(กำหนดพิธีเสกสุสานปี 2559 -- วันเสาร์ที่
30 มกราคม 2559)
การเสกสุสานปีนี้ช่างน่าประหลาด จนผมไม่เขียนถึงคงไม่ได้ ผมอาจได้รับแรงบันดาลใจจากใครสักคน
ให้คิดว่าควรหยิบกล้องถ่ายรูปไปด้วย ภาพที่ได้ ไม่ค่อยดีนัก
เนื่องจากต้องกางร่มมือหนึ่ง อีกมือกดซัตเตอร์ ภาพพาโนรามาก็ใช้มือเดียว
มันเลยไม่นิ่งเท่าไหร่ ปัญหาอีกเรื่องคือ ผมสูงแค่ 168 เลยทำให้ภาพมุมสูง สูงได้แค่เนี้ย
ก่อนอื่นเลย เผื่อใครไม่เคยรู้ (เพราะยังไงๆ
ญาติก็โทรบอกอยู่แล้ว) ด้วยความที่น้องชาวพุทธคนหนึ่งสงสัย
ผมเลยคิดว่าบางคนอาจไม่รู้ก็ได้
วัดเซนต์ร็อคจะเสกสุสานทุกวันเสาร์ก่อนตรุษจีนของทุกปี
ใช้กันมาตั้งแต่เริ่มมีป่าช้าและคงใช้ตลอดไป
ถึงเราจะไปนอนอยู่ตรงนั้นจนกระดูกผุแล้วก็ตาม ซึ่งปีนี้ตรงกับวันวาเลนไทน์
เราเลยได้ร่วมรำลึกถึงการตายของเซนต์วาเลนติอุสไปด้วยพร้อมๆ กัน
และ ปีนี้ฝนตก เป็นเรื่องประหลาดมากๆ
ตั้งแต่เกิดมาผมก็เพิ่งเจอเสกสุสานฝนตก ทั้งๆ ที่หมดหน้าฝนไปหลายเดือนแล้ว
ธรรมชาติและฤดูกาลเริ่มไม่คงเส้นคงวา อาจเป็นเพราะเรามนุษย์สร้างมลพิษมากเกินไป
ที่น่านับถือน้ำใจ ญาติๆ
ของผู้ล่วงลับดูเหมือนจะมารวมตัวกันมากกว่าปีก่อนๆ และไม่สนใจว่าฝนจะตกหรือไม่
เรายังคงวางดอกไม้ เตรียมเทียน กันตามปกติ
ผมเองก็จุดเทียนไว้แก้วหนึ่งตั้งแต่เริ่มมิสซา พลางนึกถึงตอนที่ผมยังเด็ก
หลุมศพของก๋งกับย่าซึ่งอยู่คนละที่ จะทำรางซีเมนต์ไว้ด้านหลัง
พอคุณพ่อบอกให้จุดเทียนได้ เราก็จุดกัน 40-50 เล่มทั้ง 2 ที่ ควันโขมง จนเมื่อ 10
กว่าปีก่อน เราถึงเลิกรบกวนชาวบ้าน โดยใช้เทียนแก้วไม่เกิน 20 อัน
ช่วงต้นมิสซา ฝนตกปรอยๆ ซึ่งเริ่มตกๆ หยุดๆ มาตั้งแต่ตี 3
ครึ่ง (ผมรู้เพราะเพิ่งกินเหล้าเสร็จน่ะครับ)
ผู้คนส่วนใหญ่จึงเข้าไปหลบใต้หลังคาโค้งกลางสุสาน ช่วงหลังรับศีลจะเป็นการเสกสุสาน
ฝนเริ่มตกใหญ่โต ทั้งฝนทั้งลมตั้งแต่ช่วงรับศีล แต่ญาติๆ ผู้ตายราว 60 เปอร์เซนต์ กลับเดินไปที่หลุมฝังศพแล้วเริ่มจุดเทียน
ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก ฝนสาดจนหลังเปียก แม้จะมีร่ม จุดได้พักนึงก็ดับเพราะสู้ลมสู้ฝนไม่ไหว
เอาเถอะ เราจุดกันเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น
ผมเริ่มสงสัยว่าคุณพ่อจะเสกสุสานหรือไม่ แล้วก็นับถือน้ำใจพวกท่านที่ฝ่าฝนออกมาเดินเสกไปตามหลุมศพเหมือนปกติ
บางช่วงที่พื้นปรับระดับไม่ดีพอ มีน้ำขัง ท่านก็ลุย บ้างก็ถกชายเสื้อคลุม
แต่ชายกางเกงน่ะเปียกแน่ๆ
เรื่องสุดท้ายที่น่าแปลกใจ
เมื่อประโยคสุดท้ายของพิธีมิสซาจบลง ฝนหยุดตกทันที และหยุดสนิท ผมเลยสงสัยว่า
ผู้ตายทั้งสุสาน รวมหัวกันวัดใจพวกเราที่ยังไม่ตาย รึเปล่า
เรื่องต่อมา ก็เป็นการเอารถขึ้นจากหล่มโคลนนั่นแหละครับ ด้วยความที่เป็นที่จอดรถที่เพิ่งถมไว้ไม่กี่ปี
ซึ่งใช้งานปีละไม่กี่ครั้ง เมื่อฝนตกมากๆ เลยกลายเป็นดินชุ่มน้ำ ยิ่งเร่งเครื่อง
ล้อก็ยิ่งจมลงไป งานนี้จะหลุดออกมาได้ด้วยตัวเอง ต้องเป็น 4 wheel พันธุ์แท้จริงๆ นอกนั้น ทางวัดก็หา 4 wheel 3
คันมาช่วยชักลากคันอื่นๆ ขึ้นถนน ผมว่าการเสกสุสานปีนี้ หลายๆ
คนคงประทับใจไม่ใช่น้อย
เชิญชมภาพบรรยากาศกันได้เลยครับ
ช่วงต้นมิสซา ฟ้าครึ้ม เป็นช่วงที่ฝนหยุดตก
เหลือละอองนิดหน่อย หลังจากตกหนัก เบา สลับกัน ทุก 10-20 นาที มาตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง
ผู้คนเข้ามานั่งหลบฝนกันค่อนข้างมาก ด้านไกลสุดเป็นแท่นบูชา
ผมยืนถ่ายภาพจากหลังเก้าอี้แถวสุดท้ายที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ ด้านหลังผมไป
ยังมีคนไม่ต่ำกว่า 50 ยืนอยู่
ช่วงที่ให้เริ่มจุดเทียน ฝนก็ตกหนัก
น่าเสียดายที่กล้องของผมจับภาพสายฝนไม่ได้ และ ด้านหน้านี่ล่ะ บรรพบุรุษของผม
ช่วงรับศีลครับ
คนไปรับศีลกัน เลยดูร่อยหรอ
เพิ่งได้ภาพจากกล้องมือถือของน้องชาย
ให้เห็นสายฝนกันชัดๆ ครับ
คุณพ่อฝ่าฝน เสกสุสาน
ภาพมุมกว้างหลังเสร็จพิธี
สุสานดูสงบ ในขณะที่ลานจอดรถกำลังวุ่นวาย
วันเสาร์หน้า (21 กุมภาพันธ์ 2558)
จะมีพิธีเสกสุสานที่วัดเซนต์ปอลนะครับ ซึ่งจะมีมิสซาที่สุสานทั้งคืนวันศุกร์และเช้าวันเสาร์ วัดเซนต์ปอลกับวัดเซนต์ร็อคเป็นพี่น้องกันครับ เพราะก่อนที่เราจะมีสุสานของเราเอง เราต้องเอาศพไปฝังที่วัดเซนต์ปอลทั้งหมด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเรื่อง สุสานวัดเซนต์ร็อค ครับ .. ถ้าเป็นไปได้ ผมจะถ่ายภาพมาฝากกันอีกนะครับ ก็คงเป็นภาพตอนกลางคืน เพราะผมสะดวกไปในคืนวันศุกร์ของทุกปี
ผมอยากได้ภาพถ่ายติดวิญญาณกับเขาบ้างจัง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น