While I thought that I was learning how to live, I have been learning how to die - Leonardo da Vinci

บทความเหล่านี้ หากเป็นประโยชน์กับท่าน ผมก็ดีใจ หากจะนำไปใช้ที่อื่น ผมก็ยินดี แต่กรุณาอ้างอิงที่มานิดนึง จัดเป็นมารยาทพื้นฐานในการใช้บทความของผู้อื่นใน internet หลายเรื่องผมต้องค้นคว้า แปลเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง กลั่นกรอง เรียบเรียง ใช้เวลา ใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ การก๊อปไปเฉยๆ อาจทำให้คนอื่นคิดว่าคนที่นั่งคิดนั่งเขียนแทบตายห่ากลายเป็นคนก๊อป ผมเจอเพจที่เอาเรื่องของผมไปตัดโน่นนิดนี่หน่อยให้เป็นงานของตัวเอง ไม่อ้างอิงที่มา ไม่ละอายใจหรือ .. สงสัยอะไร comment ไว้ ผมจะมาตอบ แต่ถ้าใครมาแสดงความไพร่หรือด่าทอใครให้พื้นที่ของผมสกปรก ผมจะลบโดยไม่ลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยว อยากระบายไปหาที่ของตัวเองครับ หมายังขี้เป็นที่เป็นทางเลยจ้ะ นี่ก็เคยเจอ ไม่รู้พ่อแม่สอนมายังไง!!!

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การดูแลสุนัขป่วย (my last diary) / Thu. 9 Nov., 2014



บ๊าคไปแล้ว แต่ผมต้องการให้ความรู้เรื่องหมาและการดูแลหมาป่วย เป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง จากการอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า ถามคุณหมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลายคน อย่างไม่เกรงใจ ก็ได้อะไรมามาก .. ผมไม่อยากให้ความรู้เหล่านี้ ตายไปพร้อมกับบ๊าค หรือลืมเลือนไปกับเวลาที่ผ่านพ้น เพราะผมจะไม่เลี้ยงสัตว์อีกแล้ว .. สิ่งเหล่านี้มาจาก บทความ งานวิจัย ทั้งของคนและของสัตว์ ที่หาได้ในเนท หลายร้อยหน้า A4, คุณหมอวรรณพงศ์/วรรณพงศ์สัตวแพทย์, คุณหมอธนิกาและคุณหมอท่านอื่นๆ/โรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด, คุณหมอฝน/ http://www.koonfonpetshop.com/



ผมตั้งใจใช้งานนี้ อุทิศให้เขา เผื่อมันจะเป็นประโยชน์กับหมาตัวอื่นบ้าง เป็นประโยชน์กับคนที่สืบค้นข้อมูลไปใช้กับเด็กๆ ในบ้าน (ความจริงในคนก็คล้ายๆ กัน) ผมจะสรุปคร่าวๆ เรื่อง การรักษาสัตว์ตามอาการ ไว้ในบทความนี้ (จากประสบการณ์ตรงกับหมา 4-5 ตัว ที่เลี้ยงเหมือนลูก) หากต้องการลงลึกในรายละเอียดที่มากกว่านี้ คุณอาจต้องทนอ่าน diary ของผมเกือบ 30 วัน กับบทความที่เกี่ยวกับหมาของผม หรือไปหาเอาจากที่อื่น
ผมเขียนทุกอย่างที่รู้ ที่ต้องพิจารณา ลงไปทุกวัน ที่ผมได้ข้อมูลใหม่ๆ .. มันเลยกลายเป็นบันทึกประจำวัน ถึงความสัมพันธ์ของผมกับบ๊าค และข้อมูลในการดูแลหมาป่วยหนัก ร่วมกัน .. ตอนที่เขียน ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาหนักขนาดไหน มันเลยเป็นบันทึกความทรงจำของผม ในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ไปด้วย
ผมเริ่มเขียนหลังออกจากโรงพยาบาล เพราะผมเฉียดตายมา ไม่แน่ใจเวลาของตัวเองอีกแล้ว เลยเขียนบันทึก ซึ่งอยู่ในบันทึกคนกับหมา September 2014 – October 2014 ผมตั้งใจจะเขียนทุกวัน จนกว่าเขาหรือผมจะตาย คิดไว้ว่าคงหลายปี ไม่น่าเชื่อ ว่ามันจะจบเร็วขนาดนี้  .. การไม่มีเขา ทำให้ผมรู้สึกว่างเปล่า(ชิบหาย) เราเคยดูแลกัน นั่งคุยกัน นอนกอดกัน จับปล้ำเช็ดหู ตัดเล็บ ตัดขนใต้ฝ่าเท้า เขาเป็นทุกสิ่งในชีวิตที่บ้าน ของผม เขาไม่อยู่แล้ว ผมจะทำอะไร ผมจะอยู่ยังไง
การเจ็บป่วยของเขา เป็นมาหลายปี ทั้งโรคหัวใจ โรคไต เคยเป็นกระดูกสันหลังอักเสบ แทบเดินไม่ได้ แต่เราก็ผ่านมันมาด้วยกันได้ ยาควบคุมอาการของโรคได้ดี เขายังมีความสุขตามสมควร ได้รับความอบอุ่นจากผมเสมอ เป็นดั่งแก้วตา ดวงใจ .. สุดท้าย เราต่อสู้กับมะเร็งไม่ได้ .. ไปดีนะ ไอ้ลูกชาย
เมื่อบันทึกไว้ด้วยลายมือ ทบทวนอีกครั้งด้วยการพิมพ์ และอีกครั้งในการตรวจสอบความถูกต้อง ผมจึงได้คำตอบว่า ทำไม .. สิ่งที่ผมพยายามทำ ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อาหาร ยา วิตามิน การดูแล เพียงแต่ มันไม่ทันเวลา
ผมสรุปได้ว่า เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ถึงระยะสุดท้ายแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เขาท้องเสียหลังผมออกจากโรงพยาบาลมาได้อาทิตย์นึง .. ปัญหาที่ผมกับลูกชายเจอ คือ ทำคีโมไม่ได้ เพราะเป็นเซลล์มะเร็งชนิดที่แพร่กระจายเร็ว และไม่ตอบสนองกับคีโม เพราะร่างกายเขารับไม่ไหว และถึงร่างกายรับไหว ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่โทษเท่านั้น ผมจึงทำได้แค่ รักษาตามอาการ .. ในกรณีที่อาการไม่หนักเท่านี้ เป็นมะเร็งชนิดอื่น หรือทำคีโมได้ ผมเชื่อว่าการดูแลแบบที่ผมทำอยู่ จะทำให้เขารอดได้อย่างแน่นอน
ผมจะแยกอาการต่างๆ ให้เห็นชัดๆ สำหรับคนที่เจอปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง จะได้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และหาทางรักษาได้ตรงจุดในเวลาสั้นๆ .. ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสช่วยให้เขารอดได้มากเท่านั้น ผมเริ่มจากอาการแสดงที่ผมพบ เรียงลำดับไปเรื่อยๆ แล้วกันครับ .. สำหรับหมาที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ และง่ายกว่า ในการให้การรักษา
อาการแสดง
1. ไม่กินข้าว/อาหาร เมื่อหมาไม่กินอาหาร อาจเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ (ผมเคยเจอทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ ครั้งนี้มันเป็นเรื่องใหญ่) มันหมายความว่า สภาพร่างกายเขาแย่มากแล้ว อาจเป็นค่าไตสูง น้ำท่วมปอด มะเร็ง หรือ แค่เบื่ออาหาร ..
ที่ผมเจอมา เมื่อหมาหยุดกิน ก็อาการแย่เกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำคั่งในเยื่อหุ้มหัวใจ มะเร็งตับ มะเร็งชนิดอื่นๆ  
ผมยังเคยเจอกับบ๊าค ที่ค่าไตสูงอย่างเดียว จะแก้ง่ายมากครับ ให้น้ำเกลือเข้าใต้ผิวหนัง เช้า-เย็น ไปเรื่อยๆ ป้อนอาหาร เมื่อค่าไตดีขึ้น เขาจะกลับมากินเอง ..
วิธีการแก้ไข ก็แค่ทำให้กินให้ได้ ทำยังไงก็ได้ให้อาหารผ่านคอ ลงท้องไป ที่ง่ายที่สุดคือ อาหารปั่นละเอียด ใช้ช้อนหรือไซริ้งค์ป้อน แล้วปิดปากบังคับให้กลืน จนกว่าจะถึงวันที่เขา ไม่ยอมกลืน
ถ้าจะรั้งไว้ให้ได้ ก็ต้องให้สารน้ำทางเส้นเลือด อาจยื้อเวลาได้นานกว่าหน่อย ซึ่งผมไม่เห็นด้วย  เพราะคุณภาพชีวิตเขาแย่มากแล้ว ยื้อเวลาทรมานเขาออกไป มันไม่มีประโยชน์ อย่ารั้งเลย
2. ท้องเสีย ถ่ายเหลว อาจเกิดได้กับค่าไตสูง กินอาหารไม่ถูกต้อง หรือมะเร็ง .. 2 อย่างแรกแก้ไขให้หายแล้วกลับมามีสภาพเหมือนหมาไม่ป่วยได้ง่ายๆ .. ส่วนมะเร็ง ก็แก้ไขให้หายจากอาการนี้ได้เช่นกัน .. แต่ถ้าเซลล์มะเร็งลุกลามไปที่ผนังทำไส้ นั่นหมายถึงมะเร็งระยะสุดท้าย (ที่คุณหมอบอกผมนะ) ทำให้การดูดซึมอาหารแย่ลงเรื่อยๆ
สิ่งที่กินเข้าไป ช่วยได้แค่ ทำให้การทำงานของกระเพาะและลำไส้ยังอยู่ได้ ลดอาการอ้วกหรือท้องเสีย .. แต่ความสามารถในการดูดซึม ลดน้อยลง ทำให้หมาผอมลงอย่างรวดเร็ว บวกกับการทำงานของเซลล์มะเร็ง เร่งการใช้โปรตีน เมื่อร่างกายผลิตให้ไม่ทัน มันจึงหันไปเล่นกล้ามเนื้อแทน บ๊าคของผม จึงแทบจะเหลือแต่กระดูก ก่อนไป
กรณีอย่างนี้ ก็ต้องทำใจ แต่ไม่ใช่นั่งดูเฉยๆ .. ยังไงก็ต้องช่วย ให้ได้สบายขึ้นหน่อย อย่าให้ต้องทรมานมากนัก .. อาการท้องเสีย ทำให้หมาปวดท้อง เหมือนในคนน่ะแหละ พาลให้กินไม่ได้ นอนไม่ได้ หอบ หรือหนักๆ อย่างที่ผมเจอ คือ ทุกอย่างร่วมกันและอึไหลออกมาเอง เพราะน้ำกับแบคทีเรียในลำไส้มากเกินไป เขาจะปวดท้องมาก กระสับกระส่าย นอนไม่ได้ .. ถ้าทำให้หยุดไม่ได้ ร่างกายจะแย่ลง เร็ว กว่าที่ควรจะเป็น
จากที่ปรึกษาคุณหมอ ให้เริ่มจาก ultracarbon หรือถ่านอัดเม็ด ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ใช้ห่างจากยาและอาหารอื่นราว 1-2 ชั่วโมง จะช่วยดูดซับน้ำและแบคทีเรียในลำไส้ แล้วขับออกมา ถ้าไม่หาย ให้ไปหาหมอ หรือขอคำปรึกษาเพิ่มเติม ต้องใช้ยาอื่นร่วมด้วย ปกติก็เป็นยาแก้อักเสบติดเชื้อ แต่ยาบางอย่าง ต้องดูโรคประจำตัวที่หมาเป็น
ยกตัวอย่าง .. บ๊าคของผม มีโรคไตกับโรคหัวใจ ผมใช้ cavumox 625mg ร่วมด้วย ช่วยเรื่องอักเสบติดเชื้อ และไม่มีผลข้างเคียง คุณหมอท่านว่า tetracycline ให้ผลดีกว่าในกรณีท้องเสียมากๆ แต่ใช้ในหมาโรคไตไม่ได้ ..
นอกจากนี้ ถ้าไม่อึ หรือลักษณะอึยังไม่ดี หมายถึงการทำงานของกระเพาะและลำไส้ไม่ดีพอ ควรใช้ยาที่ช่วยในการย่อย และยาที่ช่วยในการบีบตัวของลำไส้ ร่วมด้วย เพื่อดันอึออกไป ขับของเสียและเชื้อโรคออกไป ไม่เช่นนั้นจะทำให้ท้องอืด สุดท้ายไม่กิน และอาเจียน
3. อาเจียน คุณเคยอ้วกไหม หมาอ้วก ก็ได้รับความทรมานเหมือนๆ เราอ้วกน่ะแหละ .. การอ้วก ให้ดูว่า ของที่อ้วกออกมาเป็นอะไร บ่อยแค่ไหน .. อ้วกตอนไหน ตอนท้องว่าง ก่อนเวลากิน หรือหลังกิน .. ถ้าอ้วกหลังกิน หลังนานแค่ไหน .. เป็นน้ำย่อย เป็นอาหาร หรือเป็นน้ำ .. ถ้าเป็นอาหาร ยังแยกเป็น มันย่อยรึยัง หรือเข้าไปยังไงก็ออกมายังงั้น .. มีเลือดไหม มากน้อยแค่ไหน สีอะไร .. รายละเอียดพวกนี้จะบอกได้ว่า หมาคุณเป็นอะไร
เบาะๆ ก็อาจแค่ กินเร็วไป, กินมากไป, กินแล้วไปวิ่งเล่น, เหนื่อยๆ มาแล้วกิน, มีแผลในกระเพาะอาหาร, มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบทางเดินอาหาร, ท้องอืด, ท้องผูกไม่อึ, ติดเชื้อในทางเดินอาหาร, กระเพาะลำไส้ไม่ทำงาน, ค่าไตสูง
ก่อนอื่น ต้องทำให้หยุดอ้วกก่อน เอาอาการข้างต้นไปถามหมอ น่าจะดีที่สุด .. แต่ผมขอเล่าในส่วนของผมให้ฟัง สาเหตุที่ผมเจอ มาจากมะเร็งก็มี จากค่าไตก็มี กินเร็วไปก็มี
ผมเคยใช้ยา 3 ตัว .. ตัวแรก คุณหมอให้มา ไม่ได้บอกว่าชื่อยาอะไร อ่อนเกินไป เอาไม่อยู่ คุณหมอให้ใช้อีกตัวแทน domperidone ใช้ได้ผลกับค๊อฟฟี่ แต่ก็ต้องเพิ่มปริมาณ 1-2 ครั้งจึงได้ผล .. ตัวหลังสุด หลังจากใช้ยาตัวที่ 2 ไปนานหลายปี(อาจเพิ่งออกมาใหม่) คุณหมอให้ใช้ ondensetron ชื่อการค้าคือ onsia ลูกบ๊าคหนัก 30 กว่าโล ใช้ขนาด 8 mg ก็เอาอยู่ ให้ได้ทุก 8 ชั่วโมง ถ้าเป็นไม่มากก็เช้า-เย็น อาจให้ติดต่อกันสัก 2-3 วัน แล้วหยุดดูอาการ
domperidone กับ ondensetron เป็นยาแก้อาเจียน สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่แพ้คีโม ก็แพ้กันทุกคนแหละครับ ..  คีโมมันฆ่าไม่เลือก เซลล์ไหนโตเร็ว มันฆ่าหมด ในคนเลยขนร่วง ผมร่วง ผิวหนังอักเสบ ท้องเสีย เพราะเซลล์ผนังลำไส้ก็โดนไปด้วย ในหมาก็ส่งผลแบบเดียวกัน .. ยาทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นยาของคน ที่เอามาปรับขนาดใช้ในสัตว์ ตัว ondensetron มีความปลอดภัยสูงกว่า ไม่มีผลข้างเคียง อันนี้คุณหมอบอกมานะครับ ..
ปัญหาคือ ondensetron ตามร้านขายยาแบบขายส่ง ยังไม่มีเลย ถ้าซื้อที่คลีนิค ราคาค่อนข้างสูง (ถ้าผมจำไม่ผิด เม็ดละ 40) ผมให้น้องสะใภ้หาให้แถวศิริราช กล่องละ 280 มี 10 เม็ด จัดเป็นยาสามัญประจำบ้านอีกตัวของหมาผม .. ส่วน domperidone เป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไป ร้านขายยาธรรมดาก็มีขาย และราคาไม่แพง ตอนที่ใช้ ผมจำได้ว่า หาซื้อได้ในขนาด 5 mg เริ่มที่ 1 เม็ด เมื่อไม่ได้ผล ก็เพิ่มทีละเม็ด จนได้ผลที่ 3 เม็ด กับหมาน้ำหนักตัวราว 30 kg. ถ้าใช้ขนาด 10 mg ก็ใช้ปริมาณเม็ดน้อยลง ลำบากหมาน้อยลง ในการถูกยายัดปาก
4. เดินเซ เสียการทรงตัว .. อาจเป็นมาจากข้อกระดูก (ตอนกระดูกสันหลังอักเสบก็เป็น) กล้ามเนื้อ ความเจ็บปวดจากส่วนต่างๆในร่างกาย และ สมอง ต้องดูสาเหตุร่วมอย่างอื่น เช่น มีโรคประจำตัวไหม กินข้าวได้ไหม กินน้ำได้ไหม กินน้ำได้มากพอรึเปล่า ถ้าหมาปล่อย ก็ต้องระวังไว้ก่อนว่า อาจโดนวางยามารึเปล่า ต้องดูอาการร่วมด้วยอื่นๆ เช่น น้ำลายยืดไหม หอบไหม
สาเหตุมหาศาลครับ อาจเป็นการได้รับสารอาหารไม่พอเพียง (ปริมาณอาหารกับสารอาหาร เป็นคนละเรื่องกันนะครับ), ขาดน้ำ, น้ำตาลในเลือดต่ำ, แคลเซี่ยมในเลือดต่ำ, ขาดออกซิเจน(โรคปอดและหัวใจ), เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่ดี(โรคหัวใจ), กล้ามเนื้ออ่อนแรง, กระดูกสันหลังเคลื่อน(กดทับเส้นประสาท), สมองกระทบกระเทือน, มะเร็งขึ้นสมอง, ติดเชื้อขึ้นสมอง (ไข้หัดสุนัข พิษสุนัขบ้า)
อันนี้ ดีที่สุดคือตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจหัวใจ x-ray ultrasound ถ้าทำได้ พร้อมเล่าอาการอย่างละเอียดให้หมอฟัง ไม่ต้องกลัวว่าหมอจะรำคาญ ถ้าเขารำคาญ เราก็ควรเปลี่ยนหมอ เพราะหมอต้องใส่ใจรายละเอียดแม้เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
วิธีการรักษา เหมือนกับที่ใช้ในอาการชัก ยกเว้นยากันชัก ไม่ต้องใช้
5. ชัก มักจะมาหลังสุด การชักต้องระวังมากครับ ก็เหมือนในคน ผลกระทบของการชัก จะทำให้ระบบประสาทมีปัญหา กล้ามเนื้อเกร็งตัว ถ้าสุนัขเป็นโรคหัวใจ ยิ่งมีความเสี่ยงที่อาจช็อคตาย ให้บีบนวดเบาๆ ให้กล้ามเนื้อคลายตัวก่อน พาหาหมอทันทีที่ทำได้ .. ของผมพาไปไม่ได้ เพราะสภาพแย่เกินไป จึงต้องเล่าอาการร่วมทั้งหมด แล้วรักษาแบบครอบจักรวาล
ในกรณีของหมาที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย กินอาหารไม่ค่อยได้ มีความเป็นไปได้คือ
น้ำตาลน้อยเกินไป ให้ป้อนน้ำหวาน หรือกลูโคสที่เป็นหลอดๆ แบบฉีดน่ะครับ หักหลอด แล้วเอาไซริ้งค์ดูดป้อนเข้าปากไป .. มันก็ใช่ มะเร็งชอบน้ำตาล แต่มันก็ยังดีกว่าชักตาย แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน
แคลเซียมต่ำ มาจากฟอสฟอรัสในเลือดสูง ฟอสฟอรัสจะไปจับแคลเซียม ค่า 2 ตัวนี้ ผมได้จากการตรวจเลือดครั้งล่าสุด ให้กิน aluminium hydroxide ซึ่งจะจับฟอสฟอรัส ไม่ให้ไปยุ่งกับแคลเซียม .. ปริมาณที่ให้ใช้ต่อวัน ต้องคำนวนตามน้ำหนักตัว บ๊าคหนัก 30 กว่าโล ต้องใช้อย่างน้อย 2700 mg ถ้าเกิน ก็จะแค่ทำให้ท้องผูก ในร้านขายยาแบบขายส่ง มียาที่มีส่วนผสมหลักเป็น aluminium hydroxide 3-4 อย่าง ผมขอให้เขาเอามาให้ดู แล้วเทียบเอาตัวที่มีสัดส่วนสูงสุด และต้องใช้จำนวนเม็ดน้อยที่สุด ได้ตัวที่เป็นกระปุก 1000 เม็ด เขาก็นับแบ่งขาย .. แอนตาซิลก็เป็นตัวหนึ่งในทางเลือก แต่สัดส่วน aluminium hydroxide ยังน้อยกว่าตัวที่ผมเอามา ซึ่งผมจำชื่อมันไม่ได้
ขาดน้ำ อาจมาจากกินน้ำน้อย หรือไม่กินเลย น้ำเกลือแก้ได้ หมาผมหนัก 30 กว่าโล ให้น้ำเกลือครั้งละ 500 cc เช้าเย็น ผมก็ให้มาเป็นเดือนแล้ว แต่แรกๆ ยังกินน้ำเอง หลังๆ กินน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่กิน  ก็มีความเป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้อง .. คุณอาจใช้ไซริ้งค์ช่วยป้อนน้ำ แต่บ๊าคของผมสำลักเสมอ เลยป้อนน้ำช่วยได้ไม่มาก
ค่าไตสูง ก็ทำให้ชักได้ อันนี้ของผมผ่าน ค่าไตสูงกว่ากำหนดจริง แต่ไม่ได้สูงถึงขนาดแสดงอาการด้วยซ้ำ (คุณหมอท่านว่า)
มะเร็งขึ้นสมอง (หรือเชื้อโรคอื่นๆ) อันนี้ก็เล่นยากล่ะครับ ของผม คิดว่ามันค่อยๆ ไปนะ ตั้งแต่เริ่มเดินเซแล้วแหละ แต่เขาก็ยังเดินได้ ยังพูดรู้เรื่องทุกอย่าง จนถึงวันตาย .. เรามาโฟกัสที่การหยุดอาการชักด้วยยากัน
คุณหมอแนะนำให้กิน gabapentin 300 mg ครั้งละเม็ด เช้า-เย็น ชื่อการค้าคือ Neurontin เป็นยากันชักแบบอ่อนๆ ทำงานกับสารสื่อนำเซลล์ประสาทในสมอง ให้มันทำงานช้าๆ ลงหน่อย ใช้กันเป็นยาระงับปวดในคนไข้โรคมะเร็ง และรักษาอาการปวดปลายประสาทกับผู้ป่วยทั่วไปที่มีอาการ
ก็ไม่ชักอีกเลยครับ ผลข้างเคียงคือ ง่วงซึม อ่อนเพลีย เดินเซ เสียการทรงตัว .. ผมเลยไม่รู้เหมือนกันว่า อาการเซที่มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะยา หรืออาการทางร่างกายอื่นๆ มันหนักขึ้น ถ้าในหมาที่ไม่มีอาการเซ อาจรู้ได้ชัด .. เมื่อหยุดชัก อาจปรับลดขนาดยา หรือลองหยุดยาแล้วดูอาการ ถ้าให้ดี ปรึกษาคุณหมอดีที่สุด
ยาบางตัวที่ผมพูดถึง ราคาค่อนข้างสูง ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ คุณอาจเลี่ยงไปใช้ยาตัวที่ราคาต่ำกว่า แต่ให้ผลอย่างเดียวกันได้ มันมีเรื่อง ยาใน ยานอก พรรค์นี้ด้วย ยกตัวอย่าง ยาขับน้ำตัวหนึ่ง lasix 40 mg เม็ดละ 4 บาท furosemide 40 mg เม็ดละบาท ตัวยาหลักคือ furosemide เหมือนกัน ตัวแรกเป็นยานำเข้า ตัวหลังผลิตในไทย ต่างกันที่ความเร็วในการแตกตัว ซึ่งก็ต้องกินเช้า-เย็น ตามเวลาอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังเลือกตัวแรกอยู่ดี มีอยู่ครั้ง ยาตัวแรกขาดตลาด ผมก็ต้องเอาตัวหลังมาใช้แทน ดีกว่าไม่มีกิน ก็ไม่เห็นความต่างในการแสดงอาการ
คุณลองนึกภาพ พาราเซตามอล/ซาร่า/เซมอล ตัวยาหลักมันก็ไอ้พาราเหมือนกัน .. คุณหมอหรือเภสัชกรร้านขายยาสามารถให้คำแนะนำได้ .. หรือคุณก็แค่พิมพ์ชื่อตัวยาหลักเข้าไปในเนท แล้วค้นหา (ผมศึกษายาทุกตัวที่หมากิน แต่ไม่เคยสนใจยาที่ตัวเองต้องกิน ก็หมามันพูดไม่ได้นี่)
ผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวย แค่พอจ่ายได้ เล่าให้ฟังอย่างไม่อายว่า ผมไม่มีเงินเก็บ .. เงินเดือนเกินครึ่งของผม ใช้จ่ายไปกับค่าอาหาร ค่ายา ค่ารักษาพยาบาล หมา มานานกว่า 15 ปี .. 5 ปีหลังก็หนักหน่อย ด้วยโรคและวัยชรา .. ซึ่งนับว่าโชคดีที่ผมไม่มีครอบครัว ไม่มีภาระด้านอื่น ไม่ต้องสร้างอนาคตกับใคร ไม่ต้องวางอนาคตไว้ให้ใคร ทำให้ผมไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือกดดันใดๆ ทั้งสิ้น แค่ทำให้ดีที่สุด กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในความรับผิดชอบ ตรงหน้า
การเลี้ยงหมา สอนผมหลายอย่าง .. เรื่องเงิน คงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทั่วไป ผมยกเรื่องนี้มาพูดแล้วกัน อย่างการจับจ่ายใช้สอย ต้องจำเป็นเท่านั้น ความต่อเนื่องของเวลา ระงับความอยากได้มากจนถึงหยุดอยาก .. และต้องมีเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่ง เผื่ออยู่ๆ ป่วยขึ้นมาจะได้มีเงินรักษา บางครั้งก็กระเป๋าฉีก แต่เราก็ผ่านมันมาได้ทุกครั้ง .. ผมรู้ดีว่า หมาๆ ที่ผมเลี้ยง อายุนานสุดอยู่ที่เท่าไหร่ ผมจึงไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการเก็บเงินมากนัก หลังจากทุกอย่างสิ้นสุด ผมค่อยเก็บเงินสำหรับตอนแก่ก็ยังทัน ความจริง ผมอาจไม่ได้อยู่ถึงตอนแก่ก็ได้ .. เมื่อ 2 เดือนก่อน ก็เกือบไปแล้ว
เอาล่ะ ชีวิตสัตว์เลี้ยงของเรา มันก็อยู่ในมือเราน่ะแหละ ช่วยเขา เท่าที่จะทำได้ เขาก็คนในครอบครัว ..
การดูแลความเป็นอยู่ อาหารและยา ความสุขทั่วไป อ่านได้จาก last diary of a madman .. ถ้าคุณอ่านไหว.

ไม่มีความคิดเห็น: