยอ่านเจอ) แต่เพื่อนๆ มันก็ไม่เคยมาเล่าว่าเจอกัน

มันพาไปดูบ่อตกปลาที่มันกับเพื่อนๆ ชอบมาตกตอนเมา (เมื่อก่อนเปลี่ยว เดี๋ยวนี้ทั้งแถบเป็นฟาร์ม+ศูนย์วิจัย) ครั้งหนึ่งพวกมันซื้อลูกวัวจากฟาร์มในมหาลัยมาฆ่ากินกันตอนดึก ผมถามมึงกล้าฆ่ามันเหรอ(ตอนเด็กๆ เรายิงนก กิ้งก่า ขุดปลาตกคักมาย่างกินแบบเด็กบ้านนอกทั่วไป แต่นี่มันสัตว์ใหญ่) มันว่ารุ่นพี่มันทำ กูกินอย่างเดียว อาจเพราะยังเด็ก เมา ไม่คิดอะไร นั่นเป็นครั้งเดียวที่น้องผมไปร่วมวงทำอะไรแบบนี้ แต่มันขี้เมาจนเรียนจบแหละครับ

เราวนไปหาป่าไผ่ที่ผมเคยซ้อนมอเตอร์ไซค์มันมาตอนดึก ตรงนี้ลือกันว่าเป็นลานประหารเก่า มีคนเจอผีหัวขาดเดินถือหัว! ตอนผมมาค้างเลยมาหาผีกันตอนกึ่มๆ มันเป็นทางแยกจากถนนหลักของมหาลัย มีกอไผ่สองข้าง โค้งเข้าหากันเป็นแนวยาว กลางวันสวยงามน่าเดินเล่น ถ้าไม่กลัวเจอจงอาง ตอนนี้เราหาป่าไผ่ไม่เจอละ

แต่ถนนหลักโล่งๆ เมื่อก่อน ปัจจุบันมีต้นไม้ขนาดใหญ่สองข้างทาง แผ่กิ่งก้านมาบรรจบกันเป็นซุ้มโค้งเหนือถนน จนคนนิยมมาถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง เมื่อผมว่าเดี๋ยวกูหาเมียก่อน มันบอก คนอย่างมึงใครจะอยู่ด้วยได้ อื้ม เราบางคนก็มีความเป็นตัวตนสูง เกินกว่าจะยอมปรับตัวเข้าหาใคร



มันเหมือนมหาลัยในสวนป่า อาคารเรียน คณะ ที่พัก อยู่ห่างๆ กัน ยังมีทางเฉพาะให้วิ่งออกกำลัง พื้นที่กว้างขวาง ต้นไม้สูงใหญ่ หญ้าถูกตัดดูแล น่าอยู่ น่าเรียน ทางออกหลังมหาลัยที่เมื่อก่อนปิด ตอนนี้มีหมู่บ้าน ร้านอาหาร ที่พัก เรายังไปวนหาหอนอกหน้ามหาลัยที่มันเคยอยู่ ผมก็เคยมาค้าง เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นที่หาแทบไม่เจอ เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมาก

ผมจำได้ว่าทางเข้ามหาลัยเมื่อก่อน มีแต่ไร่มันสำปะหลัง ตอนนี้มีโรงเรียน หมู่บ้าน ร้านอาหารแน่นขนัด มันว่าสมัยก่อนมีแต่เพิง คล้ายโรงอาหารหน้ามหาลัย มีร้านค้ามาตั้งขายข้าวยันเหล้า คนทั้งมหาลัยต้องมากินตรงนี้ อาจารย์มักมาดึก คงไม่อยากเจอนักศึกษา แต่ดึกแค่ไหนก็เจอพวกกูกินเหล้ากันอยู่ทุกวัน

เราขับผ่านเด็กโยธาปี 1 ที่หัดตั้งกล้องกันอยู่ น้องผมว่า คิดดีแล้วเหรอน้อง ผมขำเลย มันว่าเนี่ยเรียนตอนปี 1 เบิกกล้องมากลุ่มละตัว ยืนวัดถนนกันงงๆ ผมว่า มันก็คิดเหมือนมึงตอนนั้นมั๊ง ถ้าตอนนั้นให้เรียนกฎหมายมึงจะเรียนไหม นี่มึงไม่มีทางเลือกหรอก มันว่าเส้นทางดูมีอนาคตสุดละตอนนี้

ที่นี่มีกฏเข้มข้นที่น้องผมเคยโดน .. ทัณฑ์บนตลอดการศึกษา! เพราะหยิบหินก้อนใหญ่ไปรูดกระจกบานเกล็ดห้องคู่กรณีแตกทั้งแผงตอนเมา มันว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองนั่งเรียง สอบสวนมันราวกับอยู่ในศาลทหาร เหมือนในหนังเลย ถ้ายังไม่ทำตัวดีๆ มีโดนไล่ออก หลังจากนั้นมีอยู่ครั้งมันต้องปล่อยให้เพื่อนต่อยลมโดยไม่สวน แล้วไปแจ้งความกับตำรวจหน้ามหาลัย เขาก็ไปลากตัวมันมาเคลียร์ วันนั้นผมขึ้นไปกับพ่อแม่ ผมค้างกับมัน พ่อแม่ไปนอนในเมือง ดึกๆ ไอ่คนนั้นก็มาขอโทษ นั่งกินเบียร์ปรับความเข้าใจกัน

เราเคยมานั่งหาใบทัณฑ์บนแผ่นนั้นกันจนเจอ หลังผ่านไปเป็น 10 ปี เพื่อเอาไปใส่กรอบติดฝาบ้าน เพราะได้มาครั้งเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของตระกูล มันว่าที่นี่สอนมันเยอะ(ที่นอกเหนือไปจากเรื่องเรียน) มันก็อยากให้ไอ่จิ้งมาเรียนเหมือนกัน


วนกันจนพอใจก็ได้เวลากลับ น้องผมเริ่มหิวจัด มื้อเช้าผมเป็นขนม 1 ชิ้นกับกาแฟดำ มันกินก๋วยเตี๋ยวมา เย็นมากแล้วก็ไม่ไหว ผมเริ่มมึนหัว น้องผมท้องไส้ปั่นป่วน เรามองหาอะไรง่ายๆ เพราะอยากให้พ้นเขาก่อนมืด แต่เวลามันไม่ถูกต้องไง ยามเย็นร้านเหล้าเปิด-ร้านข้าวปิด จะกินห่าอะไร แล้วฟ้าก็ประทานปั๊มที่มีร้านข้าวมาให้กินประทังชีวิตก่อนขึ้นเขา ผมคิดว่ามันคงอร่อยสำหรับคนพื้นที่ แค่รสชาดไม่ถูกปากเราเอามากๆ กินกันตายเป็นเช่นนี้เอ

เขาปักฯ ที่ผมจำได้ ตอนไปหาลูกค้ากับบอสเมื่อ 9 ปีก่อน (เที่ยวโคราชกับบอส) เป็นทาง 2 เลนสวนกันแคบๆ ความลาดชันสูง บางจุดข้างหนึ่งเหว-ข้างหนึ่งผา ปัจจุบันเป็นทาง 2-3 เลน มีเกาะกลาง ความลาดชันลดลง ไม่น่ากลัวเท่าเมื่อก่อน รถขนาด 2.4 ก็มันส์แล้ว เพราะมีกำลังขึ้นเนิน น้ำหนักมากก็มีแรงกดให้เกาะถนน ความเตี้ยช่วยเรื่องบาล๊านซ์ เลยได้ความรู้สึกสนุกแต่ยังปลอดภัย ถ้าเป็นรถผมคงเสียวน่าดู แต่ผมซื้อรถตามการใช้งานอะนะ 3 ปีครึ่งเพิ่งใช้ไม่ถึง 17,000 โล (รวมวิ่งไร้สาระด้วยแล้วนะ) ของยาว 2 เมตรยัดได้ก็สบายละ

บางช่วงระบุความเร็ว 60 แต่ผมเห็นขับกันไม่ต่ำกว่า 80-90 เว้นรถพ่วงที่น่าจะใช้เวลาเป็นชั่วโมง กว่าจะหลุดเขา ขาไปขึ้นเนิน ขากลับลาดลง เลยรู้สึกว่าขากลับหลุดเขาเร็วกว่า ที่ระยะทางเท่ากัน ทิวเขายามเย็น เมฆเรี่ยยอดไม้ งดงามน่าสัมผัส จนนึกอิจฉาคนที่บ้านอยู่แถวนี้ แต่พอมืดความงามก็เปลี่ยน เพราะมันมืดสนิท ไฟทางแทบไม่มี เราไม่เปิดไฟสูงวิ่ง เพราะรู้สึกไร้มารยาทและละอายใจที่จะทำ

เรา solve โดยมองหาปิคอัพที่ขับดีๆ ดูเหมือนวิ่งประจำ รู้ไลน์ถนน แล้วตามมันไปห่างๆ สัก 20-30 เมตร ความสูงปิคอัพทำให้เห็นผิวจราจรใต้ท้องรถมันด้วย การไปเดี่ยวๆ บนถนนที่ไม่ชินทาง ต้องช้ามากจึงปลอดภัย แล้วเมื่อไหร่จะถึงบ้านเล่า แต่ก็ยังมีช่วงทำถนนที่ต้องระวังมาก เช่นอยู่ๆ เจอกรวยบีบทางให้แคบลง มีแสงนีออนจ้าๆ ช่วงทำทางแล้วแสงหายวับไปกับตา ตาปรับไม่ทันดิ ยังเจอจุดตรวจ 2-3 จุดที่ไม่รู้ตรวจอะไร เพราะเห็นเรียกตรวจเป็นบางคัน

ถึงตัวเมืองฉะฯ กันสามทุ่มกว่า เลยแวะร้านข้าวต้มที่เราชอบ สั่งกับแกล้มมา 3-4 อย่าง ถึงบ้าน 9.40 pm อาบน้ำกินเหล้าต่อสิครับ แต่คืนนี้ต้องนอนเร็วหน่อย ราวตี 2 ครึ่งก็ขึ้นเตียง พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน คืนพรุ่งนี้ค่อยยาวไป ว่าแล้วก็ชวนไอ่น้องชายอีกคนที่อยู่กรุงเทพมาเมาด้วยกัน.




ไม่มีความคิดเห็น: