ผมมักจะไปที่ป่าช้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง
ไปเยี่ยมหลุมฝังศพญาติผู้ใหญ่ มันเป็นสุสานคาทอลิกน่ะ บรรยากาศเงียบสงบ
มีหลุมฝังศพเรียงๆ กันไป มีต้นไม้ล้อมรอบ ตอนเย็นจะร่มรื่นดี น่าทำอะไรหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นการนอนเล่น ซดเบียร์ เอาหนังสือไปอ่าน เอากีต้าร์ไฟฟ้าไปเสียบแอมป์เล่น หรือแม้แต่นั่งสมาธิ
แต่พอความมืดเริ่มคืบคลาน ความรู้สึกมันจะเปลี่ยนทันที เนื่องจากทั้งบริเวณ
นอนกันเต็มไปหมด คาดเดาไม่ได้ว่าท่านผู้ใดจะลุกมาทักทายเราบ้าง และผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครใจถึงพอที่จะเข้าไปตอนกลางคืน
นอกจากในหนังผีฝรั่ง
บางคนอาจสงสัยว่าแล้วเค้าทำกันยังไง
จะเล่าให้ฟัง เคยมีญาติใกล้ชิดเสียชีวิต ทำให้ผมได้เห็น progress
ของงานตั้งแต่ต้นจนจบ จริงๆ แล้ว มันก็มีวิธีพื้นๆ อยู่ไม่กี่วิธี
เช่น
1. วิธีมาตรฐาน ขุดดินลงไป เทพื้นคอนกรีต
แล้วก่ออิฐฉาบปูน ตกแต่งภายใน ภายนอก จะเอาให้ยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหนก็ว่ากันไป
2. อันนี้ไม่ขุดนะ
เล่นกันที่ผิวดิน ก็จะสูงหน่อย ขึ้นอยู่กับความชอบของญาติ วิธีการก็เทพื้น
นอกนั้นเหมือนกัน
3.
อันนี้จะยากหน่อยถ้ามันใหญ่อย่างของป้าผม ก็ต้องใช้วิศวกรรมโยธาขั้นพื้นฐานมาช่วยเพื่อป้องกันการทรุด
เอียง แตกร้าว วิธีการคือตอกเข็มแพสั้นรับน้ำหนัก สกัดหัวเข็ม
เชื่อมต่อตะแกรงเหล็กพื้น เทคอนกรีต จากนั้นก็เหมือนๆ
วิธีอื่น
4. อันนี้จะดูน่ากลัวนิดนึง
ใช้กับสุสานในกรุงเทพที่มีพื้นที่จำกัด เลยต้องสร้างเป็นคอนโดขึ้นมา เพื่อรองรับ demand มากๆ
จบเรื่องวิธีการฝังศพของคาทอลิก มาต่อกันด้วยเรื่องของความรู้สึก
.. ไอ้การไปป่าช้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง ติดต่อกันจนเกือบ 11 ปี นับตั้งแต่ป้าเสียโน่นแน่ะ
มันก็ได้อารมณ์ดีนะ ไม่รู้คนอื่นๆ เขาทำกันหรือเปล่า จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไร
แค่รักเขา มากกว่าพ่อแม่ตัวเองเสียอีก ทั้งๆ ที่ก็อยู่บ้านเดียวกันนี่แหละ
เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด นอนเตียงเดียวกันจนเค้าตาย มันเป็นเรื่องของความผูกพันทางใจ
ประเภทที่ว่าอุตส่าห์ตายหนี ก็หนีมันไม่พ้น มันไม่จบง่ายๆ (.. โชคร้ายหน่อยนะป้าที่มีหลานอย่างผม
..) ก็เลยอยากไปอยู่ใกล้ๆ ร่างของเขา คิดถึงความรู้สึกเวลาได้อยู่ใกล้ๆ เขา
ไปถึงก็เคาะๆ เป็นไง สบายดีไหม สัมผัสผ่านแผ่นกระเบื้องที่ซึมซับไอร้อนไว้
และยอมรับว่าสุดท้าย .. ในทาง physical ก็เหลือเท่านี้
การได้ไปยืนอยู่ท่ามกลางคนเป็นร้อยที่ตายแล้ว
มันก็ทำให้นึกถึงว่า แต่ละคนคงมีความหลังมากมาย ไม่ว่าเขาเคยผ่านความสุข ความทุกข์
หรือต่อสู้ฟันฝ่ากันมาเพื่อมาให้ถึงจุดนี้
เราแต่ละคนล่ะต้องต่อสู้ดิ้นรนกันอีกเท่าไหร่เพื่อมาให้ถึงจุดเดียวกัน
ที่..สุดท้าย..ก็ไม่มีอะไรสำคัญอีก เหลือแค่หลุมฝังศพขนาดพอนอนสบาย กับป้ายหินอ่อนที่มีรูปเล็กๆ
หนึ่งรูป พร้อมชื่อ วันเดือนปีเกิด วันเดือนปีตาย อาจมีข้อความสวยๆ สักประโยค เช่น
Rest In Peace แล้วก็นอนรอกันไป ให้ลูกหลาน ญาติพี่น้องมาเยี่ยม
ถ้ามันไม่มาบ่อยๆ อย่างน้อยมันก็ต้องมาปีละครั้ง ในพิธีเสกสุสาน
ที่ญาติทุกคนต้องมาร่วมกันประกอบพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญประจำปีและระลึกถึงผู้ตาย กับความทรงจำมากมาย
สิ่งดีๆ ที่เขาเคยทำไว้ ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่
การเสกสุสานมันจะให้บรรยากาศที่แตกต่างจากวันปกติทั่วไป
ท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ ผู้คนเป็นพันคนเดินมั่วไปหมดก่อนเริ่มพิธี การยกมือไหว้
ทักทายกัน เห็นได้ทั่วไป ดอกไม้หลากสีสวยงามตระการตา
กลิ่นเทียนหอมผสมกับกลิ่นกำยานกระจายไปทั่วบริเวณ
หากคุณหลับตาลงและสัมผัสสิ่งรอบตัวด้วยใจ คุณจะได้รับความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง
คล้ายๆ กับได้ยืนอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 2000 ปีก่อน เมื่อคุณลืมตาขึ้น คุณจะต้องทึ่งที่พบว่าความวุ่นวายและความสงบ
ประสานกันได้อย่างลงตัว ในเวลาและสถานที่เดียวกัน
มันเป็นเรื่องที่ฟังดูน่ากลัวเมื่อพูดถึงความตายในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่
ยังรู้สึกถึงความหนุ่มสาว มีความสุขกับสิ่งล่อตา ล่อใจ .. แต่สุดท้าย ..
สิ่งเหล่านี้จะถูกปฎิบัติกับเรา เมื่อเราจบเรื่องของเราในโลกใบนี้ .. แล้วคุณจะฝากความทรงจำใด
ไว้ให้กับคนที่มีความสำคัญกับคุณ .
1 ความคิดเห็น:
แล้วเจอกันที่หลุมนะ เสาร์นี้
แสดงความคิดเห็น